ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 326 วาระการประชุมผู้ถือหุ้นในวันนี้คืออะไร
“แกยังกล้าทำกับฉันแบบนี้อีกเหรอ ทั้งๆ ที่รู้ว่าฉันเป็นใคร…”
“ทำไมถึงต้องไม่กล้าด้วยล่ะ” อาหกมองหน้าถังเหาด้วยสายตาเย็นชา แล้วแสยะยิ้ม “ผมไม่ได้เป็นคนของถังกรุปนี่ ทำไมจะตอบโต้ไม่ได้ ในเมื่อคุณทำร้ายผมก่อน”
ยิ่งนึกถึงสิ่งที่นายน้อยเล่าให้ฟัง เขาก็ยิ่งแสยะยิ้มมากยิ่งขึ้น
“นี่มันเรื่องอะไรกัน!” ทันใดนั้นก็มีเสียงโกรธเกรี้ยวดังมาจากทางด้านหลังอาหก แล้วก็มีชายวัยกลางคนวิ่งผ่านหน้าอาหกไปพยุงถังเหาขึ้นจากพื้น
ถังเหาเงยขึ้นมองชายผู้นั้นด้วยสีหน้าแสดงความเจ็บปวด “พ่อครับ ไอ้นี่มันเป็นบอดีการ์ดของถังซี ผมแค่อยากมาถามอะไรถังซีบางอย่าง แต่มันกลับชกผม เพราะถังซีสั่ง ดูสิ มันชกผมแรงมาก พ่อครับ พวกมันยากให้พ่ออับอายขายหน้า!”
“แกเป็นบอดีการ์ดของถังซีเหรอ” ถังเจี๋ยเหรินหรี่ตา หันไปจ้องหน้าอาหกเขม็ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น “นี่แกทำร้ายลูกชายฉันหรือ”
“ใช่ แล้วไง” อาหกตอบยิ้มๆ
ถังเจี๋ยเหรินนึกว่าอาหกตอบรับว่าเป็นบอดีการ์ดของถังซี เขาจึงสบถออกมา “ถังซี เธอกล้าดียังไง ฉันอุตส่าห์รักษาหน้าเธอ เธอกลับสำคัญผิดคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า เธอไม่ได้มีสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจเรื่องในบริษัทสักหน่อย ฉันต้องสั่งสอนเธอเสียแล้ว…”
“แต่ผมไม่ได้เป็นบอดีการ์ดของคุณถังซี” อาหกตอบถังเจี๋ยเหรินอย่างเฉยเมย “ลูกชายคุณวิ่งเข้ามาทำร้ายผมก่อนทันทีที่ผมลงจากรถ ผมแค่จับตัวเขาไว้เพื่อป้องกันตัวเอง แต่เขากลับมาด่าผมเสียหาย เราอยู่ในสังคมของผู้เจริญแล้วนะครับ ผมไม่นิยมความรุนแรง ก็เลยปล่อยตัวเขา แต่โชคร้ายที่เขาพลาดล้มไปชนถังน้ำ พอเขาพยายามจะชกผมอีก ก็พลาดล้มลงไปเองอีก…” อาหกลากเสียง เขามองถังเจี๋ยเหรินแล้วยิ้มน้อยๆ ถามกลับว่า “คุณจะกล่าวหาว่าผมทำร้ายเขาได้ยังไงกัน ลองถามคนที่เดินผ่านไปมาดูก็ได้ ผมไม่ได้ต่อยเขาเลย เขาพลาดล้มลงไปเอง”
“โกหก!” ถังเจี๋ยเหรินแยกเขี้ยว “ไม่รู้ ฉันไม่สน ทั้งแกและถังซีจะต้องชดใช้อย่างสาสม ในเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้!” เขาหันไปพูดกับถังเหา ด้วยสีหน้านิ่งเฉย “ไปกันได้แล้ว!”
อาหกมองตามหลังคนทั้งคู่แล้วยิ้มออกมา เขายกมือขึ้นแตะหน้ากากผิวหนังบนใบหน้าตนเอง เข้าใจแล้วว่าทำไมนายน้อยจึงสั่งให้เขาสวมหน้ากาก รู้สึกดีจริงๆ ด้วย… เขานึกสงสัยว่าหากได้รู้ความจริงในภายหลัง ทั้งถังเจี๋ยเหรินและลูกชายจะรู้สึกอย่างไร
…
ถังซีกำลังอ่านเอกสารอยู่ในห้องทำงาน เธอเรียกผู้ช่วยให้เข้ามาพบ “ฉันเซ็นเอกสารอนุมัติไปบ้างแล้วบางส่วน สำหรับเอกสารที่เหลือ ฉันคิดว่าตัวเลขไม่น่าจะทำกำไร ส่งกลับคืนไป ตารางงานของฉันเป็นยังไงบ้างวันนี้ ถ้าพอมีเวลาว่าง ช่วยจองตั๋วเครื่องบินไปอิตาลีให้ด้วย”
ผู้ช่วยมองหน้าถังซีด้วยความประหลาดใจ ถังซีมองตอบและกล่าวเสียงเรียบ “เก็บเป็นความลับนะ อย่าให้ใครรู้ ตามนั้น ไปได้แล้ว”
ผู้ช่วยกล่าวขึ้นว่า “อีกครึ่งชั่วโมงมีประชุมผู้ถือหุ้นนะคะ ท่านประธานจะต้องเข้าประชุมด้วย แล้วยังมีอีกหนึ่งประชุมที่หอประชุม ตอนบ่ายสองโมง ซึ่งท่านก็ต้องเข้าร่วมด้วยค่ะ”
ถังซีขมวดคิ้ว “หอประชุมหรือ”
“ใช่ค่ะ ผู้เข้าร่วมมี…”
“ตกลง แล้วจะประชุมเสร็จประมาณกี่โมง”
“สี่โมงครึ่งค่ะ”
“ได้ อย่าลืมจองตั๋วเครื่องบินให้ด้วยนะ เธอไปได้แล้ว”
…
ภายในห้องทำงานของถังเจี๋ยเหริน ถังเหากล่าวขึ้นเสียงเครียด “นี่พ่อจะนั่งดูถังซีรังแกผมแบบนี้โดยไม่ทำอะไรเลยเหรอ บริษัทนี้เป็นของตระกูลถัง ทำไมนังเด็กนั่นถึงได้รับตำแหน่งประธานบริษัท แล้วทำไมพ่อถึงต้องเชื่อฟังมัน พ่อทนให้มันเหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้าแบบนี้ได้ยังไง!”
“มันไม่น่าจะมีโอกาสรอด มันรอดชีวิตจากเครื่องบินตกได้ยังไง! มันควรจะหายสาบสูญไปในมหาสมุทรแปซิฟิก! แล้วกลับมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง! นรกจริงๆ!” สีหน้าถังเจี๋ยเหรินดำคล้ำด้วยความโกรธ เขากำหมัดแน่น กล่าวอย่างเกลียดชังว่า “ฉันน่าจะสั่งคนดูให้แน่ใจว่ามันตายสนิทแล้วจริงๆ!”
“แล้วตอนนี้ เราจะทำยังไงกันดีครับ!” ถังเหามองถังเจี๋ยเหรินด้วยสีหน้ากังวล “ผมต้องทำเป็นลืมเรื่องที่มันดูถูกผมหรือไง พ่อก็รู้ว่าผมไม่มีวันลืมได้แน่นอน ต้องหาทางสั่งสอนนังนี่ให้ได้! มันไล่ผมออกจากห้องผมเมื่อคืนก่อน แล้ววันนี้ยังมาทำให้อับอายขายหน้า ถ้าไม่ได้แก้แค้นมันด้วยมือของผมเอง ผมคงไม่มีทางจะไปสู้หน้าใครๆ ได้อีก!”
“ก็ดี งั้นก็ไม่ต้องไปสู้หน้าใครอีก!” ถังเจี๋ยเหรินตวาด ถังเหาจึงรีบหดหัวกลับ กล่าวขึ้นเสียงอ่อยว่า “แหมพ่อ ผมก็พูดไปอย่างนั้นเองแหละ… แต่พ่อครับ ถ้าพ่อไม่จัดการกับผู้หญิงคนนี้ ผมคงไม่มีที่ยืนในตระกูลถังแน่ มันน่าขายหน้าเหลือเกินที่ต้องโดนนังนี่จูงจมูก!”
“พอได้แล้ว!” ถังเจี๋ยเหรินตวาดอีก “ฉันจะจัดการกับมันเอง” เขาแสยะยิ้มและกล่าวเสียงเยียบเย็น “อีกไม่นาน ฉันจะทำให้มันเสียใจที่หวนกลับมาที่นี่”
ประกายตาถังเหาสว่างวาบขึ้น เมื่อเห็นว่าบิดามีแผนการบางอย่างอยู่แล้วในใจ “พ่อมีแผนอะไรหรือ”
ถังเจี๋ยเหรินยิ้ม ตอบเสียงเย็น “แกไม่รู้หรือว่าจะมีประชุมผู้ถือหุ้นในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้านี้ เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของตำแหน่งประธานบริษัท”
ถังเหามองบิดาอย่างตื่นเต้น “พิจารณาตำแหน่งของถังซีอย่างนั้นหรือ”
ถังเจี๋ยเหรินพยักหน้า “ใช่ พิจารณาความเหมาะสมของถังซี มันมีหุ้นในเอ็มไพร์กรุปแค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ตาเฒ่ามีสามสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ตาเฒ่าไม่อยู่ ไม่มีใครรู้ว่าไปอยู่ที่ไหน เพราะฉะนั้นต้องถือว่าเขาสละสิทธิ์ในการออกเสียงโดยปริยาย และฉันมั่นใจว่าผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ … เมื่อรวมกับหุ้นที่เราถืออยู่ จะทำให้เรามีสัดส่วนหุ้นถึงสี่สิบแปดเปอร์เซ็นต์ พ่อไม่เห็นทางเลยว่าถังซีจะชนะเราด้วยหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของมันได้ยังไง!”
ถังเหามองนรอยที่เต็มไปด้วยความมั่นใจบนใบหน้าถังเจี๋ยเหริน แล้วอดถามขึ้นไม่ได้ “แต่เราถือหุ้นอยู่แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่เหรอครับ จะไปเอาอีกยี่สิบแปดเปอร์เซ็นต์มาจากไหน”
ถังเจี๋ยเหรินยิ้มอย่างผู้ชนะ เมื่อคืนนี้คุณลู่ ซึ่งถือหุ้นของบริษัทอยู่ยี่สิบแปดเปอร์เซ็นต์ และไม่เคยเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นเลย จู่ๆ ก็โผล่มา เขาได้ติดต่อไปหาคุณลู่ และคุณลู่ก็ได้รับปากแล้วว่าจะเข้าร่วมประชุมเพื่อออกเสียงสนับสนุนพวกเขา!
เขาอยากจะดูน้ำหน้าถังซี ตอนเผชิญเคราะห์กรรมในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้านี้จริงๆ !
ขณะจินตนาการว่าถังซีจะต้องหมดท่าแน่คราวนี้ ถังเจี๋ยเหรินก็หัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ!
การประชุมผู้ถือหุ้นเริ่มขึ้น ถังซีซึ่งนั่งประจำเก้าอี้ประธานกรรมการ เห็นถังเจี๋ยเหรินมีสีหน้าอิ่มเอมใจ จึงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “วาระการประชุมผู้ถือหุ้นในวันนี้คืออะไรคะ”