ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 227 อาสี่ สุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์
ประการแรก ตระกูลหลิวมีฐานะร่ำรวยและมีอิทธิพลเท่าเทียมกับตระกูลเซียว ประการที่สอง พวกเขาเห็นว่าหลิวเฉิงอวี่ชอบเซียวโหรวมาก ดังนั้นหลิวเฉิงอวี่จะไม่ปฏิบัติไม่ดีต่อเธอหลังจากทั้งสองแต่งงานกัน ประการที่สาม ซีลั่วเสียนและหลิวกงหวามีสัมพันธภาพที่ดีกับหลินหรู เซียวโหรวไม่ต้องกังวลใดๆ เรื่องการปรับตัวเข้ากับครอบครัวหลิวเฉิงอวี่ หลังจากที่เธอแต่งงานเข้าไปอยู่ตระกูลหลิว ทำไมคนอื่นๆ ถึงไม่เข้าใจเรื่องนี้
ทุกคนคิดว่าเขาเลือกหลิวเฉิงอวี่ให้เซียวโหรว เพียงเพราะตระกูลหลิวร่ำรวยอย่างนั้นหรือ ด้วยความสัตย์จริง โหรวโหรวคือคนที่จะแต่งงานกับหลิวเฉิงอวี่ ไม่ใช่เขา เขาจะได้ประโยชน์อะไรหรือ เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อประโยชน์ของลูกสาว!
ด้วยความสัตย์จริง ก่อนหน้านี้เขามีแรงจูงใจซ่อนเร้นบางอย่าง แต่หลังจากเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น เขาเพียงแค่อยากเห็นเซียวโหรวมีอนาคตที่ดี!
เธออายุยี่สิบสามปีแต่ยังอยู่โรงเรียนมัธยม แม้คนในครอบครัวจะไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ แต่ผู้คนที่มองจากภายนอกต้องนินทาเธออย่างแน่นอน
เซียวหงอี้รู้สึกหงุดหงิดด้วยความผิดหวัง และในเวลาเดียวกันถังซีก็ไม่ได้อารมณ์ดีไปกว่ากัน เมื่อเธอเห็นรอยคล้ำใต้ตาเฉียวเหลียง เธอโมโหขึ้นมาทันที “เมื่อคืนคุณนอนไม่หลับเหรอ”
เฉียวเหลียงสตาร์ทรถและกล่าวว่า “ผมโอเค เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่โรงเรียนก่อน”
“ไม่โอเค” ถังซีจ้องหน้าเฉียวเหลียงและกล่าวอย่างขุ่นเคือง “คุณจะมารับฉันไปโรงเรียนได้ยังไง ถ้าคุณไม่ได้นอนทั้งคืนเมื่อคืนนี้ คุณไม่รู้หรือ การขับรถในขณะง่วงนอนเป็นอันตราย ถ้าคุณประสบอุบัติเหตุขึ้นมาจะเป็นยังไง”
“ผมจะไม่เป็นอะไร” เฉียวเหลียงหันไปมองถังซี เขาอาจดีใจที่ถังซีเป็นห่วง เพราะมีรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าเขา “มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมไม่ได้นอนเลยสามวันสามคืน แต่ผมก็ไม่มีอุบัติเหตุอะไร เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วง”
“ฉันจะไม่ห่วงได้ยังไง” ถังซีจ้องหน้าเขาและกล่าวอย่างจริงจัง “ฉันจะพาคุณไปที่โรงแรมใกล้ๆ โรงเรียน เมื่อไปถึงคุณก็เปิดห้องพักและนอนพักที่นั่น”
“ไม่”
ถังซีจ้องหน้าเขา เฉียวเหลียงกล่าวว่า “ผมนอนไม่หลับหรอก ถ้าไม่มีคุณอยู่ด้วย ผมไปนอนที่บริษัทได้ ขอผมส่งคุณไปโรงเรียนก่อน”
ถังซีโกรธมากจนไม่อยากคุยกับเขา เธอมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ไม่ยอมหันมามองเฉียวเหลียงเลย เมื่อเห็นเธอหันหน้าหนี เฉียวเหลียงก็ยิ้ม “อย่าเพิ่งโกรธสิ งานผมยุ่งเหลือเกินช่วงที่ผ่านมา ผมทำงานดึกมากเมื่อคืน ผมดื่มกาแฟมากไปก็เลยนอนไม่หลับ แต่ทุกวันนี้ผมนอนหลับสนิทกว่าเมื่อก่อนนะ”
“คุณโกหก” ดวงตาถังซีแดงเรื่อขึ้นมา ขณะถามตัวเองอยู่ในใจ ‘ทำไมเธอต้องใส่ใจกับเรื่องนี้’ เธอพยายามกลั้นน้ำตา ต้องใช้เวลาครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวกับเฉียวเหลียงว่า “ไม่ต้องไปบริษัท หลังจากส่งฉันที่โรงเรียนคุณต้องกลับบ้านทันที หลังเลิกเรียนฉันจะนั่งแท็กซี่กลับบ้านเอง”
เฉียวเหลียงมองถังซีด้วยสายตาลึกซึ้ง จับมือเธอไว้และกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อย่าโกรธเลยนะ เดี๋ยวผมจะให้กู้อวิ๋นมารับหลังจากส่งคุณที่โรงเรียนแล้ว ผมจะไม่ขับรถเอง ไม่ต้องห่วง”
ถังซีโล่งใจในที่สุดเมื่อได้ยินแบบนี้ เธอเม้มปาก “คุณทานอาหารเช้าหรือยัง”
เฉียวเหลียงตอบว่า “ผมจะให้กู้อวิ๋นซื้ออาหารเช้ามาให้ และผมจะทานในรถ”
กู้อวิ๋นนั่งอยู่ในห้องทำงาน เกือบจะถูกกองแฟ้มเอกสารทับอยู่แล้ว จู่ๆ ก็จามขึ้นมา เขาดึงกระดาษทิชชูมาซับจมูก ขณะที่ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ เอ่ยขึ้นว่า “อาอวิ๋น สาวคนไหนน๊าที่คิดถึงนาย ดูสิ นายทำงานล่วงเวลามาตั้งหลายวันแล้ว ยังไม่เสร็จซักที นายลืมวันลืมคืนไปเลยใช่ไหม อยากให้ฉันไปเดทกับนายไหม”
“ไปไกลๆ เลย!” กู้อวิ๋นเตะขาเก้าอี้ชายหนุ่มคนนั้นและไล่เขาออกไป จากนั้นก็ดึงกระดาษทิชชูอีกแผ่นมาซับเช็ดจมูก “ฉันจะขอให้เจ้านายจ่ายค่าล่วงเวลาให้ฉัน ถ้าเขาปฏิเสธ ฉันจะไม่ทำงานอื่นนอกเหนือจากหน้าที่ของฉัน ที่กองเป็นตั้งอยู่นี่! บ้าชะมัด!”
ชายหนุ่มคนเดิมกล่าวอีก “นายต้องโทษตัวเอง นายเลือกนายน้อย ไม่ยอมเลือกคุณเจ็ด แล้วทีนี้รู้หรือยังว่านายน้อยน่ะโหดแค่ไหน” เมื่อจบคำพูดเขาก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย “แต่ผู้ชายเก่งๆ มักงานยุ่งเสมอ เราถูกย้ายมาที่นี่เพราะเราคือพวกหัวกะทิ แต่ตอนนี้เราได้นั่งอยู่ที่นี่แบบสบายๆ อิจฉานายจริงๆ นะนี่ ที่นายงานยุ่งมาก”
กู้อวิ๋นเหลือบมองชายหนุ่มคนนั้นพร้อมกับยิ้ม แล้วทันใดนั้นก็โยนแฟ้มตรงหน้าเขากองหนึ่งให้ชายหนุ่ม และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “นายไม่ต้องกินข้าวกลางวัน ถ้าจัดการงานในแฟ้มกองนี้ไม่เสร็จ” จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองคนอื่นๆ และกล่าวอย่างดุดัน “ถ้าใครกล้าเอาอาหารกลางวันมาให้อาไฮ้กิน ฉันจะทำให้เขาต้องหิวไปตลอดกาล! ทุกคนได้ยินที่ฉันพูดไหม”
ทุกคนตอบพร้อมกัน “ได้ยินครับ คุณสี่!”
อาไฮ้ยอมจำนนและขออภัยทันที “คุณสี่ ผมผิดไปแล้ว คุณสี่ตีผมก็ได้! เตะผมก็ได้! ตีผมให้ตาย! แต่โปรดอย่าทำอย่างนี้กับผม! ผมอยู่ไม่ได้ถ้าต้องอดอาหาร! ผมทนหิวไม่ได้! ได้โปรดเถอะ!”
กู้อวิ๋นยิ้ม “อ้าว ก็นายเรียกฉันว่าอาอวิ๋นไม่ใช่หรือ นายใหญ่ ผมจะกล้าตีนายใหญ่ได้ยังไง”
อาไฮ้หน้าสลด “คุณสี่ผมผิดไปแล้วจริงๆ โปรดยกโทษให้ผมด้วย!” เขาสามารถจัดการกับแฟ้มเหล่านี้ได้ทั้งหมด เขาทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง แต่เขาทนหิวไม่ได้! ทันใดนั้นอาไฮ้ก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตาเขาเป็นประกายทันที เขารีบอาสา “คุณสี่ เอาอย่างนี้ไหม ผมจะจัดการกับแฟ้มบนโต๊ะให้ทั้งหมดเลย ได้โปรดให้ผมกินอาหารกลางวันด้วย!”
กู้อวิ๋นเลิกคิ้ว มองดูกองแฟ้มเอกสารบนโต๊ะที่สูงเป็นภูเขา แล้วกล่าวเสียงแข็ง “ทั้งหมด?!”
อาไฮ้มองดูกองแฟ้มแล้วกลืนน้ำลาย แต่ในที่สุดก็พยักหน้า หลังจากถกเถียงกับตัวเองในใจอย่างหนักอยู่ครู่ใหญ่ “ใช่ครับ! ตราบใดที่ผมได้กินข้าว!”
กู้อวิ๋นยิ้ม เลิกคิ้วขึ้น “จัดการเลย” จากนั้นเขาก็มองอาไฮ้ซึ่งหน้าจ๋อยไปทันที “นายเป็นคนมีความสามารถ ฉันเชื่อว่านายจะทำงานให้เสร็จได้ในคืนนี้ ฉันเชื่อมั่นในตัวนาย อาไฮ้”
อาไฮ้รู้สึกราวกับว่าเขายกก้อนหินขึ้นเพียงเพื่อวางทับเท้าตัวเอง ขณะนั้นนั่นเองอาห้าก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นกู้อวิ๋นยิ้มด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ และอาไฮ้มีสีหน้าซีดสลด เขาก็เลิกคิ้วมองหน้ากู้อวิ๋น “อาสี่ เกิดอะไรขึ้น”
กู้อวิ๋นยิ้ม “ไม่มีอะไร อาไฮ้เขาใจดี เขาสัญญาว่าจะทำงานในแฟ้มทั้งหมดนี้ให้เสร็จคืนนี้ ฉันก็แค่ให้โอกาสเขาแสดงความสามารถ”
หางตาอาห้าหรี่ลง มองหน้าอาไฮ้ซึ่งเกือบจะร้องไห้อยู่แล้ว “ผมจะไม่ล้อเลียนคุณสี่อีก! ผมสาบาน!”
อาห้าหัวเราะ “ฉันรู้ว่าฉันจะไม่ทำแบบนั้นมานานแล้ว นายไม่เคยรู้ความจริงข้อนี้มาก่อนหรือไง” เมื่อกล่าวจบเขาก็หันไปมองกู้อวิ๋น “กู้อวิ๋นดูเป็นคนไม่น่ากลัว แต่นายจะต้องเสียใจถ้าทำให้เขาขุ่นเคือง นายซื่อเกินไปเด็กน้อย นายต้องฉลาดกว่านี้ อย่าพลาดแบบเดิมอีก”
กู้อวิ๋นยิ้มไม่พูดอะไร อาไฮ้กล่าวอย่างขมขื่น “มีใครบ้างไหมที่จะปราบเขาได้”
“มี”
“ใครหรือ”
อาห้ายิ้ม “นายน้อยไงล่ะ”