ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 137 ตระกูลหยาง
ถังซีเลือกเสื้อผ้าอย่างพิถีพิถัน จากนั้นเธอก็รวบผมสูง สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนและรองเท้าผ้าใบ ซึ่งทำให้เธอดูอ่อนเยาว์และกระฉับกระเฉง เธอดูเหมือนเด็กสาวที่มีชีวิตชีวา แบบที่ผู้สูงอายุมักจะชอบ
เมื่อเห็นถังซีแต่งตัวแบบนี้เซียวเหยาก็ยิ้มและถามว่า “ทำไมต้องรวบผมด้วยล่ะ”
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะรวบผมหรือปล่อยผม เธอก็สวยมากเสมอ
ถังซียิ้ม เดินไปที่ห้องครัวและกล่าวว่า “ฉันคิดว่าคุณตากับคุณลุงน่าจะชอบการแต่งตัวที่ดูสะอาดตาและเรียบร้อยค่ะ” เธอรินน้ำให้ตัวเองดื่มแก้วหนึ่ง
เซียวเหยาพยักหน้า “ลูกพี่ลูกน้องเธอคนหนึ่งก็เคยแต่งตัวแบบนี้ แต่ตอนนี้เธอผมสั้น”
ถังซียิ้ม ทหารหญิงส่วนใหญ่ตัดผมแค่เคลียไหล่ หรือไม่ก็ตัดสั้นไปเลย ทำให้พวกเธอดูเรียบร้อยทะมัดทะแมง
หยางจิ้งเสียนผลักประตูห้องครัวเปิดเข้ามา เมื่อเห็นชุดที่ลูกสาวสวมอยู่ ดวงตาเธอก็เป็นประกาย และรีบเขามาดูใกล้ๆ มองถังซีขึ้นๆ ลงๆ แล้วพยักหน้าซ้ำๆ ขณะกล่าวว่า “ดีจ้ะ ดีมาก คุณตาต้องชอบหนูแน่ๆ”
ถังซีหัวเราะเบาๆ ขยิบตาให้หยางจิ้งเสียน ซึ่งมองดูเวลาและกล่าวว่า “ไปบ้านตระกูลหยางกันเถอะ คุณพ่อกับพี่ๆ น้องๆ ของพวกลูกจะเลยไปที่นั่นหลังเลิกงาน”
ถังซีกับเซียวเหยาพยักหน้า หยางจิ้งเสียนขึ้นรถนั่งในที่คนขับ เพราะถังซีขับรถไม่ได้เธอยังไม่มีใบขับขี่ ส่วนเซียวเหยายังขับรถไม่ได้เนื่องจากอาการบาดเจ็บยังไม่หายดี ถังซีนั่งอยู่ในที่นั่งข้างคนขับมองออกไปนอกหน้าต่างรถตลอดทาง หยางจิ้งเสียนอดถามไม่ได้ว่าเธอกำลังมองอะไรอยู่
ถังซีละสายตากลับมาแล้วตอบว่า “หนูรู้สึกเหมือนแถวนี้มีอะไรเปลี่ยนไปค่ะ”
เซียวเหยาจ้องมองถังซีในกระจกมองหลัง ร่องรอยความหม่นหมองแวบขึ้นมาอีกในดวงตาเขา เขาลดสายตาลง บอกกับตัวเองว่าอย่ามองเธออีก หยางจิ้งเสียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จริงเหรอจ๊ะ แม่ไม่เห็นว่าจะมีอะไรเปลี่ยนไปเลย”
ถังซียิ้ม “บางทีหนูอาจมองผิดไปค่ะ”
ตระกูลหยางพักอยู่ในบริเวณถิ่นที่อยู่ของทหาร ซึ่งค่อนข้างห่างไกลจากบ้านพวกเขา หยางจิ้งเสียนขับรถช้าและการจราจรก็ติดขัดบนถนนวงแหวน ทั้งสามจึงมาถึงบ้านตระกูลหยางเกือบหนึ่งทุ่ม เซียวหงลี่ เซียวส่า และเซียวจิ่งมาถึงที่นั่นเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเห็นถังซี เซียวจิ่งก็รีบตรงดิ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว และกระซิบว่า “เธอไม่ได้อยู่กับเขาใช่ไหม”
“เราแยกกันตอนที่พี่โทรหาเขา” ถังซีกระซิบตอบ
เซียวจิ่งกำลังจะพูดอะไรบางอย่างเมื่อมีเสียงหัวเราะดังขึ้น ชายในวัยเจ็ดสิบกำลังเดินออกมา รายล้อมไปด้วยผู้คนอีกหลายคน ท่านคือนายพลหยาง หรือหยางเว่ยกั่ว แม้จะเข้าวัยชรา แต่ท่านยังคงแข็งแรง เมื่อเห็นเซียวเหยาท่านก็ร้องทักเสียงดัง “เจ้าเด็กเหลือขอ เข้ามาใกล้ๆ ซิ”
ผู้ที่ยืนอยู่ข้างหลังท่านคือหยางจิ้งเชา ลูกชายของท่าน หยวนลี่หวา ลูกสะใภ้ หยางมู่หวา ลูกชายคนโตของหยางจิ้งเชา หยางมู่เฟิง ลูกชายคนที่สอง หยางมู่คุน ลูกชายคนที่สี่ และลูกสาวคนสุดท้อง หยางมู่ซิง เซียวเหยาก้าวออกไปข้างหน้า ทักทายหยางเว่ยกั่วก่อน จากนั้นก็ทักทายคนอื่นๆ ทีละคน
ส่วนหยางมู่ฉิง ลูกชายคนที่สามของหยางจิ้งเชากับหยวนลี่หวา ติดภารกิจ เขาจึงไม่ได้อยู่ด้วยในคืนนี้
หยางเว่ยกั่วพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ขณะมองหน้าเซียวเหยา ท่านเอื้อมมือมาตบไหล่เขาและกล่าวว่า “เก่ง เก่งมาก! เธอเก่งว่าตาตอนยังหนุ่มๆ เสียอีก เธอได้ติดยศพันโทตั้งแต่อายุยังน้อยอย่างนี้ ในอีกห้าปีข้างหน้า ตำแหน่งทหารของเธอคงแซงหน้าลุงเธอไปเลยสินะ”
หยางจิ้งเชาเป็นเพียงนายพลตรี
ใบหน้าหยางจิ้งเชาแดงก่ำขึ้นด้วยความอับอาย เขาอดร้องเรียกหยางเว่ยกั่วออกมาเบาๆ ไม่ได้
“ถ้าหากเธอไม่อยากถูกหลานชายแซงหน้า เธอก็ต้องทำงานให้หนัก และไม่ยอมแพ้เด็กๆ พวกนี้” หยางเว่ยกั่วกล่าว
หยางมู่หวามองหน้าเซียวเหยาด้วยรอยยิ้ม และกล่าวว่า “พี่ไม่คิดมาก่อนเลย จู่ๆ นายก็กลายเป็นพันโทขึ้นมาโดยไม่บอกใคร น่าอายจริงๆ ที่พี่อดอวดใครไปทั่วไม่ได้ ตอนได้ติดยศร้อยเอกเมื่ออายุสามสิบ”
เซียวเหยาตอบด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “ผมทำงานในกองกำลังพิเศษ จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง”
หยางมู่เฟิงโอบไหล่เซียวเหยาแล้วกล่าวเสียงดัง “ไม่เลวเลย ญาติเหยา นายทำให้พวกเราตกใจจริงๆ! นายรู้ไหมว่าคุณพ่อจับน้องชายพี่ขังไว้ในห้องกักตัว เมื่อท่านรู้ว่านายได้เป็นพันโทแล้ว”
เมื่อมองไปที่หยางมู่คุน ซึ่งหน้าบึ้งด้วยความทุกข์ใจ เซียวเหยาก็พยักหน้า “ผมรู้แล้ว ผมไปดื่มกันกับมู่คุนเมื่อคืนก่อน”
หยางมู่ซิงไม่ได้พูดคุยต่อในหัวข้อนี้ ขณะมองไปที่ถังซี ซึ่งยืนเงียบอยู่ข้างๆ หยางจิ้งเสียน และฟังการสนทนาด้วยรอยยิ้ม เธอก็ถามว่า “นี่โหรวโหรว น้องสาวคนเล็กของเราใช่ไหมคะ”
ถังซีก้าวออกมาข้างหน้า ยิ้มให้ทุกคน และก้มศีรษะทำความเคารพหยางเว่ยกั่ว พร้อมกับกล่าวว่า “สวัสดีค่ะ คุณตา สวัสดีค่ะ คุณลุงคุณป้า สวัสดีพี่ๆ ทุกคนค่ะ ฉันเซียวโหรวค่ะ”
หยวนลี่หวาเดินเข้าไปหาถังซี จับมือเด็กสาวแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ช่างเป็นเด็กผู้หญิงที่สวยงามและเฉลียวฉลาดจริงๆ!”
หยางเว่ยกั่วก็มองดูถังซีด้วยเช่นกัน แล้วพยักหน้า “หนูดูเหมือนแม่ของหนู ตอนที่เธอยังสาวๆ ไม่น่าแปลกใจที่หนูจะเป็นลูกสาวเธอ”
ถังซีพูดไม่ออก ท่านนายพลหยางคะ ท่านเห็นภาพลวงตาหรือเปล่า คุณแม่ของฉันยังสาวอยู่เลย และฉันไม่คิดว่าฉันจะหน้าตาเหมือนคุณแม่
หยวนลี่หวาพยักหน้าและยิ้ม “ใช่ค่ะ เธอหน้าตาคล้ายแม่ของเธอจริงๆ เหมือนตอนที่จิ้งเสียนยังเป็นสาว บางทีโหรวโหรวอาจเป็นลูกสาวตระกูลหยางของเราจริงๆ ก็ได้นะคะ”
ถังซีหัวเราะเบาๆ ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี หยางมู่ซิงกล่าวว่า “อย่ายืนอยู่หน้าประตูอย่างนี้เลยค่ะ เข้าไปข้างในกันดีกว่า”
“รออีกสักแป๊บหนึ่งจ้ะ” หยวนลี่หวากล่าว “มีแขกอีกคนที่ยังมาไม่ถึง เธอไม่ได้พบกับพวกเรานานมากแล้ว เป็นเรื่องยากมาก กว่าที่เธอจะอยากมาเยี่ยมเราในคราวนี้ เธอกำลังมา รอสักครู่”
ตระกูลหยางพักอยู่ในบ้านพักหลังในสุดของกองทหาร ทุกคนเดินออกมารับแขกที่ประตูใหญ่ พวกเขาจึงอยากรอแขกคนสุดท้ายตรงนี้ก่อน หยางจิ้งเสียนกับครอบครัวของเธอสนิทกับพวกเขามาก จึงรออยู่ด้วยกัน
หยางจิ้งเสียนถามว่า “ใครหรือ”
หยวนลี่หวาหัวเราะและตอบว่า “เดี๋ยวเธอก็รู้”
ในเวลานั้นนั่นเอง รถอเนกประสงค์คันหนึ่งก็แล่นเข้ามาในสายตาทุกคน หยวนลี่หวาก้าวออกมาข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วกล่าวว่า “นั่นไง เธอมาแล้ว”
ถังซีมองดูรถอเนกประสงค์คันนี้และรู้สึกคุ้นตา ในไม่ช้ารถก็หยุดลง ชายหนุ่มคนหนึ่งลงจากรถ เธอมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง ชายหนุ่มกลับเข้าไปในรถเพื่อยกรถเข็นออกมา วางรถเข็นลงบนพื้น หลังจากนั้นก็อุ้มหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งในรถออกมา ให้นั่งลงบนรถเข็น หยวนลี่หวาเดินเข้าไปหาพวกเขาด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “ในที่สุดเธอก็ยอมออกจากบ้าน กี่ปีแล้วที่เธอไม่ได้ติดต่อกับพวกเราเลย”
เฉียวอวี่ซินยิ้มให้หยวนลี่หวา จากนั้นก็ยิ้มให้ถังซี เธอกล่าวว่า “โหรวโหรว ดีเหลือเกินที่หนูไม่เป็นอะไร ป้าเป็นห่วงหนูมาก รู้ไหมจ๊ะ”
ทุกคนต่างประหลาดใจ ยกเว้นเฉียวเหลียงและพี่น้องตระกูลเซียว