ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 124 ฉันตีตราจองเฉียวเหลียงไว้แล้ว
เฉียวเหลียงหลับตาลง ถังซีนวดศีรษะให้เขาเบาๆ แต่เฉียวเหลียงก็ยังนอนหลับไม่สนิท เขาขมวดคิ้วราวกับมองเห็นอะไรบางอย่างที่น่ากลัวในความฝัน ทันใดนั้นเขาก็ลืมตามองถังซี จับมือเธอไว้แน่น
ถังซีมองเขาด้วยความรู้สึกเศร้าและกล่าวอย่างขมขื่น “ฉันอยู่นี่ค่ะ ฉันจะไม่ไปไหน หลับให้สนิทนะคะ เดี๋ยวคุณตื่นขึ้นมาเราจะไปดื่มน้ำชาตอนบ่ายกัน หรือจะไปเยี่ยมคุณป้าเฉียวก็ได้ ไปดื่มน้ำชากับท่าน สนามหญ้าบ้านคุณสวยมาก เหมาะมากเลยที่จะดื่มน้ำชา เราไปดื่มกันที่นั่นก็ได้”
เฉียวเหลียงส่ายศีรษะ แล้วหลับตาลงอีกครั้ง
ถังซีนอนลงกับเขาพร้อมกับฮัมเพลง ‘My Darling’ เบาๆ ให้เขาเอนศีรษะพิงเธอ เฉียวเหลียงจับมือเธอไว้ข้างหนึ่ง ขณะที่มือเธออีกข้างลูบหลังเขาเบาๆ
คราวนี้เฉียวเหลียงไม่ขมวดคิ้ว แต่ไม่นานหลังจากหลับตาเขาก็ลืมตาขึ้นมามองเธออีก ถังซีรู้ว่าเขายังไม่อยากนอน แต่เขาทำแบบนี้ไม่ได้ เขาต้องนอน เธอจึงเอามือปิดตาเขาแล้วบอกว่า “นอนหลับก่อนเถอะนะคะ ถ้าคุณนอนหลับฉันจะอยู่ที่นี่ตลอดเวลาจนกว่าคุณจะตื่น แต่ถ้าคุณไม่หลับฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้”
เฉียวเหลียงกระชับมือที่จับมือเธอไว้แน่น น้ำเสียงเขาเครียดมากเมื่อตอบว่า “ไม่ ผมไม่ยอมให้คุณไปไหน”
“ตกลงค่ะ นอนหลับซะ ฉันจะอยู่กับคุณตอนคุณหลับ” ถังซีกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ “ฉันจะเป็นห่วงคุณมากถ้าคุณยังนอนไม่หลับอีก ถ้าฉันไม่ได้นอนมานานสิบวัน คุณจะไม่เป็นห่วงฉันเลยเหรอ”
เฉียวเหลียงพูดไม่ออกได้แต่จ้องมองเธอ ถังซีจ้องเขากลับ แต่ถึงแม้เวลาจะผ่านไปครู่ใหญ่แล้ว เฉียวเหลียงก็ยังไม่ยอมหลับตา ถังซีโน้มตัวลงกอดเขาไว้แน่น “ขอร้องนะคะ” เธออ้อนวอนด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง “ฉันจะรู้สึกไม่ปลอดภัยถ้าคุณไม่ได้นอนหลับพักผ่อน คุณบอกไม่ใช่เหรอคะ ว่าจะปกป้องดูแลฉันตลอดเวลา ถ้าคุณตายไป ใครจะปกป้องดูแลฉันล่ะ อาเหลียง คุณอยากให้ฉันอยู่โดยไม่มีคุณ หลังจากที่ฉันได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในที่สุด อย่างนั้นหรือ”
เฉียวเหลียงรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ เขากอดถังซีแน่นและหลับตาลง ถังซียิ้ม กอดเขาแน่น และนอนอยู่ในอ้อมแขนเขา
เธอยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่และควรนอนพักอยู่บนเตียงเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงกว่านี้ แต่เพราะเป็นห่วงเฉียวเหลียง เมื่อวานนี้เธอจึงยืนยันว่าจะออกจากโรงพยาบาล โดยไม่คาดคิดว่าจะไม่สามารถเปิดระบบได้ หลังจากนั้นเฮ่อหว่านอีก็ชวนเธอกับพี่ๆ ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ แล้วเธอก็เมาเล็กน้อย หลังจากกลับถึงบ้านเมื่อเช้านี้เธอเหนื่อยมากจนหลับไปทันที แต่แล้วเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากเซียวจิ่ง บอกว่าเฉียวเหลียงไม่ได้นอนมาสิบกว่าวัน
เฉียวเหลียงลืมตาขึ้นมองหญิงสาวที่หลับใหลอยู่ในอ้อมแขน เขาก้มลงประทับจูบที่หน้าผากเธอ และค่อยๆ หลับตาลงขณะพึมพำว่า “ผมจะอยู่เคียงข้างคุณและปกป้องคุณตลอดไป”
หญิงสาวที่หลับอยู่มีรอยยิ้มบางๆ ขณะซุกหน้ากับอกเขา
เฉียวเหลียงเอื้อมมือไปหยิบรีโมตคอนโทรลบนโต๊ะข้างเตียงแล้วกดปุ่ม กระจกหน้าต่างเปลี่ยนเป็นสีดำในทันที ห้องทั้งห้องมืดลง เขากดรีโมตคอนโทรลอีกครั้ง อากาศในห้องค่อยๆ คลายความร้อน และเริ่มเย็นขึ้น
เมื่อถังซีตื่นขึ้นหลังจากนั้น เธอเห็นว่าเฉียวเหลียงนอนหลับสนิทและกอดเธอไว้ ทันใดนั้นเสียงเคาะก็ดังขึ้นที่ประตูห้องพักผ่อนในห้องทำงาน เฉียวเหลียงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียง ถังซีตบหลังเขาเบาๆ และกระซิบว่า “ไม่มีอะไรค่ะ หลับต่อเถอะนะคะ”
เฉียวเหลียงหลับไปอีกครั้งขณะจับมือถังซีไว้
มืออีกข้างของถังซีหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้บ่ายสามโมงแล้ว เธออยากให้เฉียวเหลียงนอนหลับสนิทในเวลากลางคืน ถ้านอนนานเกินไปตอนกลางวัน เขาอาจนอนไม่หลับตอนกลางคืน มีเสียงเคาะประตูห้องพักผ่อนดังขึ้นอีก ถังซีขมวดคิ้ว มองดูเฉียวเหลียงก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดประตู
เมื่อประตูเปิดออก น้ำเสียงแสดงความห่วงใยก็ดังขึ้น “เฉียวเหลียง คุณ…” หญิงสาวคนหนึ่งมองมาที่ถังซีด้วยความตกใจ แล้วขมวดคิ้วถามว่า “เธอเป็นใคร”
ถังซีมองบุคคลตรงหน้าและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอเลิกคิ้วขึ้น ถามด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ “มีอะไรหรือ”
“ฉันอยากพบเฉียวเหลียง เขาอยู่ที่ไหน” ฉินซินหยิ่งมองเข้าไปในห้องพักผ่อน
ถังซีขมวดคิ้วและปิดประตูห้องพักผ่อน น้ำเสียงเธอเปลี่ยนเป็นเย็นชาเมื่อเอ่ยถามอีกครั้ง “นี่คุณ ใครอนุญาตให้คุณเข้ามา”
ความหงุดหงิดระบายไปทั่วดวงตาฉินซินหยิ่ง แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็จ้องมองถังซีด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง ขณะย้อนถาม “เธอแอบเข้ามาทำอะไรในห้องทำงานเฉียวเหลียง เธอไม่รู้หรือว่าเธอไม่ควรมาอยู่ที่นี่”
เมื่อเห็นว่าฉินซินหยิ่งแสดงออกต่อเธออย่างโจ่งแจ้งในความเป็นเจ้าเฉียวเหลียง ถังซีก็ประหลาดใจว่าก่อนหน้านี้เธอตาบอดมาตลอดใช่ไหม เธอยอมให้ผู้หญิงคนนี้อยู่ข้างตัวเธอ ปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้หลงใหลใฝ่ฝันในตัวเฉียวเหลียงอยู่ทุกคืนทุกวัน!
ถังซีเอามือไพล่หลังด้วยท่าทางสบายๆ มองหน้าฉินซินหยิ่งด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า และกล่าวว่า “ฉันไม่ควรอยู่ที่นี่? เธอหมายความว่าเธอควรอยู่ที่นี่อย่างนั้นเหรอ เฮ้… นี่เธอ เพิ่งสร่างเมาหรือเปล่า”
“คุณหนูเซียวครับ…” ในขณะนั้นนั่นเองอาห้าก็เข้ามา เมื่อเห็นฉินซินหยิ่งอยู่ในห้องเขาก็ขมวดคิ้วและกล่าวอย่างเย็นชา “คุณฉิน คุณมาที่นี่ทำไม ผมจำได้ว่าท่านประธานบอกคุณแล้วว่า ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ!”
“ไม่ต้อนรับหรือ” ฉินซินหยิ่งทำเสียงเย้ยหยัน ส่งเอกสารการจ้างงานให้อาห้าและกล่าวต่อไป “นี่คือจดหมายการจ้างงานจากแผนกออกแบบเครื่องแต่งกาย ของเฉียวอินเตอร์เนชันแนลกรุป ฉันมาที่นี่เพื่อมาทำงาน”
อาห้ามองฉินซินหยิ่งพร้อมกับขมวดคิ้วอีก “คุณฉิน นี่น่าจะเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากฝ่ายบุคคล เราจะรีบแจ้งฝ่ายบุคคลเพื่อยกเลิกการจ้างงานเดี๋ยวนี้ กรุณาออกไปจากที่นี่”
“ฉันเป็นเพื่อนกับท่านประธานของคุณ! คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง!” ฉินซินหยิ่งคิดไม่ถึงว่าอาห้าจะไม่ไว้หน้าเธอต่อหน้าผู้หญิงแปลกหน้า ใบหน้าเธอเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ขณะชี้ไปที่ถังซีและถามว่า “เธอเป็นใคร ทำไมมาอยู่ในห้องทำงานเฉียวเหลียง!”
ถังซีเลิกคิ้วแล้วหันไปมองอาห้า อาห้าเคาะจมูกตัวเองเบาๆ ขณะมองถังซีและคิดในใจ นั่นสิ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอเป็นใคร คุณเซียวโหรว หรืออาจเป็นคุณถังซี หรืออาจไม่ใช่ทั้งสองคน…
“นั่นไม่ใช่ธุระของคุณ” อาห้าตอบ หลังจากเถียงกับตัวเองอยู่พักหนึ่ง “เนื่องจากคุณเป็นลูกจ้างของแผนกออกแบบ กรุณาไปที่แผนกออกแบบ ตอนนี้ท่านประธานกำลังพักผ่อน ไม่ต้องการถูกรบกวน กรุณาออกไปจากห้องนี้”
เมื่อฉินซินหยิ่งได้ยินคำว่า ‘พักผ่อน’ เธอก็นึกออกว่าตอนที่ผู้หญิงคนนี้เดินออกมาจากห้องพักผ่อน ผมเธอยุ่งเหยิงเล็กน้อย ทันใดนั้นดวงตาฉินซินหยิ่งก็จ้องเขม็งอย่างน่ากลัว เธอหรี่ตามองถังซี และถามอย่างเยือกเย็น “เธอรู้ไหมว่าผู้ชายที่อยู่ข้างในนั้นเป็นแฟนใคร”
ถังซีเลิกคิ้ว มองฉินซินหยิ่งด้วยรอยยิ้มพร้อมกับถามกลับ “โอ… เขาเป็นแฟนใครเหรอ”
“เขาเป็นแฟนถังซี เจ้าหญิงแห่งเอ็มไพร์กรุป เธอคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ ถ้าเธอแย่งแฟนถังซี” ฉินซินหยิ่งยังคงกล่าวต่อไปอย่างเย็นชา “ฉันขอแนะนำให้เธอตั้งสติและไปจากเขาโดยเร็วที่สุด ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่เธอจะแตะต้องได้!”
ถังซียิ้มเยาะ เอนกายลงบนโซฟา เงยหน้ามองฉินซินหยิ่งด้วยสายตาเหยียดหยาม และถามว่า “ฉันแตะต้องเขาไม่ได้ เธอหมายความว่าเธอแตะต้องเขาได้เหรอ”
ฉินซินหยิ่งหน้าชา ตัวแข็ง ถังซียิ้มขณะกล่าวต่อไป “นี่เธอ ฉันเห็นความเป็นเจ้าของเขาในสายตาเธอนะ น่าเสียดายที่ฉันแตะต้องเฉียวเหลียงไปแล้ว และตีตราจองไว้แล้วว่าเขาเป็นของฉัน ถ้าใครอยากได้เขา คนคนนั้นต้องถามฉันก่อน ว่าฉันจะยอมไหม”