ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 251 ฆ่าเขาก่อนที่คนอื่นจะลงมือ
ถังซีเม้มริมฝีปากมองดูลู่กวงสยง “คุณแน่ใจหรือว่าฉันเป็นคนสำคัญในหัวใจเฉียวเหลียง ถ้าใช่ ทำไมเฉียวเหลียงถึงไม่ให้คนไปส่งฉันกลับบ้าน หลังจากที่ฉันพูดแบบนั้นกับคุณ เขาจะเปิดโอกาสให้คุณลักพาตัวฉันมาอย่างนี้เหรอ”
ขณะกล่าวออกมาถังซีก็เกือบจะเชื่อคำพูดของตัวเองเหมือนกัน จริงอยู่ อาห้าต้องอยู่ปกป้องคุณป้าเฉียว แต่เขาจะจัดรถไปส่งเธอก็ได้! ทำไมเขาถึงปล่อยให้เธอเดินออกมาคนเดียว มีความลับอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า
ความคิดนี้ทำให้ถังซีรู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที เฉียวเหลียงใช้เธอเป็นเหยื่อล่อใช่ไหม!
จากนั้นโทรศัพท์มือถือของลู่กวงสยงก็ดังขึ้น ลู่กวงสยงมองดูชื่อผู้โทรแล้วหรี่ตาลง เขายิ้มอย่างชั่วร้ายมองหน้าถังซี “ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะสำคัญกับมันมาก จนมันต้องโทรหาฉันเร็วขนาดนี้!”
ถังซีมองอย่างเย็นชาเมื่อได้ยินคำพูดของเขา ลู่กวงสยงรับโทรศัพท์ แล้วน้ำเสียงอันเย็นเยือกของเฉียวเหลียงก็ดังขึ้น “ลู่กวงสยง บังอาจมาก!”
“จ่ายเงินมาให้ฉันสองพันล้านหยวน ไม่อย่างนั้นแกได้เห็นศพเธอแน่!” ลู่กวงสยงขู่แล้วก็วางสายทันที
เฉียวเหลียงคว้าเสื้อโค้ตและโทรหาอาห้าขณะรีบออกจากสถานีตำรวจ “ค้นหาพิกัดเซียวโหรว! ถ้านายหาไม่เจอภายในสองนาที นายถูกไล่ออก!”
อาห้ารีบบอกให้อาหกค้นหาพิกัดของถังซี ตอนนั้นเขาไม่น่าประมาทเลย เขาปล่อยให้คุณหนูเซียวเดินออกไปคนเดียวได้อย่างไร เมื่อรู้ตัวว่าทำผิดพลาดเขาก็รีบจัดรถเพื่อจะไปส่งคุณหนูเซียวกลับบ้าน แต่เธอหายตัวไปแล้ว เขารู้ทันทีว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น จึงรีบตรวจสอบวิดีโอกล้องวงจรปิด และเดาว่าคุณหนูเซียวถูกลักพาตัว…
เขาเชื่อว่าคุณหนูเซียวถูกลักพาตัวจริงๆ …
ทางด้านเซียวจิ่งซึ่งเพิ่งได้นอนหลับไปเพียงครู่เดียว ก็ผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันที แล้วตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “เฉียวเหลียง ไอ้บัดซบเอ๊ย! ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับน้องสาวฉัน!”
ทันทีที่เซียวจิ่งพูดจบ ประตูห้องเขาก็เปิดออก เซียวเหยาจ้องหน้าเซียวจิ่งเขม็ง ถามเสียงเยือกเย็น “เกิดอะไรขึ้นกับโหรวโหรว!”
เซียวจิ่งมองเซียวเหยาอย่างงุนงง ขณะถามว่า “พี่เหยา ทำไมถึงยังอยู่บ้าน ไม่ได้ไปต่างประเทศเหรอ”
เซียวเหยาไม่สนใจคำถาม และถามกลับอีกครั้งอย่างดุดัน “ฉันถามนายว่า เกิดอะไรขึ้นกับโหรวโหรว!”
เซียวจิ่งแทบร้องไห้ออกมา “ดูเหมือนน้องจะถูกไอ้สารเลวพ่อของเฉียวเหลียงลักพาตัวไป เรียกค่าไถ่กับเฉียวเหลียงสองพันล้านหยวน เพื่อเอาไปอุดรอยรั่วของบริษัทเขา…” น้ำเสียงเซียวจิ่งค่อยๆ แผ่วลงเรื่อยๆ ขณะที่เขาพูด อย่างไรก็ตามเขาก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เหมือนกัน…
เซียวเหยามองหน้าเซียวจิ่งแล้วเดินออกไปข้างนอก มีโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือ เซียวจิ่งตะโกนตามหลังเขา “พี่เหยา ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นะ เป็นความผิดของลู่กวงสยงคนเดียว เขาเป็นมนุษย์ที่หน้าด้านไร้ยางอาย…”
เซียวเหยาหันกลับมามองเซียวจิ่ง แล้วกล่าวอย่างข่มอารมณ์ “ตะโกนเข้าไป ถ้าอยากให้คุณแม่ได้ยิน”
เซียวจิ่งหุบปากทันที แล้วรีบรุดไปเปลี่ยนเสื้อผ้า “ขอผมเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
เซียวเหยากดหมายเลขโทรออก แล้วพูดไปในโทรศัพท์อย่างเยือกเย็น “หาพิกัดหมายเลขโทรศัพท์นี้ให้ผม และส่งคนไปสมทบกับผมทีมหนึ่ง เดี๋ยวผมจะส่งรูปไปให้ ภารกิจคือช่วยชีวิตตัวประกัน และสังหารอาชญากรได้!”
เมื่อได้ยินคำพูดของพี่ชายเซียวจิ่งถึงกับอุทานในใจ พระเจ้า! พี่เหยาต้องฆ่าลู่กวงสยงแน่ ในหัวใจพี่เหยา โหรวโหรวมีความสำคัญมากจริงๆ !
เมื่อคิดเช่นนี้เซียวจิ่งก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วโทรหาเฉียวเหลียง
อาห้ากล่าวขอโทษเฉียวเหลียงหลังจากขึ้นรถไปด้วยกันแล้ว เฉียวเหลียงมองหน้าเขา อาห้ารีบหุบปาก แล้วเฉียวเหลียงก็รับโทรศัพท์ “ว่าไง”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของเฉียวเหลียง เซียวจิ่งก็อยากชกเขาให้คว่ำ แต่พยายามระงับโทสะเมื่อนึกถึงผลที่จะตามมา เขากล่าวว่า “พี่ชายคนโตของฉันแอบได้ยินที่เราคุยโทรศัพท์กันเมื่อกี้ ฉันคิดว่าเขาต้องฆ่าลู่กวงสยงแน่ เขาสั่งให้คนของเขาช่วยตัวประกัน แถมยังบอกว่าสังหารอาชญากรได้”
เฉียวเหลียงเลิกคิ้ว ยิ้มเยือกเย็น ตอบรับในลำคอแล้ววางสาย เขานิ่งเงียบอยู่สองวินาที ก่อนจะบอกกับอาห้าอย่างไร้ความรู้สึก “ฆ่าผู้ชายคนนั้นได้เลย ถ้าจำเป็น”
“ฮะ?” อาห้าตกใจมาก เขามองหน้าเฉียวเหลียงซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะหลังอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เขาเม้มริมฝีปากก่อนจะกล่าวว่า “นายน้อยจะทำอย่างนั้นจริงๆ หรือครับ ไม่ว่ายังไงลู่กวงสยงก็เป็นพ่อของนายน้อย… แน่ใจหรือว่านายน้อยจะไม่เห็นผมเป็นศัตรูที่ฆ่าพ่อของคุณ”
ดวงตาเฉียวเหลียงจ้องมองโทรศัพท์มือถือ ขณะที่เขากล่าวอย่างหนักแน่น “ทำตามที่ฉันสั่ง จำไว้ว่าเป้าหมายมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น คือช่วยชีวิตเซียวโหรว ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม”
อาห้ารับคำด้วยสมองที่มึนงง ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเฉียวเหลียงก็ดังขึ้นอีก เขามองดูหมายเลขผู้โทรแล้วขมวดคิ้วก่อนจะรับสาย “ครับ แม่”
“อาเหลียง ลูกต้องช่วยโหรวโหรวให้ได้นะ”
“แน่นอนครับแม่” เฉียวเหลียงวางสายและบอกกับอาห้าว่า “ถ้าใครจะยิงลู่กวงสยง นายต้องลงมือก่อน ถ้านายทำไม่ได้จะถูกโบนัส” จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วถามว่า “แล้วเรื่องที่ฉันสั่งให้ทำล่ะ”
อาห้าพยักหน้า “ผมสั่งให้คนของเราจัดการแล้วครับ และใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
…
ทางด้านถังซี ชะเง้อตามองขึ้นไปบนท้องฟ้าอันมืดมิด พลางคิดว่าครอบครัวเธอต้องเป็นห่วงเธอมากแน่ๆ ค่ำป่านนี้แล้วเธอยังไม่กลับบ้าน… เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ถังซีก็แอบตำหนิตัวเอง ทำไมเธอถึงโง่พอที่จะเดินทางกลับบ้านคนเดียว ทำไมไม่หาใครสักคนให้ขับรถไปส่งเธอกลับบ้าน
ลู่กวงสยงไม่ได้รับการติดต่อจากเฉียวเหลียงอีกเลยหลังจากครั้งสุดท้ายเมื่อกี้ เฉียวเหลียงไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ที่ไหน และไม่ได้ตอบตกลงว่าจะจ่ายเงินค่าไถ่ให้เขาเพื่อรักษาชีวิตเซียวโหรว เขารู้สึกกระวนกระวายมาก และเริ่มกระสับกระส่าย เดินงุ่นง่านกลับไปกลับมาตรงหน้าถังซี
ถังซีก็เริ่มว้าวุ่น เสียสมาธิจากการเดินไปเดินมาของเขา เธอรู้สึกแย่จึงตะโกนใส่เขา “นี่ ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง นั่งเฉยๆ บ้างไม่ได้หรือ คุณวางใจเถอะ ในเมื่อเฉียวเหลียงบอกคุณว่าอย่าแตะต้องฉัน ก็แน่ใจได้เลยว่าคุณจะได้ในสิ่งที่ต้องการอย่างแน่นอน เขาอาจยกเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปให้คุณทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่สองพันล้านหยวนเลย หยุดเดินไปเดินมาสักทีได้ไหม!”
ลู่กวงสยงมองเธอด้วยสายตาถมึงทึง กล่าวอย่างดุดัน “เงียบเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่เงียบเธอจะต้องเจ็บตัว!”
ถังซีเงียบเสียงทันที ทันใดนั้นรถยนต์มากกว่าสิบคันก็แล่นเข้ามาจอดเต็มลานหน้าโรงงานร้าง แสงไฟสว่างไสวไปทั่วบริเวณ และขณะเดียวกันก็มีเฮลิคอปเตอร์ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ตามมาด้วยเสียงจากลำโพง “ลู่กวงสยงคุณถูกล้อมไว้หมดแล้ว ปล่อยตัวประกันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นเราจะยิงเข้าไป”
ลู่กวงสยงไม่คาดคิดว่าเฉียวเหลียงจะทำเรื่องให้ยุ่งยากใหญ่โตขนาดนี้ เขาหันขวับไปมองถังซีด้วยสายตาน่าสะพรึงกลัวทันที และสบถออกมา “บัดซบ!”
ถังซีเองก็พูดไม่ออก นี่มันเกิดอะไรขึ้น! ลู่กวงสยงมีแค่มีดสั้นเล่มเดียวเท่านั้นในมือ จำเป็นต้องทำให้เรื่องใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ เธอไม่อยากเป็นข่าวพาดหัววันพรุ่งนี้หรอกนะ!
ขณะเดียวกันเฉียวเหลียงก็ลงจากรถยนต์คันหนึ่ง และเซียวเหยากับเซียวจิ่งตามลงมาสมทบจากรถอีกคัน