ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 141 มารยาทบนโต๊ะอาหาร
ถังซีมองตาหยางจิ้งเสียน ซึ่งพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้มและแสดงท่าทางให้เธอนั่งข้างๆ เฉียวอวี่ซิน ถังซีจึงนั่งลงข้างเฉียวอวี่ซิน และเรียกเธอว่าคุณป้าเฉียวอย่างอ่อนหวาน เฉียวอวี่ซินพยักหน้าให้เธอด้วยรอยยิ้ม แล้วหันไปมองเฉียวเหลียงพร้อมกับบ่นว่า “อย่าเป็นคนบ้างานนักเลย นั่งลงได้แล้ว มานั่งตรงนี้และทานอาหารก่อน ครั้งสุดท้ายที่ลูกทานอาหารเย็นกับแม่นี่เมื่อไหร่กันนะ”
เฉียวเหลียงส่งเสียงในลำคอเบาๆ เป็นคำตอบ ขณะเดินช้าๆ เข้ามาด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ ไม่มีขัดเขิน มานั่งลงข้างถังซีภายใต้สายตาของทุกคน เซียวจิ่งเม้มริมฝีปากแน่น เดินไปนั่งด้วยเช่นกัน
ในเวลาเดียวกันเซียวเหยาก็ลงมาจากห้องทำงานชั้นบนกับนายพลหยางผู้ชรา เมื่อเห็นถังซีนั่งอยู่ข้างๆ เฉียวเหลียงเขาก็ขมวดคิ้ว จากนั้นก็หายใจเข้าลึกๆ ช่วยพยุงนายพลหยางเดินลงบันไดมาชั้นล่างโดยกล่าวว่า “ช้าๆ ก็ได้ครับ คุณตา”
นายพลหยางดูเหมือนจะอารมณ์ดีมาก เขาตบแขนเซียวเหยาแล้วยิ้มขณะกล่าวว่า “ตายังแข็งแรง ไม่ต้องพยุงหรอกน่า”
เซียวเหยายิ้ม แต่ไม่ได้ปล่อยมือ เขาช่วยพยุงนายพลหยางลงบันไดไปที่โต๊ะอาหาร และนั่งลงข้างๆ ท่าน
โต๊ะอาหารเป็นโต๊ะกลม ทุกคนนั่งล้อมรอบ หยวนลี่หวาพูดคุยอย่างร่าเริง “นานแล้วนะคะ ที่พวกเราไม่ได้ทานอาหารค่ำด้วยกัน” จากนั้นเธอมองไปที่ถังซีและเฉียวอวี่ซิน แล้วเสริมว่า “อวี่ซิน โหรวโหรว เฉียวเหลียง ทานเยอะๆ นะจ๊ะ ตามสบายเลย”
ถังซียิ้มและพยักหน้า ทุกคนดื่มไวน์กันก่อนหนึ่งแก้ว แล้วเริ่มรับประทาน…
ทุกอย่างเป็นปกติในตอนเริ่มต้น ถังซีคีบอาหารให้เฉียวอวี่ซินด้วยตะเกียบของเธอเป็นครั้งคราว ซึ่งเฉียวอวี่ซินจะตอบรับด้วยคำขอบคุณ ขณะที่เฉียวอวี่ซินก็ทำเช่นเดียวกันให้ถังซี และถังซีก็ตอบรับด้วยคำขอบคุณพร้อมกับยิ้มหวาน บรรยากาศอบอุ่นมาก แต่หลังจากนั้นมือเธอก็ค่อยๆ ถูกอีกมือหนึ่งคืบคลานมาจับไว้ ถังซีขมวดคิ้วมองหน้าเฉียวเหลียง แต่เขายังคงคีบอาหารให้ตัวเอง และทานอย่างสบายอารมณ์ ราวกับไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น
ถังซีพยายามดึงมือกลับขณะทานอาหารไปด้วย แต่มือที่จับมือเธอไว้นั้นทรงพลังเกินกว่าเธอจะทำได้ ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม ถังซีขยับนิ้วเขี่ยฝ่ามือเฉียวเหลียงให้เขาจั๊กจี้ แต่เขาไม่สะดุ้งสะเทือน ยังคงจับมือเธอนิ่งอยู่ใต้โต๊ะ
ถังซีไม่มีทางเลือกนอกจากทานอาหารต่อไป
พี่น้องตระกูลเซียวที่เฝ้าดูคนทั้งสอง สังเกตเห็นปฏิกิริยาระหว่างถังซีกับเฉียวเหลียงมานานแล้ว เซียวจิ่งกัดฟันแน่น โอ… เขาอยากดึงตัวถังซีออกมาจากเฉียวเหลียงเหลือเกิน แต่ด้วยกลัวว่าเฉียวเหลียงอาจบังคับให้เขาทำงานล่วงเวลา เขาจึงได้แต่แกล้งทำเป็นไม่เห็น เซียวส่าไม่มีอะไรจะไปสู้กับเฉียวเหลียง และกลัวว่าถ้าเขารบกวนจะทำให้น้องสาวขุ่นเคือง พี่ชายทั้งสองจึงนิ่งเงียบ… และสำหรับเซียวเหยา…
“โหรวโหรว ทานแต่กับข้าวอย่างเดียวไม่ได้นะ ทานข้าวด้วยสิ” เซียวเหยามองหน้าถังซี ก่อนจะหยิบถ้วยของตัวเองขึ้นมาเติมซุป แล้วดื่มราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ถังซียิ้ม ขณะที่เฉียวเหลียงต้องปล่อยมือเธอในที่สุด เธอหยิบชามขึ้นมาตักข้าวทานแล้วยิ้ม กล่าวว่า “ฉันก็ทานข้าวอยู่นะ แต่ว่ากับข้าวทุกจานอร่อยมากๆ ฉันก็เลยทานกับมากกว่านิดหน่อย”
“ไม่เป็นไรนี่จ๊ะ ตามใจเลย” หยวนลี่หวากล่าว “ถ้าหนูชอบทานกับข้าวก็ทานให้มากๆ น้ำซุปกีบหมูนี่ดีมากนะจ๊ะ หนูทานเยอะๆ ถ้าไม่อยากทานข้าวก็ไม่ต้องทานก็ได้”
ถังซีตอบด้วยรอยยิ้มและเติมน้ำซุปลงในถ้วยของเธอ เฉียวเหลียงเลื่อนถ้วยของเขาเข้าไปใกล้เธอ แล้วกล่าวเสียงเรียบ “คุณหนูเซียว ช่วยเติมซุปให้ผมด้วย ขอบคุณครับ” จากนั้นเขาก็หยุดและเสริมว่า “ซุปอยู่ไกลจากผมไปหน่อย”
ถังซียิ้ม ขณะตอบอย่างสุภาพ “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันเติมให้คุณเอง”
เฉียวอวี่ซินมีความสุขมากจนไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มบนใบหน้าไว้ได้ และหยางจิ้งเสียนก็อดถามไม่ได้ “คิดอะไรอยู่น่ะ อวี่ซิน ทำไมเธอดูมีความสุขมาก”
เฉียวอวี่ซินรีบหุบยิ้ม ตบแก้มตัวเองเบาๆ ขณะตอบว่า “ฉันเหรอ อ๋อ… ฉันกำลังนึกถึงเฉียวเหลียงสมัยเด็กๆ ตอนที่เขายังตัวเล็กๆ เขาน่ารักกว่าตอนนี้มาก ขี้อาย น่ารักน่าเอ็นดู”
หยางจิ้งเสียนนิ่งเงียบลง เป็นความจริงที่เฉียวอวี่ซินเคยใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ก่อนที่พ่อของเฉียวเหลียงจะทรยศต่อเธอ แต่ก็ดีแล้วที่ตอนนี้เธอสามารถลืมความทรงจำอันน่าเศร้าไปได้ และหัวเราะได้อย่างมีความสุข
ถังซีค่อยๆ ตักน้ำซุปเติมให้เฉียวเหลียงอย่างระมัดระวัง แล้วส่งถ้วยซุปให้เขา กล่าวว่า “คุณเฉียวคะ ซุปของคุณค่ะ”
“เรียกผมว่าเฉียวเหลียงก็ได้ครับ” แม้น้ำเสียงเขาจะฟังดูเย็นชาเหมือนปกติ แต่ถังซีรู้สึกได้ถึงความร่าเริงเบิกบานในน้ำเสียงเขา
ผู้ชายคนนี้แค่อยากแกล้งเธอ!
ในขณะที่ไม่มีใครสนใจ เธอเหลือบมองเขาอย่างโกรธๆ และทำหน้ามุ่ยให้เขารู้ว่าไม่ให้ทำแบบนี้อีกต่อไป
เห็นได้ชัดว่าเฉียวเหลียงไม่ได้รับรู้ถึงคำเตือนของถังซีเลยสักนิด เขามองจานกุ้งไม้ไผ่ที่วางอยู่ทางขวามือของถังซีและบอกว่า “กุ้งนั่นดูสดจังเลย คุณหนูเซียวช่วยหยิบให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”
คนอื่นๆ รู้สึกประหลาดใจ และมองดูคนทั้งสอง เฉียวเหลียงยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่ถังซีดูขัดเขิน แต่คำขอร้องของเฉียวเหลียงก็สมเหตุสมผล เพราะคืนนี้มีอาหารเยอะมาก หยวนลี่หวาจึงถอดแท่นหมุนตรงกลางโต๊ะออก เพื่อให้มีที่ว่างมากขึ้นสำหรับวางอาหาร ถ้าเฉียวเหลียงต้องการหยิบกุ้งจานนั้นเขาต้องลุกขึ้นยืน ซึ่งจะดูเกะกะ จึงเหมาะสมที่เขาจะขอความช่วยเหลือจากถังซี ในทันทีนั้นดวงตาทุกคู่ก็จับจ้องไปที่ถังซี
ถังซีหัวเราะเบาๆ ขณะคีบกุ้งไม้ไผ่ด้วยตะเกียบของเธอ แล้ววางลงบนจานเฉียวเหลียง พร้อมกับกล่าวว่า “ได้สิคะ ฉันเพิ่งชิมกุ้งไม้ไผ่ไปเมื่อกี้ สดมากจริงๆ ค่ะ”
จากนั้นเธอก็ส่งสายตาเตือนเฉียวเหลียงอีกครั้ง อย่าให้มากเกินไปนัก!
ไม่อย่างนั้นจะว่าฉันไม่ได้นะ ถ้าฉันเสียมารยาท!
อย่างไรก็ตามเฉียวเหลียงดูเหมือนจะติดใจกุ้ง เพราะเขาขอให้เธอหยิบกุ้งให้เขาอีก ในที่สุดเมื่อถังซีทนไม่ไหวอีกต่อไปและกำลังจะเปลี่ยนที่นั่งกับเขา จู่ๆ เฉียวเหลียงก็หันไปมองหยวนลี่หวาและกล่าวว่า “ผมเป็นแผลในกระเพาะอาหารครับ ต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการอาหารไม่ย่อยมานานหลายปี ทานอาหารไม่เคยอร่อยเลย นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผมทานอาหารได้มาก ขอบคุณมากนะครับ สำหรับอาหารแสนวิเศษมื้อนี้ คุณน้าหยาง”
ทุกคนลืมสิ่งที่เฉียวเหลียงเพิ่งทำไปเมื่อกี้เสียสนิท หยวนลี่หวากล่าวว่า “เธอคงงานยุ่งมากจนทานอาหารไม่เป็นเวลา และอาหารข้างนอกก็ไม่ดีต่อสุขภาพ เธอควรใส่ใจกับอาหารที่ทานให้มากขึ้นนะจ๊ะ ว่างเมื่อไรก็พาแม่เธอมาเยี่ยมเราบ่อยๆ สิ”
เฉียวเหลียงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและตอบว่า “ขอบคุณครับ”
ถังซีเองก็ลืมเรื่องจะสลับที่นั่งกับเฉียวเหลียงไปเลยเช่นกัน เขาประสบความยากลำบากมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอควรเอาใจใส่ดูแลเขาให้มากกว่านี้ เพียงแค่เขาขอให้เธอหยิบอาหารให้ เธอจะบ่นได้อย่างไร เธอควรเรียนรู้วิธีปรุงอาหารเพิ่มเติม ปรุงอาหารบำรุงร่างกายให้เขา และช่วยเขาฟื้นฟูสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
เซียวจิ่งกำลังคำรามอยู่ในใจ เมื่อเขาเห็นสายตาสงสารเห็นใจของน้องสาว โหรวโหรว อย่าหลงกลไอ้เสือซ่อนยิ้มคนนี้!
เขาสุขภาพแข็งแรงมาก!
แล้วทันใดนั้นเซียวจิ่งก็ได้รับสายตาแจ้งเตือนจากเฉียวเหลียงทันที เซียวจิ่งกัดฟันแน่นขณะจ้องกลับไปที่เฉียวเหลียงด้วยสายตาเชือดเฉือน ราวกับกำลังกล่าวโทษเขาอย่างเงียบๆ ไอ้กะล่อน!
เฉียวเหลียงคีบซี่โครงเปรี้ยวหวานที่ถังซีตักให้เขาใส่ปากช้าๆ เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย