ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 367 คุณยังจะปกป้องเธออยู่อีกหรือ
ลู่หลีก้มศีรษะรับ แล้วบอกเฉียวเหลียงว่า “อุ้มโหรวโหรวไปที่รถเถอะ”
เจ้าหน้าที่หญิงผู้นั้นหันไปมองเด็กสาวในอ้อมแขนเฉียวเหลียง แล้วขมวดคิ้ว ขณะนั้นเองก็มีกระสุนนัดหนึ่งพุ่งตรงมาทางเฉียวเหลียง เขากำลังอุ้มถังซีไว้ในอ้อมแขน ความสนใจทั้งหมดอยู่ที่เธอเท่านั้น จึงไม่ทันระวังตัวเหมือนเวลาปกติ เขาขยับเบี่ยงกายหลบกระสุน แต่กระสุนก็ยังถากโดนแขนเขา แขนเฉียวเหลียงเจ็บแปลบสะท้านจนเกือบทำถังซีตกลงที่พื้น เขารีบคุกเข่าลงและกอดร่างถังซีไว้แน่น เมื่อเห็นดังนั้น เจ้าหน้าที่หญิงก็กรีดเสียงร้องเรียกเขา “คุณเฉียว!”
“คุ้มกันให้ด้วย!” เฉียวเหลียงร้องบอก เขากลัวว่าถังซีจะโดนกระสุน ลู่หลีรีบเข้ามาหา ยิงคุ้มกันให้ ขณะที่ทั้งหมดพยายามไปที่รถ เขาหันไปออกคำสั่งกับเจ้าหน้าที่หญิง “หั่วอวิ๋น ยิงคุ้มกันให้เราด้วย ใครก็ตามที่พยายามโจมตีพวกเรา ฆ่ามันให้หมด!”
เจ้าหน้าที่หญิงทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็พูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำสั่งของลู่หลี เธอพยักหน้า แล้วตอบว่า “ได้ค่ะ”
เฉียวเหลียงอุ้มถังซีเข้าไปในรถ ลู่หลีตามขึ้นไป แล้วรถก็แล่นจากไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางดงกระสุนที่บรรดาเจ้าหน้าที่ยิงคุ้มกันให้ หั่วอวิ๋นมองตามหลังรถที่แล่นจากไป แล้วยิ้มเยือกเย็น ออกคำสั่งกับนักแม่นปืนที่มุมด้านตะวันออกเฉียงใต้ว่า “เฟิงหวา ฆ่ามันให้หมด!”
เมื่อได้ยินคำสั่ง เฟิงหวาก็ผิวปากอย่างชอบใจ แล้วรับคำ “ได้เลย มาดาม”
ภายในรถ ลู่หลีทำแผลที่แขนให้เฉียวเหลียงพร้อมกับกล่าวว่า “แผลแค่กระสุนถาก ไม่ร้ายแรงอะไร ไม่ต้องห่วง” แล้วเขาก็มองไปที่ถังซีซึ่งยังอยู่ในอ้อมแขนเฉียวเหลียง ขมวดคิ้วถามว่า “ทำไม จู่ๆ เธอถึงมาโผล่ที่นี่ได้”
“เธอพักผ่อนไม่พอ เลยเป็นลมหมดสติไปเพราะร่างกายอ่อนเพลีย เดี๋ยวก็ดีขึ้น” เฉียวเหลียงเฝ้ามองถังซีขณะตอบไม่ตรงคำถาม แม้จะพูดไปเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองพูดเลยแม้แต่น้อย เป็นเพราะการมีพลังพิเศษเหนือธรรมชาติ ซีซีจึงมีความแข็งแรงกว่าคนปกติทั่วไป และในขณะเดียวกันก็อ่อนแอกว่าคนปกติทั่วไปด้วย แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าสภาพเธอกำลังเป็นแบบหลัง และระบบภูมิต้านทานเธอก็คงกำลังอ่อนแอมากด้วย
เมื่อคิดเช่นนี้เฉียวเหลียงก็รู้สึกเสียใจเหลือเกิน เขาบอกเธอทำไมว่ากำลังมาโพรวองซ์ ทำให้เธอเป็นห่วงกังวล ทำไมเขาถึงไม่ดูแลเธอให้ดีกว่านี้เหมือนที่เซียวเหยาเคยขอไว้
…
เกิดการสาดกระสุนยกใหญ่ภายในตรอก เจ้าหน้าที่ตำรวจสากลซึ่งติดอาวุธครบมือโดนกระสุนล้มตายจำนวนไม่น้อย แต่ชาวบ้านในย่านนั้นคิดว่าพวกที่โดนยิงตายคือกลุ่มอันธพาล มีแต่ตำรวจท้องที่เท่านั้นที่รู้ว่าคนที่ตายคือเจ้าหน้าที่องค์การตำรวจสากล ชาวบ้านอื่นๆ พากันคิดว่าคนพวกนั้นเป็นอันธพาลที่เลวทราม ตายไปเสียได้ก็ดี
เนื่องจากตำรวจสากลได้เปิดสมรภูมิกลางเมืองนี้ขึ้นโดยไม่บอกกล่าว ทางตำรวจท้องที่จึงไม่สามารถทำอะไรได้
ภายในห้องทำงานเหวินนิ่งที่สำนักงานตำรวจสากล เหวินนิ่งผุดลุกขึ้นทันทีที่ได้รับรายงานจากผู้บังคับการ ถึงการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ตำรวจสากล เธอจ้องเขาเขม็งเมื่อถามว่า “ตายหมดเลยหรือ”
“ใช่ครับ ผู้ตรวจการ เราปล่อยหลงเซี่ยวไว้ไม่ได้แล้ว พวกมันต้องเป็นองค์การก่อการร้ายอย่างแน่นอน! ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าทำการอุกอาจอย่างนี้! โปรดอนุมัติให้ส่งคดีนี้ไปที่หน่วยต่อต้านการก่อการร้ายสากล! เราต้องแก้แค้นพวกหลงเซี่ยว…”
“หุบปาก!” เหวินนิ่งตวาดเสียงเข้ม “ฉันอนุญาตให้คุณลงมือตอนไหน ที่โพรวองซ์กำลังเกิดจลาจล! แก๊งค์อันธพาลท้องถิ่นกับตำรวจกำลังต่อสู้กันอยู่ แต่คุณกลับไปเปิดสมรภูมิที่มาร์แซย์ในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ทำให้คนของเราต้องเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมากอย่างนี้ คุณจะอธิบายให้ท่านผู้บัญชาการฟังว่ายังไง ทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้”
ผู้บังคับการหน้าซีด กล่าวต่อไปว่า “มีรายงานมาว่าได้พบพิกัดของนายใหญ่ทั้งสองของหลงเซี่ยวครับ เราจึงส่งคนของเราออกไป ผมสั่งพวกเขาแล้วว่าไม่ต้องจับกุมสองคนนั้น แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะบุ่มบ่าม…” ผู้บังคับการหยุดไปชั่วครู่ มองหน้าเหวินนิ่ง แล้วกล่าวต่อไปว่า “แต่ผู้ตรวจการครับ เราจะนั่งอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลยไม่ได้ ถึงแม้เราจะยังไม่พบหลักฐานการทำผิดกฎหมายที่จะเอาผิดหลงเซี่ยวกรุปได้ แต่ผมมั่นใจว่าหลงเซี่ยวต้องเป็นองค์การก่อการร้ายอย่างแน่นอน เราต้องหยุดพวกมันก่อนที่หลงเซี่ยวจะกลายเป็นมหันตภัยอันใหญ่หลวง ตอนนี้พวกมันฆ่าคนของเราไปแล้ว จะปล่อยไว้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเราต้องโดนคนอื่นดูถูกแน่!”
เหวินนิ่งสูดลมหายใจลึกๆ แล้วกล่าวเสียงเย็นเยือก “ออกไปก่อนได้ไหม ฉันต้องใช้เวลาคิดเรื่องนี้ก่อน”
แต่ผู้บังคับการยังไม่ยอมไป ยังคงกล่าวต่อไปว่า “ผู้ตรวจการครับ เราได้เบาะแสมาแล้ว ถ้าเราสืบต่อไป ต้องได้หลักฐานที่เราต้องการเร็วๆ นี้แน่ คุณจะ…”
“ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ ออกไป!” เหวินนิ่งจ้องเขม็งไปที่ผู้บังคับการ ซึ่งอายุมากกว่าเธอเกินสิบปี แล้วตวาดเสียงเข้ม “คริส อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ!”
คริสเหลือบมองเหวินนิ่งอย่างเสียหน้า ถอนหายใจ แล้วเดินออกไป
หลังจากผู้บังคับการเดินออกไปแล้ว เหวินนิ่งก็เอนพิงไปด้านหลัง ท่าทางหมดแรง เธอแอบติดตั้งเครื่องตรวจจับตำแหน่งไว้ในโทรศัพท์มือถือลู่หลี เพื่อคอยกันไม่ให้เขาเผชิญหน้ากับคนของเธอ และเธอคอยระวังให้ผู้ใต้บังคับบัญชาออกห่างจากลู่หลี เมื่อเธอรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เธอเองก็แปลกใจที่เขาเจเครื่องตรวจจับตำแหน่งนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอเปิดใช้ อย่างไรก็ตามในที่สุดเธอก็ได้เขากลับคืนมา แต่ในเวลานี้เขาคงกำลังผิดหวังในตัวเธออย่างมาก…
แต่เธอไม่โทษเขา เฉียวเหลียงเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยวัยเด็กของเขา เป็นเรื่องเข้าใจได้ที่เขาโกรธเธอ เพราะเฉียวเหลียงได้รับบาดเจ็บด้วยฝีมือลูกน้องเธอ แต่ทำไมเขาถึงไม่ให้โอกาสเธอได้อธิบายบ้างเลย
เหวินนิ่งลูบระหว่างหัวคิ้ว กดโทรศัพท์ถึงลู่หลี แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เธอนิ่งขึงไป ดูเหมือนว่าลู่หลีจะขึ้นบัญชีดำเธอเสียแล้ว
…
ณ โรงพยาบาลในมาร์แซย์ เฉียวเหลียงนั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยที่ถังซีนอนอยู่ แต่ไม่มีสัญญาณใดๆ บ่งบอกเลยว่าเธอจะฟื้นขึ้นมา เขารู้สึกเสียขวัญเป็นอย่างมาก…
หั่วอวิ๋นและคนอื่นๆ คอยเฝ้าระวังอยู่นอกประตู หั่วอวิ๋นถามลู่หลีอย่างไม่สบอารมณ์ “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน” น้ำเสียงเธอเต็มไปด้วยความโกรธ ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนั้นคุณเฉียวก็คงไม่ได้รับบาดเจ็บ ถ้าเขาหลบไม่ทัน กระสุนอาจเข้าที่หัวใจ… คุณเฉียวต้องบาดเจ็บเพราะพยายามปกป้องผู้หญิงคนนั้น! เขาอาจตายได้หากหลบกระสุนไม่ทัน! เมื่อคิดเช่นนี้หั่วอวิ๋นยิ่งโกรธจัด
ลู่หลีชำเลืองมองหั่วอวิ๋น แล้วถามว่า “หาโทรศัพท์ผมเจอไหม”
“คุณเจ็ด อยู่ที่นี่เอง” เฟิงหวาส่งโทรศัพท์มือถือให้ลู่หลี หั่วอวิ๋นกล่าวขึ้นว่า “พวกเราสืบทราบมาว่า เหวินนิ่งเป็นคนบอกตำแหน่งพิกัดคุณให้ตำรวจสากล คุณเจ็ด คุณยังจะปกป้องเธออยู่อีกหรือคะ”