ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 312 กลับสู่เมืองหลวง
เฉียวเหลียงตกตะลึงตัวแข็งทื่อ ถังซีกล่าวต่อไป “ถ้าคุณพูดแบบนั้นกับฉันอีก ฉันจะออกไปจากที่นี่ แล้วไปกระโดดลงแม่น้ำ ฉันเคยตายมาครั้งหนึ่งแล้ว ฉันไม่รู้สึกอะไรหรอก ถ้าจะต้องตายอีกครั้ง”
“คุณพูดอะไรออกมา” เฉียวเหลียงหรี่ตาลงด้วยความโกรธ จ้องมองถังซี รังสีอำมหิตทวีความเกรี้ยวกราด ราวกับสิ่งที่ถังซีกล่าวออกมาไปจี้จุดเจ็บของเขา
ถังซีมองหน้าเขา ยิ้มเยาะ ลุกขึ้นและกล่าวอย่างเย็นชา “อย่าแกล้งทำเป็นสนใจฉัน ดูสิ ท่าทางคุณดูเหมือนเป็นห่วงฉันไหม เฉียวเหลียง คุณไม่ได้สนใจฉันเลย!”
“ถังซี!” เฉียวเหลียงคำราม กัดฟันกรอด กระโจนเข้าไปคว้าแขนเธอ จ้องมองเธออย่างโกรธเกรี้ยว “ผมไม่สนใจคุณเหรอ ถ้าผมไม่สนใจ ผมจะเป็นบ้าแบบนี้ไหม ถ้าผมไม่…” ก่อนเขาจะพูดจบ ถังซีก็เขย่งปลายเท้าขึ้นจูบที่มุมปากเขา
เฉียวเหลียงจ้องมองใบหน้าที่อยู่แนบชิด ครู่หนึ่งผ่านไปก่อนที่ถังซีจะผละออกและกระซิบว่า “ในเมื่อคุณเป็นห่วงฉันมากขนาดนี้ ทำไมถึงปฏิเสธฉัน ไม่ให้ฉันอยู่ข้างๆ ตอนที่คุณเศร้าและอ่อนแอที่สุด”
เฉียวเหลียงมองถังซี หญิงสาวจับมือเขาไว้ กระซิบด้วยรอยยิ้มแสนหวาน “ในเมื่อคุณนอนไม่หลับ นอกจากจะมีฉันอยู่กับคุณ ทำไมถึงไล่ฉันออกไป คุณควรบอกฉัน แล้วฉันจะไม่ทิ้งคุณไปจนกว่าคุณจะหลับ คนโง่ ในเมื่อคุณเจ็บปวด ทำไมคุณไม่บอกฉัน”
เฉียวเหลียงตัวแข็งทื่อ จ้องมองเธออย่างสับสน “คุณ…”
“ใช่ ฉันเอง ฉันจะทิ้งเฉียวเหลียงได้ยังไง ในเมื่อฉันรักเขามากขนาดนี้” ถังซียิ้มให้เขา ดวงตาเธอเปี่ยมไปด้วยความรัก “นอกจากฉันจะตายเท่านั้นแหละ ไม่อย่างนั้นฉันไม่มีวันทิ้งคุณ เข้าใจไหม”
“ซีซี…” เฉียวเหลียงจับมือเธอ เขาไม่อยากให้เธอเป็นห่วงเขา
“จุ๊ๆ …” ถังซีแตะนิ้วลงบนริมฝีปากบางๆ ของเฉียวเหลียง ห้ามไม่ให้พูดต่อ “ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากให้ฉันกลับไปเมืองหลวงคนเดียว แต่ฉันไม่ได้จะไปที่นั่นคนเดียว เราจะไปด้วยกันโดยไม่ให้ใครเห็นคุณ ตกลงไหมคะ แล้วก็ให้ฉันอยู่ข้างๆ คุณ คุณจะได้นอนหลับสนิทบนเครื่องบิน ดีไหม”
…
บนเครื่องบินส่วนตัว ถังซีโทรหาถังเจิ้นหวา แล้วพยักหน้าให้เฉียวเหลียง เฉียวเหลียงส่งสัญญาณให้กัปตันนำเครื่องบินขึ้น จากนั้นก็จับมือถังซีไว้และมองหน้าเธอไม่วางตา ถังซียิ้มให้เขา เฉียวเหลียงถอนหายใจ และพาเธอเข้าไปในห้อง
เมื่อทั้งสองกลับออกมา ถังซีก็กลับกลายเป็นถังซีคนเดิม ขณะมองดูตัวเองในกระจก ดวงตาถังซีมีประกายเศร้า เธอสัมผัสใบหน้าตัวเอง มองตาเฉียวเหลียงซึ่งยืนอยู่ข้างหลังในกระจก แล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ “ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าฉันไม่คุ้นกับใบหน้าตัวเองเลย”
เฉียวเหลียงชะงัก กอดไหล่เธอไว้ และกล่าวเสียงต่ำ “ถ้าคุณไม่อยากเห็นใบหน้าเดิมของคุณ คุณก็อย่า…”
“ไม่ค่ะ” ถังซีเงยหน้าขึ้นมองตัวเองในกระจก กล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว “ถึงฉันจะยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะแก้แค้นคนพวกนั้นด้วยตัวตนของเซียวโหรว แต่ฉันกลับไปทำให้พวกเขาหวาดกลัวได้ด้วยตัวตนของถังซี ฉันจะทำให้พวกเขารู้ว่าคุณปู่ไม่ได้โดดเดี่ยว และความผิดหวังของคนพวกนั้น คือพลังที่จะทำให้ฉันมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้”
สำหรับเรื่องระหว่างเธอกับฉินซินหยิ่ง เธอก็จะแก้ปัญหาด้วยตัวตนของถังซี เธออยากเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นจะพลิกลิ้นต่อหน้าเธออย่างไรบ้าง
…
สามชั่วโมงต่อมาถังซีก็มาถึงสนามบินของเมืองหลวง และโทรศัพท์ไปบอกที่บ้าน จากนั้นเธอกับเฉียวเหลียงก็ขึ้นรถ ตรงไปยังโรงแรมวีนัส ซึ่งเธอมักมาพักเป็นประจำก่อนหน้านี้
ระหว่างทางเฉียวเหลียงส่งเอกสารส่วนตัวที่เขาเตรียมไว้ให้เธอก่อนหน้านี้ “คุณจะไม่ไปพักอยู่กับผมที่บ้านพักของผมเหรอ”
ถังซีส่ายศีรษะ รับเอกสารจากเฉียวเหลียง ขณะมองออกไปยังอาคารด้านนอก และกล่าวอย่างหนักแน่น “พวกลุงป้าน้าอาทั้งหลายของฉันคงยุ่งอยู่กับการวางแผนการอะไรสักอย่าง คุณช่วยให้อาหกทำบันทึกการเดินทางของฉัน จากลองบีชมาที่เมืองหลวงได้ใช่ไหมคะ แล้วฉันจะได้ทำบันทึกการเข้าพักที่นี่ไว้ ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะทำให้พวกเขาประหลาดใจ”
ในเมื่อคนพวกนั้นกล้าร่วมมือกับคนอื่นแอบสอดแนมคุณปู่ เธอก็ทำให้พวกเขาประหลาดใจได้เช่นกัน เธออยากรู้ว่าปฏิกิริยาของพวกเขาจะเป็นอย่างไร เมื่อได้รับการเซอร์ไพรส์ที่เธอจะมอบให้ในวันพรุ่งนี้
เฉียวเหลียงจูบหน้าผากถังซี เธอมองเฉียวเหลียงด้วยสายตาขอโทษ และกระซิบว่า “คุณได้นอนพักแค่งีบเดียวบนเครื่องบิน และคืนนี้คุณอาจนอนไม่หลับ คุณจะเป็นไรไหมคะ”
เฉียวเหลียงเอื้อมมือไปขยี้ผมเธอ “ไม่เป็นไรหรอก คุณก็มานอนเป็นเพื่อนผมคืนพรุ่งนี้ก็ได้นี่”
ถังซีพยักหน้า “ฉันจะไปที่อุทยานเอ็มไพร์วันพรุ่งนี้ คุณก็ไปที่นั่นด้วยได้ พรุ่งนี้ฉันจะ…”
“ผมไม่อยากถูกคุณปู่ไล่ตะเพิดออกมา” เฉียวเหลียงเอื้อมมือมาที่ประตูรถทางด้านเธอ และกล่าวเบาๆ ว่า “ผมมีประชุมคืนนี้ และจะจัดการให้อาหกทำบันทึกการเดินทางมาถึงของคุณ ในเมื่อมีบันทึกการมาถึงประเทศจีน ก็ต้องมีบันทึกการเดินทางออกจากประเทศ M ไม่ใช่จะทำขึ้นได้ง่ายๆ ผมจะจัดการกับเรื่องพวกนี้คืนนี้ ไม่ต้องห่วงผม พักผ่อนให้เพียงพอ พรุ่งนี้สวมบทบาทให้ดีที่สุด”
…
คนเฝ้าประตูเดินมาเปิดประตูรถให้เธอ ถังซีมองตาเฉียวเหลียงอย่างแน่วแน่ ขณะก้าวเท้าในรองเท้าส้นสูงสีดำลงจากรถ ทันทีที่เธอลงจากรถคนเฝ้าประตูก็จ้องมองเธอด้วยความตกใจ พร้อมกับเบิกตากว้าง ถังซีสวมเสื้อเปิดไหล่สีขาว กางเกงยีนขาสั้นเป็นพิเศษสีฟ้าอ่อน และรองเท้าส้นสูงสีดำ ทรงผมเป็นลอนน้อยๆ ตามแบบปกติของถังซี และสะพายกระเป๋าถือชาแนลสีดำรุ่นล่าสุด แม้จะอยู่ในชุดที่เรียบง่ายที่สุด แต่เธอก็ดูสวยสง่าอย่างน่าทึ่ง
ถังซีพอใจกับปฏิกิริยาของคนเฝ้าประตู พนักงานโรงแรมวีนัสอินเตอร์แนชันนัลคุ้นเคยกับเธอเป็นอย่างดี รวมถึงคนเฝ้าประตูด้วย เธอเชื่อว่าบรรดาลุงป้าน้าอาผู้ละโมบคงพยายามทำให้คนอื่นๆ เชื่อว่าเธอประสบอุบัติเหตุ และไม่มีวันจะกลับมาได้อย่างปลอดภัยครบถ้วนทุกประการ ไม่ต้องพูดถึงการมาปรากฏตัวเช่นนี้ แม้เธอจะส่งอีเมลไปถึงคนในตระกูลและพนักงานของเธอแล้วก็ตาม ข่าวลือเกี่ยวกับเธอจะต้องแพร่สะพัดไปทั่วทุกมุมของเมืองหลวงอย่างแน่นอน
ทั้งหมดนี้เคยเป็นเพียงการคาดเดาของเธอ แต่ตอนนี้เมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนเฝ้าประตู เธอก็มั่นใจว่าเธอเดาถูก
โดยไม่สนใจท่าทางแปลกประหลาดของคนเฝ้าประตู ถังซียังคงเปล่งรัศมีความสง่างาม ไม่สนใจสิ่งรอบข้างหลังจากลงจากรถ เธอเพียงแค่บอกให้คนเฝ้าประตูนำกระเป๋าไปที่ห้องเธอ แล้วตรงไปที่ห้องโถงด้านหน้าโรงแรม
แม้จะเป็นเวลาค่ำแล้ว ก็ยังมีคนจำนวนมากอยู่ในห้องโถงกลางของโรงแรม ผู้จัดการแผนกต้อนรับ พนักงานบริการทั้งชายและหญิง และแม้แต่แขกก็ยังตกตะลึงเมื่อเห็นถังซี
จากนั้นบางคนก็เริ่มกระซิบกระซาบกัน และซุบซิบกันถึงเรื่องของเธอ เมื่อเห็นแบบนี้ถังซีก็ยิ้ม หันกลับไปมองผู้จัดการ ซึ่งกำลังมองเธอด้วยสายตาสับสน เธอเลิกคิ้วทักทาย “จำฉันไม่ได้เหรอคะ ห้องพักของฉันเรียบร้อยดีไหม”