ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 240 ส่งเขาไปลงนรก
นักข่าวเล็งกล้องไปที่เฉียวเหลียงหลังจากถามคำถามนี้ เฉียวเหลียงหัวเราะเยาะหยัน คำรามเบาๆ แล้วกล่าวอย่างเหยียดหยามว่า “เขากล้าใส่ร้ายผมด้วยหรือ”
อาห้าซึ่งยืนอยู่ด้านหลังเฉียวเหลียงตกตะลึง และเซียวจิ่งที่เพิ่งออกมาจากลิฟต์เกือบเป็นลม “เวรกรรม! ฉันพยายามอย่างหนักที่จะปิดบังเรื่องนี้ให้นาย นี่นายจะทำอะไร ทำไมนายถึงยอมรับอย่างนั้น นรกจริงๆ”
ในนาทีนั้นเขาอยากรีบเข้าไปถามเฉียวเหลียงว่า ‘นี่นายคิดบ้าอะไรของนาย’
นักข่าวตกอยู่ในความโกลาหล ทุกคนจ่อไมโครโฟนไปที่เฉียวเหลียง และถามเฉียวเหลียงว่า “ท่านประธานเฉียว ถ้าอย่างนั้นคุณก็ยอมรับน่ะสิ ว่าคุณทำร้ายประธานลู่”
“ท่านประธานเฉียว การกระทำของคุณจะส่งผลเสียต่อบริษัทอย่างไม่น่าเชื่อ คุณได้คำนึงถึงภาพลักษณ์ของบริษัทไหม เมื่อคุณทำอย่างนั้น”
“ท่านประธานเฉียว คุณจะอธิบายให้ผู้ถือหุ้นบริษัทคุณฟังอย่างไร”
เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว “ทำไมผมต้องอธิบายให้พวกเขาฟัง”
ถังซีซึ่งกำลังดูข่าวอยู่บนทางเดินหลังหมดชั่วโมงเรียน อยากเข้าไปในวิดีโอเดี๋ยวนั้นแล้วตบหน้าเฉียวเหลียง “ให้ตายเถอะ คุณพูดแบบนี้ต่อหน้านักข่าวพวกนั้น พวกที่ต้องการแค่สร้างประเด็นได้ยังไง คุณอยากทำลายภาพพจน์ของตัวเองหรือ”
เพื่อนร่วมชั้นของถังซีก็ตกอยู่ในความโกลาหลเช่นกัน รวมทั้งนักเรียนในชั้นอื่นๆ ด้วย เด็กผู้หญิงต่างกรีดร้องเสียงดัง “โอ ท่านประธานเฉียวหล่อมาก! เขาหล่อมากในทีวี! เขาคือไอดอลของฉัน! ฉันอยากเป็นแฟนเขาจังเลย!”
เด็กผู้หญิงอีกคนกล่าวด้วยท่าทางรังเกียจว่า “ทำไมเธอถึงชอบผู้ชายที่มีแนวโน้มจะใช้ความรุนแรงล่ะ เธออยากถูกเขาทำร้ายเหรอ”
“ใช่ เขาพูดออกมาโดยไม่รู้สึกผิดเลยได้ยังไง หลังจากที่ซ้อมคนอื่น ใช่สิ เขาหล่อและรวย แล้วไงล่ะ เขามีบุคลิกที่แย่มาก ลู่หงคุนทำอะไรให้เขาขุ่นเคืองหรือ ฉันคิดว่าเขาเป็นคนไม่ดี”
ถังซีขมวดคิ้วมองกลับไปที่เด็กผู้หญิงคนนั้น และในไม่ช้าก็นึกออกว่าเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ถังซีเป็นห่วงเฉียวเหลียง เธอจึงสืบหาข้อมูลของตระกูลเฉียว และเด็กผู้หญิงคนนี้คือลู่เสี่ยวจิง ลูกสาวของพ่อเฉียวเหลียงกับภรรยาลับ
ถังซีเลิกคิ้ว ปิดวิดีโอและโทรหาอาห้า เมื่อเห็นชื่อผู้โทร อาห้าซึ่งยืนอยู่ด้านหลังเฉียวเหลียงก็รีบเดินออกไปรับโทรศัพท์ทางด้านข้าง เขาเล่าให้ถังซีฟังว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ขณะคิดอยู่คนเดียวด้วยความอึดอัดใจ เขารู้ว่าต้องไม่ให้นายน้อยรู้ว่าคุณหนูเซียวมีหมายเลขโทรศัพท์เขา และเคยพูดโทรศัพท์กับเขาด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องถึงวาระสุดท้ายแน่
เมื่อได้ยินสิ่งที่อาห้าเล่าให้ฟังถังซีก็เลิกคิ้ว เธอบอกว่าเธอรู้เรื่องแล้ว และบอกอาห้าให้ปล่อยนายน้อยของเขาอย่าเข้าไปยุ่ง ปล่อยให้เฉียวเหลียงทำในสิ่งที่เขาอยากทำ จากนั้นเธอก็วางสายโทรศัพท์ แล้วเดินไปหาลู่เสี่ยวจิงพร้อมกับโทรศัพท์ในมือ
ลู่เสี่ยวจิงกำลังพูดใส่ร้ายเฉียวเหลียง เมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีใครบางคนเดินเข้ามาใกล้ เธอจึงหันไปมองคนๆ นั้น และพบว่าเป็นถังซี เธอรู้สึกประหลาดใจ แน่นอนว่าเธอรู้จักเซียวโหรวซึ่งเป็นดาวของโรงเรียนมัธยมตี้อี เซียวโหรวไม่เพียงแต่สวยน่ารักเท่านั้น แต่ยังเรียนเก่งได้เกรดดีอีกด้วย เธอดังมากในหมู่นักเรียน แม้กระทั่งบรรดานักเรียนเกรดเอก็ยังชื่นชอบเธอมาก
น้ำเสียงลู่เสี่ยวจิงอ่อนลง เมื่อเธอเห็นว่าคนๆ นั้นคือเซียวโหรว เธอเม้มริมฝีปากแล้วถามว่า “มีอะไรหรือ”
ถังซียิ้มเยาะ “ฉันคิดว่าเธอรู้ดี”
ลู่เสี่ยวจิงขมวดคิ้ว และน้ำเสียงเธอเปลี่ยนเป็นศัตรู “ฉันจะรู้ได้ยังไง! ถ้าเธอไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ ก็ออกไปให้พ้นทาง ฉันต้องไปเข้าห้องเรียน”
“เธอมีความสัมพันธ์ยังไงกับผู้ชายที่ถูกซ้อมเหรอ ทำไมถึงเอาแต่ใส่ร้ายเฉียวเหลียง เฉียวเหลียงติดหนี้เธอหรือ” ถังซียกแขนขึ้นกอดอก ท่าทางเหมือนนักเลง และจะดูเหมือนนักเลงยิ่งขึ้น ถ้าเธอมีอมยิ้มอยู่ในปาก…
เมื่อลู่เสี่ยวจิงได้ยินอย่างนี้ ใบหน้าเธอก็แดงก่ำและเต็มไปด้วยความสับสน เธอกล่าวด้วยความโกรธว่า “เธอพูดถึงเรื่องอะไร ฉันไม่ได้พูดอะไรผิดเลย เราถูกห้ามไม่ให้พูดถึงคนที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงด้วยหรือ” จากนั้นเธอก็ตะคอก “เธอมีความสัมพันธ์ยังไงกับเฉียวเหลียง ทำไมถึงพยายามปกป้องเขามากมาย!”
“ฉันคิดว่าฉันถามเธอก่อนไม่ใช่หรือ เธอตอบคำถามของฉันมาก่อนสิ แล้วฉันจะตอบเธอ ลู่เสี่ยวจิง” ถังซียิ้มน้อยๆ มองหน้าลู่เสี่ยวจิง ซึ่งตอนนี้ใบหน้าเปลี่ยนเป็นดุดันในทันที แล้วเธอก็กล่าวว่า “พี่ชายฉันเป็นรองประธานเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป เขารู้ดีแน่นอนว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น ฉันเพิ่งโทรหาพี่ชาย แต่สิ่งที่เขาบอกแตกต่างจากที่เธอพูดโดยสิ้นเชิง”
มีบางคนอุทาน “ฮึ?” และทันใดนั้นใครอีกคนก็บอกว่า “อ๋อ ใช่สิ ลู่เสี่ยวจิง ผู้ชายที่ถูกซ้อมคือพี่ชายเธอนี่ ใช่ไหม เธอบอกไม่ใช่หรือว่าเธอคือคุณหนูของหงคุนกรุป พ่อเธอเป็นประธานไง และพี่ชายเธอเป็นกรรมการผู้จัดการใช่ไหม”
“เขาว่ากันว่า หงคุนกรุปล้มละลายแล้ว จริงหรือเปล่า”
“โกหก!” ลู่เสี่ยวจิงหน้าบูดบึ้ง “ไร้สาระ! ครอบครัวฉันไม่มีวันล้มละลาย!”
ถังซีหัวเราะคิกคัก ลู่เสี่ยวจิงหันมามองถังซีทันที และถามอย่างขุ่นเคือง “เธอหัวเราะอะไร”
ถังซียิ้มเยาะ “ปรากฏว่าเธอเป็นน้องสาวลู่หงคุนนี่เอง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องรู้สิใช่ไหม ว่าทำไมเฉียวเหลียงถึงซ้อมพี่ชายเธอ” ใบหน้าถังซีดุดัน เธอกล่าวอย่างเย็นชาขณะชายตามองลู่เสี่ยวจิงซึ่งหน้าซีดเผือด “เธอไม่รู้หรือว่าแม่ของเธอทำอะไรไว้กับแม่เฉียวเหลียง เธอไม่รู้หรือว่าพ่อกับแม่ของเธอทำอะไรไว้กับเฉียวเหลียงและเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปบ้าง และเธอไม่รู้หรือว่าทำไมลู่หงคุนถึงโดนเฉียวเหลียงซ้อม!”
“โกหก!” ลู่เสี่ยวจิงตะโกนใส่ถังซี “พ่อกับแม่ฉันรักกัน! แม่ฉันไม่ได้แย่งสามีใคร! และแม่ฉัน… ไม่เคยเป็นเมียเก็บของใคร!”
ถังซีเลิกคิ้วแล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น “ฉันบอกเหรอว่าแม่เธอเป็นเมียเก็บ ถ้าอย่างนั้นแม่เธอก็เป็นเมียเก็บในสายตาเธอน่ะสิ”
“ไร้สาระ! แม่ฉันไม่ได้เป็น!”
ทันใดนั้นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็กรีดร้องเสียงดัง “โอ พระเจ้า! ไอดอลของฉันช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน! ฉันจะรักเขาตลอดไป!”
“เกิดอะไรขึ้น”
“ดูนี่สิ ไม่อยากจะเชื่อเลย ผู้ใช้ไมโครบล็อกทุกคนที่ด่าว่าเจ้าชายเฉียวเจ้าเสน่ห์ และบอกให้เขา ‘ไปลงนรก’ เมื่อกี้ ตอนนี้ทุกคนกลายเป็นแฟนคลับเขาไปแล้ว และก็ขอโทษเขาด้วย!”
ถังซีเลิกคิ้ว หยิบโทรศัพท์ออกมาดูข่าวต่อ เด็กคนอื่นๆ ก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมา ไม่มีใครได้ยินเสียงกริ่งโรงเรียนเลย
ลู่เสี่ยวจิงก็เปิดโทรศัพท์ของเธออย่างลังเล…
ถังซีมองดูหน้าจอโทรศัพท์ และสิ่งที่เห็นคือใบหน้าอันหล่อเหลาของเฉียวเหลียง เขามองมาที่กล้องอย่างเย็นชา และกล่าวอย่างเยือกเย็น “ผมไม่สนใจหรอกว่าเขาจะใส่ร้ายผมยังไง แต่ถ้าเขากล้าใส่ร้ายแม่ผม ผมจะส่งเขาไปลงนรก ลู่หงคุนแกว่งเท้าหาความตายอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ผมจึงไม่รังเกียจที่จะช่วยสงเคราะห์เขา”