ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 279 ความเข้าใจผิด
ถังซีเลิกคิ้วพูดต่อไป “ฉันชอบการออกแบบ ต่อให้ในท้ายที่สุดจะไม่ประสบความสำเร็จ ฉันก็จะไม่เสียใจเพราะฉันได้ลองทำแล้ว”
เฉียวเหลียงซึ่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นเบาๆ เมื่อถังซีพูดจบ “ใช่ ทุกอย่างเราสามารถลองทำได้ ตราบใดที่เราชอบในสิ่งนั้น ในเมื่อเธอชอบการออกแบบ ผมจึงช่วยเธอเปิดบริษัทสร้างผลงานออกแบบ และเธอไม่ชอบการบริหารจัดการ เพราะฉะนั้นจะมีคนมาช่วยเธอบริหารจัดการบริษัทของเธอ”
เฮ่อหว่านอีกล่าวเสริมด้วยว่า “จริงที่สุด โหรวโหรวมีความสามารถในการออกแบบมาก ชุดหรูหราสง่างามที่เธอสวมในวันนี้ เธอก็ออกแบบด้วยตัวเอง สวยมากใช่ไหมล่ะ ฉันตอบตกลงเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ให้บริษัทเธอก็เพราะชุดนั้น”
เฮ่อหว่านโจวไม่รู้จะเถียงอย่างไร เขายกแก้วชี้ไปทางเฉียวเหลียง แล้วยิ้ม “คุณก็เลยจ้างคนมาช่วย โหรวโหรวบริหารบริษัท นั่นสิ ที่ผมสงสัยก็คือเธอเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ จะบริหารบริษัทได้ยังไง เยี่ยมมากที่มีมืออาชีพมาช่วยเธอ…”
หนิงเหยี่ยนเองก็ยกแก้วของเขาไปทางถังซี “ขอแสดงความยินดีด้วย นางฟ้าน้อย” ถังซียิ้มขอบคุณเขาและกล่าวว่า “ถ้าผลิตภัณฑ์ของบริษัทฉันเป็นที่นิยม ช่วยโฆษณาให้ด้วยนะคะ ผู้กำกับหนิง”
หนิงเหยี่ยนเลิกคิ้ว “ไม่มีปัญหา ทุกครั้งที่เธอรับแสดงละครให้ฉัน ฉันจะโฆษณาแบรนด์ของเธอให้ทันที ตกลงไหม”
ถังซีเม้มริมฝีปาก “ผู้กำกับหนิง คุณไม่ใช่นักธุรกิจนี่นา อย่าต่อรองทุกบาททุกสตางค์อย่างนี้สิ”
ถังซีกับเฮ่อหว่านอีสนทนาเรื่องการตัดสินใจในรายละเอียดของความร่วมมือ ถังซีบอกว่าเธอจะเซ็นสัญญากับเฮ่อหว่านอีหลังจากบริษัทก่อตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว และเฮ่อหว่านอีตกลงตามนั้น…
จากนั้นถังซีก็หันไปมองเฉียวเหลียงซึ่งลุกขึ้นยืนทันที และจะพาถังซีกลับบ้าน คนอื่นๆ โน้มน้าวให้ทั้งคู่อยู่ต่อ บอกว่าทั้งคู่ไม่ค่อยได้ออกมาเที่ยวกับพวกเขา ทำไมถึงไม่อยู่ต่อสักหน่อย ถังซีบอกด้วยรอยยิ้มว่า “เอาไว้ค่อยออกมานั่งเล่นกันคราวหน้านะคะ ฉันต้องกลับบ้านไปดูแม่ก่อน นี่ก็ดึกมากแล้ว ฉันต้องไปแล้วล่ะค่ะ”
เฮ่อหว่านโจวกล่าวว่า “เธอเป็นลูกสาวที่น่ารักจริงๆ งั้นแล้วเจอกันนะ”
หลังจากทั้งสองออกไปหนิงเหยี่ยนก็เคาะคางตนเองและกล่าวว่า “ฉันจำได้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ยืนยันจะไม่ยอมรับเซียวหงอี้กับครอบครัวเป็นครอบครัวของเธอเด็ดขาด ทำไมเธอถึงยอมกลับไปหาพวกเขาหลังจากคุณนายหลินเป็นอัมพาตล่ะ เป็นเพราะเธอใจดีเกินไปจริงๆ หรือเปล่า”
เซียวจิ่งกับเซียวส่ายังอยู่ที่นี่ รู้สึกโกรธทันทีเมื่อได้ยินแบบนี้ เซียวส่ากล่าวเสียงดังว่า “ใครบอกว่าเธอกลับไปหาพวกเขา เธอแค่ไปพักอยู่ที่นั่นชั่วคราวเพื่อช่วยดูแลคุณป้า! และดูเหมือนว่าคุณป้าจะค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้นแล้วตอนนี้ เมื่อท่านหายดีโหรวโหรว… โหรวโหรวจะกลับมาอยู่กับพวกเราอย่างแน่นอน”
เซียวจิ่งจิบไวน์ “ใช่! แล้วทำไมนายถึงสงสัยว่าเธอจิตใจดีจริงๆ หรือเปล่า เพราะเธอจิตใจดีจริงๆ น่ะสิ เธอถึงได้กลับไปในช่วงเวลานี้ อย่ามองการกระทำของเธอผิดไป…”
หนิงเหยี่ยนยักไหล่ “ฉันไม่ได้มองการกระทำของเธอผิดไป ฉันแค่พูดออกมาโดยไม่ตั้งใจ ทำไมพวกนายต้องจริงจังขนาดนี้ด้วย”
“ก็ทำไมล่ะ นายคิดกับน้องสาวฉันแย่ที่สุด!” เซียวจิ่งคำราม “แล้วอีกอย่าง เป็นเรื่องใหญ่โตอะไรนักหรือที่โหรวโหรวจะก่อตั้งบริษัทด้วยเงินของเธอเอง เธอเติบโตขึ้นในชนบท เธอก็เลยไม่สามารถประสบความสำเร็จอะไรได้เลยอย่างนั้นหรือ”
“นี่นายกินระเบิดเข้าไปหรือเปล่าเนี่ย” หนิงเหยี่ยนมองหน้าเซียวจิ่งอย่างจริงจัง “เฉียวเหลียงก็เริ่มผิดปกติ นายสองคนก็แปลกไปด้วยเหมือนกัน พวกนายเป็นอะไรไปน่ะ”
“พวกเราไม่สามารถปกติมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว เข้าใจไหม” เซียวจิ่งลุกขึ้นนั่งตัวตรง แล้วพ่นลมหายใจออกทางจมูก “และฉันก็ไม่เห็นว่าเฉียวเหลียงมีอะไรผิดปกติ”
“แล้วนายคิดว่าเซียวโหรวปกติหรือ” หนิงเหยี่ยนบ่น “ถ้าเธอปกติเธอจะไม่มั่นใจขนาดนี้หลังจากออกจากโรงพยาบาล เธอดูเหมือนเป็นอีกคนหนึ่งไม่ใช่คนก่อนหน้านี้ เฉียวเหลียงก็ปฏิบัติกับเซียวโหรวไม่เหมือนเดิม และตอนนี้ก็ยังคบเธอเป็นแฟนอีกด้วย เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะสงสัยเรื่องทั้งหมดนี้ จริงไหม!”
เซียวจิ่งกระแอม จิบไวน์ แล้วกล่าวว่า “ในฐานะคนนอกนายอาจสงสัยเธอได้ แต่เราเป็นคนในครอบครัวเธอ เราต้องปกป้องเธอ เพราะเธอเกี่ยวข้องกับเราโดยสายเลือด ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอเป็นเรื่องปกติในสายตาเรา ฉันหวังว่านายจะไม่ตัดสินเธอด้วยอคติอย่างไม่ยุติธรรม ไม่มีใครอยากเกิดมายากจน และไม่มีเด็กคนไหนอยากเป็นเครื่องสังเวยให้กับความเกลียดชังของใคร เพราะฉะนั้นฉันหวังว่านายจะไม่พูดด้วยน้ำเสียงถากถางเธออย่างนี้ในครั้งต่อไปที่นายพูดกับเธอ ถึงแม้เซียวโหรวจะผิดปกติในสายตานาย แต่เธอไม่เคยทำร้ายใคร”
ว่าแล้วเซียวจิ่งก็ลุกขึ้น ก่อนกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ฉันมีประชุมพรุ่งนี้ ต้องไปก่อนละ พวกนายสนุกกันต่อก็แล้วกัน”
เซียวส่าก็ลุกขึ้นเช่นกัน “ฉันก็ต้องไปด้วยเหมือนกัน”
หลังจากพี่น้องเซียวจากไป เฮ่อหว่านอีก็มองพี่ชายกับเพื่อนๆ อย่างอ่อนใจ “ทำไมถึงถามเรื่องนี้กันขึ้นมา พวกเราไม่ควรมีความสุขไปกับเฉียวเหลียงด้วยหรอกเหรอ ในที่สุดเขาก็พบคนที่เขารัก สำหรับเซียวโหรว ถึงแม้เธอจะถือกำเนิดจากเซียวหงอี้กับหลินหรู แต่เซียวเจี่ยนพี่ชายเธอก็เป็นเพื่อนเรา ทำไมเราไม่ใจกว้างกับน้องสาวเขาให้มากกว่านี้” เมื่อกล่าวถึงตอนนี้นเฮ่อหว่านอีก็ถอนหายใจแล้วพูดต่อ “พี่หว่านโจว หนิงเหยี่ยนด้วย เซียวจิ่งพูดถูก เราไม่ควรตัดสินเธอด้วยจิตใจอคติ ถ้าเราทำอย่างนั้นก็แสดงว่าเราจิตใจคับแคบเกินไป ไม่มีกฎข้อไหนบอกไว้ว่า เด็กที่เติบโตบนภูเขาเป็นอัจฉริยะไม่ได้ พวกเขาอาจมีพรสวรรค์มากมาย นอกจากนี้เรายังไม่รู้จักเซียวโหรวดีพอ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่รู้ว่าเธอมีพรสวรรค์หรือเปล่า! ที่เซียวโหรวไม่รู้หนังสือและตอนนี้ยังต้องไปเรียนหนังสือ เพียงเพราะเธอแค่…ไม่มีโอกาสได้รับการศึกษาที่ดีเท่าพวกเรา ดังนั้นเราไม่ควรหัวเราะเยาะเซียวโหรวแบบนั้น การเริ่มต้นทำบริษัทมีความหมายสำหรับเธอมาก ในขณะที่อาจไม่มีความหมายมากมายสำหรับใครในพวกเรา”
เฮ่อหว่านโจวมองน้องสาวและพึมพำขึ้นหลังจากนั้นครู่หนึ่ง “ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าคำพูดเหล่านี้ ออกมาจากปากน้องสาวฉัน! ทุกคำช่างฟังดูลึกซึ้งจริงๆ”
หนิงเหยี่ยนเบ้ปากและลูบคาง “สิ่งที่ทำให้ฉันสับสนคือ ในเมื่อเซียวโหรวชอบการออกแบบมากขนาดนั้น ทำไมเฉียวเหลียงไม่ให้เธอทำงานในแผนกออกแบบของบริษัทเขา ทำไมเขาถึงต้องยุ่งยากเปิดบริษัทใหม่ให้เธอด้วย”
เฮ่อหว่านอีเลิกคิ้ว “บางทีเขาอาจไม่ต้องการให้มีแรงกดดันต่อเซียวโหรวมากเกินไป เซียวโหรวจะออกแบบเสื้อผ้าแบบไหนก็ได้ที่เธอชอบถ้าเธอเปิดบริษัทของเธอเอง แต่ถ้าเธอทำงานให้คนอื่น ก็จะต้องทำตามคำสั่งเจ้านาย ซึ่งอาจเป็นความทุกข์ใจสำหรับนักออกแบบ”
หนิงเหยี่ยนมองหน้าเฮ่อหว่านอี “ประเด็นนี้ดี น่าคิด”
เฮ่อหว่านอียักไหล่ “ขอบใจ”
หนิงเหยี่ยนถอนหายใจ มองหน้าเฮ่อหว่านอีขึ้นๆ ลงๆ แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “ทำไมเซียวโหรวถึงไม่เป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของบริษัทเองล่ะ แต่มาขอให้เธอเป็นแทน ผลตอบรับจะดีกว่านะ ถ้าเซียวโหรวรับหน้าที่นี้เอง เธอคิดยังไงของเธอ”
เฮ่อหว่านอีจ้องหน้าหนิงเหยี่ยน แกล้งทำเป็นโกรธ “เธอหมายความว่ายังไง!”