ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 366 ผู้ช่วยชีวิตมานี่แล้ว
“ไม่เป็นไร พวกเขาสู้เราไม่ได้หรอก” ลู่หลียิ้มอ่อน กระซิบว่า “แต่ผมเกรงว่าจะรับรองความปลอดภัยของเพื่อนร่วมงานของคุณไม่ได้น่ะสิ”
ทางปลายสายอีกด้านเงียบไปครู่ใหญ่ จากนั้นเหวินนิ่งก็กล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “ถ้าทำได้ คุณอย่าฆ่าพวกเขานะ”
ลู่หลียิ้ม กล่าวว่า “ถ้างั้นคุณต้องดูให้แน่ใจด้วยนะว่าพวกเขาจะไม่ฆ่าพวกผม ไม่อย่างนั้นก็ขอให้มั่นใจได้เลยว่า คนของผมต้องสอยคนของคุณร่วงไปด้วย อย่างน้อยสักสองสามคน” ทันทีที่เขากล่าวจบ ถังขยะก็โดนกระสุนปืนยิงล้มกลิ้ง เฉียวเหลียงเหลียวมองไปรอบๆ และทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีใครคนหนึ่งมาฉุดมือเขาให้ถอยไปด้านหลัง เขารีบเอื้อมมือไปคว้าแขนลู่หลี ก่อนที่ลู่หลีจะทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ชายหนุ่มทั้งสองก็เข้ามายืนอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่ง และร่างของคนผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาก็คือ…
เซียวโหรว
ถังซีใบหน้าซีดเผือด และอาจเป็นเพราะความตื่นตระหนก เธอจึงมีอาการหอบหายใจด้วย เธอจับมือเฉียวเหลียงไว้แน่น กระซิบว่า “เข้าไปทางประตูบานนี้ จะมีห้องใต้ดินเหมือนห้องใต้ดินที่บ้านฉัน เดินต่อไปเรื่อยๆ จะไปทะลุที่ถนนอีกสายหนึ่ง พวกคุณอย่าลืมถอดหน้ากากออกด้วย”
ลู่หลีมองถังซีด้วยสายตาตื่นตะลึง เธอมาโผล่ที่นี่ได้อย่างไรกัน แล้วมาปรากฏตัวขึ้นในบ้านหลังนี้ เปิดประตูออกมาช่วยชีวิตพวกเขาได้อย่างไร
อันที่จริงพวกเขาก็คงสามารถหนีรอดไปได้ด้วยตนเอง แม้ว่าอาจจะยากลำบากอยู่สักหน่อย…
ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่ากำลังพูดโทรศัพท์อยู่กับเหวินนิ่ง เขาจึงบอกเธอว่า “ตอนนี้คุณไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว ทั้งเพื่อนร่วมงานของคุณ ทั้งผม ก็ปลอดภัยแล้ว”
เหวินนิ่งรู้สึกโล่งอกที่ได้ยินเช่นนั้น เธอถามว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน”
ก่อนที่ลู่หลีจะทันได้ตอบ โทรศัพท์มือถืออีกเครื่องของเขาก็ดังขึ้น เขาบอกเธอว่า “รอสักครู่นะ” แล้วรับโทรศัพท์อีกสาย ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของหลินหย่วนจากปลายสาย “โทรศัพท์คุณโดนจับพิกัด กำลังคุยอยู่กับใคร”
สีหน้าลู่หลีซีดเผือดลงทันที เขาวางสายจากหลินหย่วน มองชื่อผู้โทรบนหน้าจอโทรศัพท์อีกเครื่อง แล้วหัวเราะด้วยเสียงคำรามอยู่ในลำคอ ขณะเอ่ยขึ้น “ก็ยังอยู่ในตรอกน่ะสิ คุณมองไม่เห็นหรือ”
“ลู่หลี!” เหวินนิ่งตกตะลึง ใบหน้าซีดเผือด เธอพยายามอธิบาย “ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ ฟังฉันก่อน…”
“พอได้แล้ว เหวินนิ่ง!” ลู่หลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “ผมควรจะรู้จุดประสงค์ของคุณ ว่าทำไมจู่ๆ ก็มาสารภาพรักกับผม แต่ผมมันโง่เกินไปถึงหลงเชื่อคำพูดโกหกของคุณ! ถ้าทำได้ ผมไม่ต้องการเห็นหน้าคุณอีกจนตลอดชั่วชีวิต เราเลิกกัน หากว่าจะต้องพบกันอีกในอนาคต เราจะเป็นแค่ศัตรูกันเท่านั้น ถ้าผมไม่ฆ่าคุณ ก็ต้องโดนคุณฆ่า นับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป ไม่มีความผูกพันใดๆ หลงเหลือระหว่างเรา” ว่าแล้วลู่หลีก็วางสายทันที แล้วขว้างโทรศัพท์เครื่องนั้นออกนอกหน้าต่าง
เขานิ่งเงียบไปหลังจากขว้างโทรศัพท์ทิ้งและปิดหน้าต่าง เธอเอาเครื่องตรวจจับตำแหน่งมาติดที่โทรศัพท์เขาตั้งแต่เมื่อไรกัน หรือว่าจะเป็นคืนนั้น… คืนที่พวกเขาสารภาพความในใจต่อกัน เขาคิดไม่ถึงว่าเธอจะมีเวลาเอาเครื่องตรวจจับตำแหน่งมาติดที่โทรศัพท์เขา… ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอประสบความสำเร็จอย่างสูงในหน้าที่การงาน ได้เป็นเจ้าหน้าที่สอบสวนระดับสูงในองค์การตำรวจสากลตั้งแต่อายุยังน้อย เธอถึงกับยอมขายตัวเองเพียงเพื่อต้องการล้วงข้อมูลลับจากเขา!
เฉียวเหลียงก็คาดไม่ถึงเช่นกัน แม้เขาจะไม่ได้ยินคำพูดของเหวินนิ่งและหลินหย่วน แต่ก็พอคาดเดาได้จากคำพูดของลู่หลี ว่าแต่สาวน้อยใสๆ ในความทรงจำคนนั้น พยายามสังหารพวกเขาจริงๆ หรือ
ความสามารถในการได้ยินของถังซีดีเป็นเลิศ เธอจึงได้ยินทุกคำพูดของหลินหย่วนและเหวินนิ่ง สีหน้าเธอซีดยิ่งกว่าเดิม ดูคล้ายจะหมดแรง เธอยิ้มให้ลู่หลี กล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “พี่ลู่คะ คุณอาจเข้าใจเหวินนิ่งผิดก็ได้ ทำไมไม่ลองให้โอกาสเธออธิบาย อาจจะไม่ใช่เธอก็ได้นะ”
“โหรวโหรว คุณไม่เข้าใจหรอก ในฐานะเจ้าหน้าที่สอบสวนระดับสูง เธอไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา สิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอก็คืองาน คืออาชีพของเธอ และเหรียญตราเชิดชูเกียรติที่เธอจะได้รับ” แต่แล้วลู่หลีก็สังเกตเห็นว่าถังซีมีใบหน้าซีดขาว จึงรีบถามว่า “คุณเป็นอะไร เป็นไข้หรือเปล่า ทำไมถึงหน้าซีดอย่างนี้”
ถังซีซึ่งรู้สึกตัวว่าพลังงานในร่างกายลดน้อยลงทุกที ส่ายศีรษะ ยิ้มพลางบอกกับเขาว่า “ฉันไม่เป็นไรค่ะ แค่หายใจไม่ทัน วิ่งมาเร็วไปหน่อย”
ขณะนั้นนั่นเองก็มีเสียงเคาะประตู เฉียวเหลียงรีบเอาร่างตนเองบังถังซีไว้ ถังซีรีบชี้ไปที่ปุ่มปุ่มหนึ่งบนขั้นบันได บอกว่า “บิดปุ่มนี้”
ลู่หลีรีบบิดปุ่มที่ถังซีชี้บอก ขณะนี้ไม่ใช่เวลาจะมามีอารมณ์โศกเศร้าเสียใจใดๆ พวกเขามาที่นี่วันนี้เพื่อแก้ไขปัญหา ไม่ใช่มาก่อปัญหา สิ่งแรกที่ควรทำคือออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน มีช่องทางเดินปรากฏขึ้นใต้บันไดทันทีที่เขาบิดปุ่มที่ถังซีชี้บอก เฉียวเหลียงอุ้มถังซีเดินลงไปก่อน ลู่หลีตามไปติดๆ แล้วถังซีก็ชี้ไปที่เชือกสีเงินเส้นหนึ่ง บอกว่า “ดึงเชือกนี้”
ลู่หลีดึงเชือกเส้นนั้น แล้วช่องด้านบนที่เปิดออกสู่ทางเดินบนพื้นนี้ก็หายไปจากสายตา ลู่หลีมองถังซีด้วยสายตาประหลาดใจ ส่วนเฉียวเหลียงก็จ้องมองเธอไม่วางตา ถังซียิ้มให้เขา สังเกตเห็นความกังวลในสายตาเขา แต่เธอไม่สามารถบอกความจริงกับเขาได้
“นี่คุณ…” เฉียวเหลียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ถามด้วยความเป็นห่วงอย่างมากว่า “คุณใช้พลังพิเศษอีกแล้วใช่ไหม เหมือนครั้งล่าสุดที่ไปช่วยชีวิตเซียวเหยา”
ถังซีนิ่งอึ้ง เธอมองเขาด้วยสายตาพิศวง แล้วจึงกะพริบตา ฝืนยิ้มให้เขา พร้อมกับส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ค่ะ ฉันยืนยันได้ว่าถ้าได้นอนหลับเต็มที่ก็จะไม่เป็นอะไรแน่นอน รีบออกไปจากที่นี่กันก่อนดีไหม ในเมื่อเกิดการยิงต่อสู้กัน อีกไม่เกินสิบนาทีตำรวจก็คงจะปิดล้อมที่นี่ และตั้งด่านตรวจถนนทุกสายรอบบริเวณนี้ แล้วเราจะออกจากที่นี่ไม่ได้”
แม้จะพูดไปอย่างนั้นแต่เธอรู้ดีว่าการนอนหลับพักผ่อนจะไม่ช่วยอะไร 008 เตือนไว้แล้วว่าหากเธอใช้พลังพิเศษทั้งหมดอีกครั้ง เธออาจต้องหลับไปตลอดชั่วกาลนาน นอกเสียจากว่า… เอ้อ นอกเสียจากว่าอะไร… 008 ไม่ได้บอก
แต่ถังซีคิดว่าช่างเถอะ เธอเพียงต้องการให้เฉียวเหลียงปลอดภัย เธอไม่อาจนั่งอยู่เฉยๆ โดยไม่ลงมือทำอะไรเลยเมื่อได้ยินเสียงปืนดังเข้ามาในโทรศัพท์! เธอทำไม่ได้หรอกถ้าจะแค่ถามเขาว่า “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” เธอทำแค่นั้นไม่ได้จริงๆ! เธอจึงต้องมาที่นี่เพื่อช่วยเฉียวเหลียง หากเธอไม่ได้มาที่นี่ และเปิดประตูบ้านหลังนี้ด้วยความช่วยเหลือจาก 008 เพื่อให้เฉียวเหลียงและลู่หลีเข้ามาซ่อนตัวข้างใน อะไรจะเกิดขึ้นกับพวกเขา
“ไม่เป็นไรแล้ว คนของเรากำลังมาช่วย อีกไม่นานก็น่าจะมาถึง” ลู่หลีกล่าวขึ้น “แล้วตำรวจก็คงไม่ปิดถนน เพราะตอนนี้ที่โพรวองซ์กำลังมีจลาจล ที่นี่ไม่ได้มีคนตายหรือบาดเจ็บ ตำรวจไม่ตั้งด่านตรวจรอบๆ บริเวณนี้แน่ ไม่อย่างนั้นผู้คนจะแตกตื่น”
ถังซียิ้มและกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ” แล้วเธอก็หมดสติ อาการเข้าขั้นโคม่า
ใบหน้าเฉียวเหลียงซีดเผือด เขาเฝ้าร้องเรียกชื่อเธอ แต่เธอก็ไม่ฟื้นขึ้นมา…
ขณะนั้นนั่นเองก็มีเสียงปืนดังขึ้นนอกประตู ลู่หลีกล่าวว่า “น่าจะเป็นคนของเรา เราออกไปกันได้แล้ว”
เฉียวเหลียงอุ้มถังซีไว้ในอ้อมแขน รีบตามลู่หลีออกไป หลังจากเดินไปได้ประมาณสองร้อยเมตร ก็เจอประตูบานหนึ่งอยู่ตรงหน้า ลู่หลีผลักบานประตูเปิดออก เจ้าหน้าที่หญิงคนหนึ่งของหลงเซี่ยวยืนอยู่หน้าประตู มองตรงมาที่พวกเขาด้วยรอยยิ้ม “คุณเฉียว คุณเจ็ด”