ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 230 แฟนคลับรุ่นเด็กอีกคนหนึ่ง
ถังซีพยักหน้า “ใช่ แต่เล่นได้นิดหน่อยเท่านั้นนะ ฉันไม่เก่งหรอก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้นักเรียนทุกคนก็ยิ่งนับถือเธอมากขึ้น ทันใดนั้นก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งรีบออกมาจากห้องเรียน และกล่าวกับถังซีว่า “เซียวโหรว เราเป็นเพื่อนกันได้ไหม ฉันชอบเธอจังเลย! แม่ฉันก็ชอบเธอมากเหมือนกัน แม่หวังว่าเราจะเป็นเพื่อนกันได้! …
…โอ จริงสิ ฉันลืมไปไม่ได้แนะนำตัว ฉันชื่อเฉินจื้อเยี่ยน พ่อแม่ฉันอยู่ที่เมือง W แม่ฉันโทรมาหาฉันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว…”
“เดี๋ยวก่อน!” ถังซียิ้มให้เฉินจื้อเยี่ยนด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน และรีบเดินเข้าไปจับมือเธอ “เฉินจื้อเยี่ยน เราเป็นเพื่อนกันได้แน่นอน แต่ฉันแก่กว่าเธอนะ เธอแน่ใจหรือว่าอยากเป็นเพื่อนกับฉัน เธอจะเบื่อไหมกับการใช้เวลาว่างในแบบของฉัน”
เด็กหญิงและเด็กชายคนอื่นๆ ต่างตกใจกับความกล้าหาญของเฉินจื้อเยี่ยน จริงๆ แล้วเธอเพียงแค่พูดอย่างตรงไปตรงมาที่สุดว่าเธออยากเป็นเพื่อนกับเซียวโหรว ช่างน่าทึ่งมาก! แม้ทุกคนจะอยากเป็นเพื่อนกับเซียวโหรว แต่ครอบครัวของพวกเขาไม่ต้องการให้พวกเขาเป็นเพื่อนกับเธอ กลัวว่าเธอจะมีอิทธิพลต่อพวกเขาในทางลบ เพราะเธอโตมาในชนบท… พวกเขาอิจฉาเฉินจื้อเยี่ยนจริงๆ ที่มีมารดาใจกว้างอย่างนี้!
ดวงตาเฉินจื้อเยี่ยนเป็นประกายเมื่อได้ยินคำพูดของถังซี เธอส่ายศีรษะทันที “ไม่หรอก ฉันไม่เบื่อ ถ้าฉันได้นั่งเรียนกับเธอ ฉันสัญญากับพ่อแม่ไว้ว่าฉันจะต้องเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งเมือง A ให้ได้ เพื่อจะบรรลุเป้าหมายนั้นฉันต้องเรียนให้หนัก แม่บอกว่าจะเป็นการดีต่อฉัน ถ้าได้อยู่ใกล้กับคนที่มีแรงจูงใจอย่างเธอ! แม่ยังบอกด้วยว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเธอ…”
“เอาล่ะ จื้อเยี่ยน เอาไว้พูดเรื่องนี้กันเป็นการส่วนตัวดีไหม” ถังซีฝืนยิ้ม ไม่เคยระแคะระคายแก่เธอมาก่อนเลยว่า คาสิโนแห่งนั้นเป็นของพ่อเฉินจื้อเยี่ยน และแม่เฉินจื้อเยี่ยนก็อยูที่นั่นในเวลานั้น สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจมากคือคุณนายเฉินชอบเธอมาก ถึงขนาดบอกกับเซียวจิ่งว่านางยินดีที่จะช่วยเหลือเธอทุกเมื่อที่เธอต้องการ…
และสิ่งสุดท้ายที่เธอจะคาดคิดคือ คุณนายเฉินเล่าเรื่องพวกนั้นให้ลูกสาวนางฟัง และลูกสาวผู้ ‘ตรงไปตรงมาและไร้เดียงสา’ ของนาง เกือบจะพูดเรื่องนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย! เดี๋ยวก่อน จื้อเยี่ยนน้อยผู้น่ารัก ฉันยังอยากรักษาภาพลักษณ์ ‘เด็กดี’ ของฉันไว้! ได้โปรดอย่าทำลายภาพพจน์ของฉัน ตกลงไหม
เมื่อคิดเช่นนี้ถังซีก็หัวเราะเบาๆ โอบไหล่เฉินจื้อเยี่ยน พาเธอเดินไป เฉินจื้อเยี่ยนมีประกายประหลาดใจในดวงตา เมื่อมาถึงปลายทางเดินเธอก็ถามถังซีด้วยความสงสัยว่า “ทำไมเธอถึงไม่อยากให้คนพวกนั้นรู้ว่าเธอน่ะยอดเยี่ยมมาก”
ถังซีมองหน้าเฉินจื้อเยี่ยนและกล่าวอย่างอ่อนใจ “จื้อเยี่ยนน้อยที่รักของฉัน เธอรู้ไหมว่าคนอื่นๆ ในโรงเรียนจะกลัวฉันขนาดไหน ถ้าเธอเล่าเรื่องพวกนั้นให้พวกเขาฟัง ถ้าทุกคนพยายามหลบเลี่ยงฉันทุกที่ที่ฉันไป คงเป็นเรื่องเศร้าเหลือเกินสำหรับฉัน!”
“ไม่เป็นอย่างนั้นแน่นอน!” เฉินจื้อเยี่ยนเงยหน้ามองถังซีด้วยความภาคภูมิใจ และกล่าวอย่างมั่นใจ “ฉันแน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอย่างนั้น แต่พวกเขาจะนับถือเธอเหมือนกับฉัน เธอยอดเยี่ยมมาก พวกเขาจะไม่กลัวเธอหรอก แต่ทุกคนจะกลายเป็นแฟนคลับของเธอ!”
ถังซีพูดไม่ออก เอาล่ะ ตอนนี้นอกเหนือจากหนิงเคอแล้ว เธอมีแฟนคลับรุ่นเด็กอีกคนหนึ่งแล้วล่ะ ทำไมจู่ๆ เธอถึงรู้สึกว่าช่วงเวลาที่ดีของเธอยังมาไม่ถึง แม้ว่าเธอกำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในเดือนตุลาคมนี้อยู่แล้วก็ตาม หรือบางทีเธออาจต้องกลายเป็นหัวหน้าแก๊งก่อน เพราะถูกผลักดันโดยเด็กๆ กลุ่มนี้
ทันใดนั้นภาพๆ หนึ่งก็ผุดขึ้นมาในความคิด เธอสวมแจ็คเก็ตและกางเกงหนัง ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของสมาชิกแก๊งที่มารวมตัวกันจำนวนมาก ถังซีส่ายศีรษะอย่างแรง “เอาล่ะ เสี่ยวจื้อเยี่ยนที่รัก บางทีเราควรยึดเอาความไม่มีตัวตนไว้ เธอก็รู้ว่าฉันอายุยี่สิบสามปีแล้ว ถ้าฉันมีชื่อเสียงขึ้นมาในโรงเรียนมัธยม คนอื่นๆ จะหัวเราะเยาะฉัน เพราะฉะนั้นถ้าเธออยากเป็นเพื่อนกับฉัน เธอสัญญาอะไรบางอย่างกับฉันได้ไหม”
เฉินจื้อเยี่ยนเม้มริมฝีปากมองหน้าถังซี แล้วพยักหน้าในที่สุด “ตกลง ตราบใดที่เธอเต็มใจเป็นเพื่อนกับฉัน ฉันให้สัญญากับเธอทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ถ้าหากฉันทำไม่ได้ ฉันก็จะขอให้แม่ฉันทำให้!”
“ฮ่าๆ …” ถังซีหัวเราะอย่างหมดปัญญา “ไม่ได้คอขาดบาดตายขนาดนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นเธอต้องการยังไง” เฉินจื้อเยี่ยนมองถังซีด้วยดวงตาเป็นประกาย “บอกฉันสิ ฉันทำได้! แม่ฉันจะดีใจมากเลย ถ้ารู้ว่าเราเป็นเพื่อนกัน!”
“สิ่งที่ฉันจะขอก็คือ อย่าบอกคนอื่นเรื่องที่แม่เธอเล่าให้เธอฟัง สัญญากับฉันได้ไหม”
เฉินจื้อเยี่ยนคิดอยู่พักหนึ่ง มองหน้าถังซี แล้วพยักหน้า “แล้วให้ฉันนั่งเรียนกับเธอได้ใช่ไหม ฉันเรียนคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษไม่ได้เรื่องเลย แล้วฉันก็ต้องทำแบบฝึกหัดภาษาฝรั่งเศสให้ได้ด้วย ไม่อย่างนั้นฉันอาจสอบตกวิชาภาษาฝรั่งเศส เธอช่วยสอนฉันได้ไหม”
ถังซีอึ้ง “… แล้วตกลงว่า… เสี่ยวจื้อเยี่ยนที่รัก เธอกำลังมองหาเพื่อนหรือครูสอนพิเศษส่วนตัวกันแน่ ถ้าเธออยากให้ฉันเป็นครูสอนพิเศษส่วนตัว เธอต้องจ่ายค่าจ้างฉันแล้วล่ะ!”
“ไม่มีปัญหา! เธอสอนพิเศษให้ฉันด้วยเลยเวลาเธอทบทวนบทเรียน แล้วฉันจะเลี้ยงเธอมื้อใหญ่ ตกลงไหม” เฉินจื้อเยี่ยนกล่าว “เราเป็นเพื่อนกัน เพราะฉะนั้นฉันต้องไม่ปฏิบัติกับเธอเหมือนเป็นครูสอนพิเศษ ให้ฉันจะเลี้ยงอาหารเธอแทนการจ่ายค่าจ้างดีไหม”
ถังซีกะพริบตาปริบๆ เด็กคนนี้เอาเรื่องพูดล้อเล่นของเธอมาเป็นเรื่องจริงจังเลยหรือ อย่างไรก็ตาม… ถังซีมองหน้าเฉินจื้อเยี่ยน เม้มปากแล้วถามว่า “ฉันเลือกได้ใช่ไหมว่าฉันอยากทานอะไร”
ดวงตาเฉินจื้อเยี่ยนเป็นประกายเมื่อได้ยินคำถามของถังซี และพยักหน้าอย่างหนักแน่น “แน่นอน!”
ถังซียิ้ม กอดคอเฉินจื้อเยี่ยนเดินกลับไปที่ห้องเรียนพร้อมกัน และกล่าวกับคุณครูเหอในขณะที่เดินไป “คุณครูเหอคะ หนูตัดสินใจแล้วค่ะ ว่าหนูจะเล่นเปียโนในการแสดงผลงานทางศิลปะ และจะเข้าร่วมการสอบเข้ามหาวิทยาลัยกลางเดือนตุลาคม ขอให้เฉินจื้อเยี่ยนนั่งโต๊ะข้างๆ หนูในห้องเรียนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ”
ขณะเดินเข้าห้องเรียนถังซีหันไปมองเฉินจื้อเยี่ยนและกล่าวอย่างกระตือรือร้น “เธอเรียนหนักมาก พวกเราทุกคนควรเอาแบบอย่างเธอ เริ่มกันวันนี้เลย!” จากนั้นก็หยิบกระเป๋านักเรียนของตัวเองแล้วถามเฉินจื้อเยี่ยนว่า “ตรงไหนที่นั่งของเธอ”
เฉินจื้อเยี่ยนคิดไม่ถึงว่าถังซีจะใจดีกับเธอขนาดนี้ เธอชี้ไปที่ที่นั่งของเธออย่างอายๆ และเพื่อนร่วมโต๊ะของเธอก็เริ่มเก็บข้าวของของเขา ถังซียิ้มให้เด็กชาย กล่าวขอบคุณ แล้วนั่งลงข้างเฉินจื้อเยี่ยน เธอมองหน้าเฉินจื้อเยี่ยนและบอกว่า “ช่วงพักเที่ยงเราไปทานข้าวกลางวันที่ร้านอาหารทะเลตรงกันข้ามโรงเรียนกันนะ ฉันได้ยินมาว่ากุ้งก้ามกรามและกุ้งทะเลของร้านนี้สดมาก ฉันอยากลองมานานแล้ว แต่ไม่มีเวลา”
เฉินจื้อเยี่ยนพยักหน้า ตอบโดยไม่อิดออด “ตกลง เราไปทานอาหารกลางวันที่ร้านนั้นกัน”