ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 150 พบเจอบุคคลที่น่ารังเกียจอีกแล้ว
เซียวจิ่งหันกลับไปมองถังซี และถามด้วยความสงสัย “มีอะไรหรือ”
ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียงและกล่าวอย่างจริงจัง “คุณไม่ควรอยู่ที่นี่ กลับไปก่อนดีกว่าค่ะ” เมื่อเห็นเฉียวเหลียงขมวดคิ้ว ถังซีก็คว้ามือเขา อ้อนวอนด้วยสายตาที่แสดงถึงความไม่สบายใจ “ได้โปรดเถอะนะ อาเหลียง”
เฉียวเหลียงมองลึกลงไปในดวงตาถังซี แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร เขาเพียงหันหลังเดินจากไป
หลังจากมองดูเฉียวเหลียงกลับไปแล้ว ถังซีก็หันไปหาพี่ๆ และถามว่า “พี่ส่า พี่จิ่ง พี่สองคนช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม”
เซียวจิ่งดูท่าทางสับสน “ช่วยอะไรล่ะ”
ถังซียิ้มเยือกเย็น หรี่ตาลง “ฉันอยากเจอเซียวจิ้นหนิง พวกพี่พาเธอมาที่โรงพยาบาลให้หน่อยสิคะ”
เซียวส่ามองถังซี ซึ่งยืนกอดอกด้วยดวงตาส่องประกายวาววับอย่างเยือกเย็น ขณะกล่าวต่อไป “เซียวจิ้นหนิงต้องมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ ฉันตรวจสอบข้อมูลเธอดูแล้ว เธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตายายของเธอ ที่สองคนนั้นอุตส่าห์เดินทางมาสร้างปัญหาถึงที่นี่ ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอแน่ๆ ไปพาตัวเธอมาค่ะ”
แม้เซียวส่ากับเซียวจิ่งจะคิดว่า ไม่เป็นการดีสำหรับน้องสาวของพวกเขาที่จะทะเลาะกับเซียวจิ้นหนิงในโรงพยาบาล แต่ทั้งสองไม่อยากขัดเธอ และตกลงตามที่เธอขอ หลังจากบอกให้เธอระวังตัวขณะอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว ทั้งสองก็ออกไป
ถังซีพยักหน้า ยืนมองดูพี่ชายทั้งสองเดินออกไป แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา โทรหาหยางจิ้งเสียน ถามว่าหลินหรูอยู่ที่แผนกไหน จากนั้นก็เดินไปที่ลิฟต์
หลินหรูได้รับการผ่าตัด และถูกส่งไปพักฟื้นที่หอผู้ป่วย เมื่อถังซีมาถึงชั้นสิบของอาคารผู้ป่วยใน ซึ่งเป็นชั้นของผู้ป่วยวีไอพี เธอเห็นหยางจิ้งเสียน เซียวหงลี่ เซียวหงอี้ และเซียวเจี่ยน รออยู่ที่หน้าประตูห้องพักของหลินหรู นอกจากพวกเขาแล้วยังมีหญิงชราคนหนึ่งกับชายชราคนหนึ่ง ซึ่งทั้งคู่ยังดูแข็งแรง ขณะนั้นหญิงชรากำลังโต้เถียงกับเซียวหงอี้ “ฉันแค่แนะนำเธอเล็กๆ น้อยๆ ตามความคิดของฉัน แต่เธอตะโกนใส่ฉัน! ฉันเป็นแม่เธอนะ เธอพูดกับฉันแบบนั้นได้ยังไง แล้วถึงยังไงคุณก็เลี้ยงดูจิ้นหนิงมานาน ทำไมถึงไม่ให้ จิ้นหนิงอยู่ที่บ้านคุณ บ้านคุณมีห้องตั้งมากมาย”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ทุกคนก็ขมวดคิ้ว เซียวหงอี้หน้าเครียดจ้องมองหญิงชรา และกล่าวด้วยความโมโห “คุณแม่มาพูดแบบนี้ได้ยังไง หลินหรูพยายามอธิบายให้ฟัง แต่คุณแม่ผลักเธอตกบันได! รู้ไหมว่านี่เป็นการทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บโดยเจตนา”
เมื่อได้ยินอย่างนี้หญิงชราก็หน้าบึ้งอย่างโกรธแค้น นางชี้หน้าเซียวหงอี้และตะโกนว่า “พวกคนรวยจะรังแกคนจนใช่ไหม ฉันทำเธอตกบันไดโดยไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นความผิดของเธอ! เธอไปยืนอยู่บนบันไดทำไมล่ะ ฉันแค่สะกิด แต่เธอเสียหลักตกลงไปเอง จะโทษฉันได้ยังไง”
ด้วยความรู้สึกทนไม่ไหวกับคำพูดไร้สำนึกของหญิงชรา หยางจิ้งเสียนขมวดคิ้ว กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ป้าหลิน อาหรูอยากตกบันไดหรือคะ ป้าหมายความว่าเธอตั้งใจจะตกบันไดอย่างนั้นหรือ ถ้าป้าไม่ผลักเธอ เธอก็คงไม่ตกหรอก!”
ยายหลินมองเธอด้วยสายตาเคียดแค้น และตะโกนอย่างหยาบคาย “นี่มันเรื่องภายในครอบครัวเรา ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเธอที่จะเข้ามายุ่ง!”
“แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น!” เซียวเจี่ยนมองหน้ายายของเขาและขมวดคิ้วอย่างใจเย็น ตั้งแต่เป็นเด็กมาแล้ว ยายเขารักเซียวจิ้นหนิงมากกว่าเขา… ไม่ใช่สิ นางรักแต่เซียวจิ้นหนิงคนเดียว ไม่เคยชายตามองเขาเลยด้วยซ้ำ ถึงแม้เขาจะเป็นหลานชายของนางก็ตาม แล้วตอนนี้เป็นที่ยืนยันแน่ชัดแล้วว่า เซียวจิ้นหนิงไม่ใช่ลูกสาวตระกูลเซียว แต่นางก็ยังอุตส่าห์เดินทางมาที่นี่ เพียงเพื่อมาสร้างปัญหา เพื่อหาทางช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้น นางบ้าหรือเปล่า เซียวเจี่ยนก้าวออกไปข้างหน้า เผชิญหน้ากับยายหลิน เขาหรี่ตาลง กล่าวอย่างเยือกเย็น “ถ้ายายไม่ได้มาขอให้คุณแม่โอนหุ้นเซียวกรุปให้ยาย เพื่อยายจะได้โอนให้เซียวจิ้นหนิง คุณแม่จะทะเลาะกับยายหรือ ผมจะบอกยายให้ก็ได้ อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเซียวกรุป นั่นคือเรื่องของสมาชิกทุกคนในตระกูลเซียว และยายเป็นคนนอก! ยายไม่ใช่คนในตระกูลเรา!”
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน พูดกับยายของเธอแบบนี้ได้ยังไง!” ยายหลินหันไปมองสามีของนางที่ยืนนิ่งเฉยอยู่ข้างๆ และด่าเขา “ไม่มีสมองหรือไง ไม่เห็นหรือว่าทุกคนกำลังรุมด่าฉัน ทำไมไม่ช่วยฉัน”
เซียวหงอี้กล่าวขึ้นอย่างเย็นชา “ผมคิดว่าคุณแม่เองก็รู้ เราให้เงินคุณแม่มามากมายแค่ไหนแล้ว ตั้งแต่ผมแต่งงานกับหลินหรู เราอดทนกับคุณแม่เสมอมา ไม่ว่าคุณแม่จะนำปัญหามาให้เรามากแค่ไหนก็ตาม แต่เซียวจิ้นหนิงไม่ใช่ลูกเรา และเธอเกือบจะฆ่าลูกสาวเราด้วยซ้ำ แน่นอน ผมไม่มีวันให้เธอได้เงินจากเราแม้แต่สตางค์เดียว!” จากนั้นเขาก็เสริมอย่างดุดัน “แต่ผมมีความเมตตาพอที่จะไม่ฟ้องเธอ!”
ยายหลินตอบด้วยเสียงตะโกนดังยิ่งขึ้นกว่าเดิม “เด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่กับคุณมานานกว่ายี่สิบปี คุณจะไม่ชดเชยให้เธอบ้างเลยหรือ! ทำไมคุณถึงพูดได้อย่างไร้หัวใจอย่างนี้! เด็กคนนั้นถูกขับไล่ออกจากตระกูลเซียว เธอจะมีชีวิตอยู่รอดได้ยังไง! คุณควรจะชดเชยให้เธอ!”
“แล้วลูกสาวของผมล่ะ!” เซียวหงอี้จ้องหน้ายายหลิน และกล่าวอย่างเยือกเย็น “ชีวิตลูกสาวของเราก็ถูกขโมยมานานกว่ายี่สิบปีเหมือนกัน เธอต้องทนทุกข์ทรมานมานานเหมือนกัน ใครจะเป็นคนชดใช้ให้เธอ ผมยอมให้เซียวจิ้นหนิงพักอยู่ต่อไปในตระกูลเซียว แล้วเธอทำอย่างไร เธอเกือบจะฆ่าลูกสาวผม แล้วผมจะเลี้ยงเธอไว้ต่อไปได้ยังไง”
“” แก!” ยายหลินโกรธตัวสั่นจนพูดไม่ออก
ถังซียืนกอดอก เอนตัวพิงผนังที่มุมห้อง นิ่งฟังขณะที่พวกเขาทะเลาะกัน สามีภรรยาคู่นี้โหดร้ายกับหลินหรู เช่นเดียวกับที่หลินหรูเคยโหดร้ายกับเซียวโหรว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าได้พบเจอบุคคลที่น่ารังเกียจขนาดนี้
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับยายหลินคนนี้หรือ นางใจดีกับเซียวจิ้นหนิงมากจนน่าสงสัย… ลูกสาวนางกำลังป่วยอยู่ แต่นางไม่สนใจเธอเลย ห่วงแต่ความอยู่รอดของเด็กที่ไม่เกี่ยวข้องโดยสายเลือดกับนางเลย
ความอยุติธรรมของนางนั้นผิดปกติอย่างแรง
เซียวหงลี่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไรจนกระทั่งหยางจิ้งเสียนสะกิดมือเขา เขาก้าวออกไปข้างหน้า กล่าวอย่างเคร่งขรึม “เนื่องจากเรื่องนี้ถึงขั้นคดีความแล้ว เราจะโทรหาตำรวจ ดูสิว่าตำรวจจะว่ายังไง ยายหลิน ที่นี่เป็นโรงพยาบาล ห้ามส่งเสียงดัง กรุณาจำไว้ด้วย”
เมื่อยายหลินได้ยินว่าพวกเขาจะเรียกตำรวจ นางก็นั่งลงกับพื้น ร้องเสียงดังว่า “ดูสิ คนพวกนี้รังแกฉัน! คนพวกนี้จะใช้อิทธิพลจับคนจนอย่างเราไปขังคุก!”
เมื่อเห็นยายหลินนั่งลงกับพื้น แล้วจากนั้นตาหลินก็ทำอย่างเดียวกัน หยางจิ้งเสียนจึงขมวดคิ้วกล่าวเสียดสีว่า “ถ้าฉันเป็นหลินรู ฉันคงตัดความสัมพันธ์จากพวกคุณไปนานแล้ว!”
“อาหรูกลายเป็นคนไร้ความปราณี เพราะอยู่ใกล้กับเธอนานเกินไป! ไม่อย่างนั้นอาหรูจะทิ้งลูกสาวที่เลี้ยงดูมานานกว่ายี่สิบปี เพื่อเด็กผู้หญิงบ้านนอกสารเลวมาจากไหนก็ไม่รู้ อย่างนี้หรือ”