ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 371 เวทีแสดง
เมื่อได้ยินลู่หลีเอ่ยชื่อเฉียวเหลียง หลินหย่วนก็เม้มริมฝีปาก และส่งเสียงในลำคอโดยไม่พูดอะไร แล้วทันทีนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าพวกเขาพูดถึงเซียวโหรวว่ามีอาการโคม่าเมื่อคืนนี้ เขาจึงถามว่า “เซียวโหรวเป็นยังไงบ้าง”
“ที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างคุณกับเฉียวเหลียงเหรอ” ลู่หลีสังเกตเห็นว่าความรู้สึกของหลินหย่วนที่มีต่อเฉียวเหลียงเปลี่ยนไป ตั้งแต่เขากลับมาจากเมืองหลวง เห็นได้ชัดว่าหลินหย่วนเย็นชากับเฉียวเหลียงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และลู่หลีไม่รู้ว่าทำไม
เมื่อได้ยินคำถามของลู่หลี หลินหย่วนก็เม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจบอกกับคนบนเครื่องบิน ให้สัญญาว่าจะไม่เล่าให้ใครฟังถึงเหตุการณ์โดดร่ม แน่นอนว่าเขาจะไม่พูดถึงเรื่องนี้เอง! เขาไม่ได้โง่ขนาดนั้น!
เมื่อเห็นหลินหย่วนปฏิเสธ ไม่ยอมบอกว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับเฉียวเหลียง ลู่หลีก็เลิกคิ้วก่อนจะกล่าวว่า “งานแสดงแฟชั่นโชว์ครั้งแรกของเซียวโหรวจะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้ คุณจะมาดูงานแสดงของเธอไหม คุณจะได้ถือโอกาสนี้ปรับความเข้าใจระหว่างคุณกับเฉียวเหลียงไง”
หลินหย่วนคำราม “เราไม่ได้มีอะไรเข้าใจผิดกัน!” เขาโง่มากใช่ไหม ที่พยายามหาประโยชน์จากเฉียวเหลียง! เขาน่าจะรู้ว่าคนอย่างเฉียวเหลียงไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบง่ายๆ หรอก! ในตอนนั้นขณะที่เขาคิดว่าเขากำลังจะตายอยู่บนเครื่องบินจริงๆ เฉียวเหลียงก็มาโปรด โดยบอกว่าบนเครื่องบินยังมีร่มชูชีพสำหรับเขา! เขาช่างโง่เง่าอะไรอย่างนั้น!
แล้วเขาก็ยังซาบซึ้งในน้ำใจเฉียวเหลียง โดยลืมไปเสียสนิทว่าสาเหตุทั้งหมดที่ทำให้เขาตกที่นั่งลำบากนี้ เป็นเพราะเฉียวเหลียง!
“มาเถอะน่า ถ้าคุณมีเวลา” เฉียวเหลียงเดินเข้ามาในห้อง หยิบแล็ปท็อปไปจากลู่หลี มองหน้าหลินหย่วนและกล่าวกับเขา “มาหาเซียวโหรว”
ใบหน้าหลินหย่วนเข้มขึ้นเมื่อเห็นเฉียวเหลียง เขาตัดสัญญาณการประชุมทางวิดีโอทันที หลังจากได้ยินคำพูดของเฉียวเหลียง ลู่หลีและฉู่หลิงก็มองหน้ากันไปมาด้วยความสงสัย ลู่หลีถามว่า “เกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณสองคน อาเก้าไม่เคยตัดสายใส่คุณมาก่อน”
ฉู่หลิงผิวปากขณะกล่าวว่า “ฮ่าๆ ตลกดี ผมเพิ่งเคยเห็นคุณเก้ามองคุณเฉียวด้วยสายตาเกลียดชัง ผมจำได้ว่าเขาเคารพยกย่องคุณมาตลอด เกิดอะไรขึ้น”
เฉียวเหลียงมองคนทั้งสอง จัดเสื้อผ้าตนเองให้เรียบร้อย และถามอย่างไม่แสดงความรู้สึกใดๆ “คุณไม่ไปดูพื้นที่จัดงานแสดงหรือ จะไปไหม”
ฉู่หลิงคำรามเบาๆ แล้วลุกขึ้น ดูแลเสื้อผ้าให้เรียบร้อย กล่าวว่า “ไปสิ ไปกันได้เลย!” เขาควรรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะล้วงความลับจากปากเฉียวเหลียง!
เซียวโหรวเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เธอสวมเสื้อกล้ามและมีเสื้อคลุมสวมทับ ก่อนจะปล่อยผมยาวจากผมหางม้าที่มัดไว้ก่อนหน้านี้ ดูเป็นผู้ใหญ่และสุภาพเรียบร้อยมากขึ้น เธอเดินยิ้มออกมาพร้อมกับกล่าวว่า “ไปกันเถอะค่ะ”
“พวกคุณไปกันก่อน ผมมีเรื่องต้องไปจัดการ ผมจะไปดูโชว์เลยทีเดียว” ลู่หลีหยิบเสื้อโค้ตและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แล้วมาทานอาหารค่ำด้วยกันนะ”
ถังซีเข้าใจลู่หลีดี ด้วยตำแหน่งที่สำคัญเช่นนี้เขาต้องงานยุ่งมาก แม้แต่เฉียวเหลียงเองก็ต้องแบ่งเวลามาให้เธอ เธอจะไม่บังคับให้ลู่หลีไปสำรวจพื้นที่จัดงานแสดงกับเธอด้วยหรอก เฉียวเหลียงมองหน้าลู่หลี แล้วกล่าวเสียงเรียบ “โทรหาผม ถ้ามีปัญหาอะไร”
ลู่หลีส่งเสียงตอบในลำคอ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเขาไม่กล้าทำอะไรผมหรอกในปารีส ไม่ต้องห่วง”
…
ทั้งสี่ออกจากอพาร์ตเมนต์ ถังซี เฉียวเหลียง และฉู่หลิงมุ่งหน้าไปยังพื้นที่จัดแสดงแฟชั่นโชว์ ส่วนลู่หลีมุ่งหน้าไปยังสำนักงานสาขาของหลงเซี่ยวในปารีส
เมื่อเห็นทั้งสามคนแยกไป หั่วอวิ๋นก็จะไปขับรถให้พวกเขา แต่ลู่หลีขมวดคิ้วกล่าวกับหั่วอวิ๋นอย่างเย็นชาว่า “หั่วอวิ๋น ไปที่สำนักงานสาขากับผม”
หั่วอวิ๋นชะงักฝีเท้า หันกลับไปมองลู่หลี เม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “คุณเจ็ดคะ ฉันมาที่นี่เพื่อดูแลคุณเซียวนะคะ และตอนนี้…”
“ได้ คุณไปดูแลเธอได้ หลังจากยื่นจดหมายลาออกของคุณกับผมแล้ว!” ลู่หลีกล่าวและหันหลังเดินไปขึ้นรถ หั่วอวิ๋นขมวดคิ้วมองดูอาหกซึ่งนั่งอยู่ในที่นั่งคนขับและเม้มริมฝีปาก ขณะกล่าวว่า “คุณคือเจ้านายนี่ ฉันต้องทำทุกอย่างตามที่คุณสั่งอยู่แล้ว”
…
ทั้งสามไปดูพื้นที่จัดงานแสดง พื้นที่ไม่ได้มีลักษณะเป็นทางการ แต่อยู่ในสนามกอล์ฟ ถังซีมองไปยังสนามหญ้าเขียวขจีแล้วขมวดคิ้ว เธอหันไปมองหน้าฉู่หลิงแล้วกล่าวว่า “เสื้อผ้าที่เรานำมาแสดงดูเหมือนจะไม่เข้ากับที่นี่เลย…”
“นี่ไม่ใช่พื้นที่จัดงานแสดงของเรา” ฉู่หลิงพาพวกเขาขึ้นรถรับส่งภายใน และชี้ไปยังทะเลสาบที่อยู่ห่างออกไปโดยกล่าวว่า “ที่นี่ไม่ได้เป็นสนามกอล์ฟที่มีชื่อเสียงในส่วนที่เป็นสนามหญ้า แต่โด่งดังในส่วนที่เป็นน้ำ ถ้าคุณคิดว่าโอเค ผมจะให้พวกเขาเริ่มสร้างเวที ถึงจะยากสักหน่อย แต่ก็สามารถสร้างเวทีได้ภายในสองวัน ด้วยความช่วยเหลือจากคนของผมและคนของเฉียวเหลียง”
ถังซีหันไปมองเฉียวเหลียง ชายหหนุ่มยิ้มและกล่าวว่า “ไปดูกันเถอะ”
ในไม่ช้าทั้งสามก็มาถึงทะเลสาบ ทะเลสาบแห่งนี้สวยงามมาก ช่วงเวลานี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง ต้นไม้ทางอีกฝั่งของทะเลสาบแกว่งไกวด้วยใบไม้สีทองที่สะท้อนเงาอยู่ในทะเลสาบ ดูเหมือนเป็นดินแดนสวรรค์ ถังซีมองไปที่ทะเลสาบและพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เป็นแนวความคิดที่ดี แต่ฉันสงสัยว่าจะจัดที่นั่งได้ยังไง”
“ผมคิดว่าครั้งนี้เราไม่ควรเชิญดาราเล็กๆ จะดีกว่า เราจะเชิญเฉพาะคนดังระดับแนวหน้า กับผู้มีอิทธิพลทางแฟชั่นที่มีชื่อเสียงลำดับต้นๆ เราจะเชิญไม่เกินหนึ่งร้อยคน แต่ทั้งหมดนั้นจะต้องเป็นผู้มีอิทธิพลอย่างมากในอุตสาหกรรมแฟชั่น” ฉู่หลิงยืนอยู่บนสนามหญ้า มองไปที่ทะเลสาบ ท่วงท่าเขาดูมาดมั่นและภาคภูมิมาก “แม้ว่าแบรนด์ของเราจะใหม่ แต่จะเป็นแบรนด์ระดับแนวหน้า ไม่ใช่แบรนด์ทั่วไปที่จะเปิดให้ใครก็ได้ชม จะไม่มีใครมาดูถูกแบรนด์เราได้!”
ถังซียิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของฉู่หลิง เธอเองก็รำลึกเสมอว่าทำไมเธอถึงก่อตั้งแบรนด์นี้ เธอพยักหน้าอย่างมุ่งมั่น “ตกลงค่ะ ฉันออกแบบการ์ดเชิญเรียบร้อยแล้วเมื่อคืนนี้ เดี๋ยวฉันจะส่งไปเชิญคนดังระดับแนวหน้า และผู้มีอิทธิพลทางแฟชั่นทั้งจากจีนและต่างประเทศ แต่แน่นอนว่าจะดีกว่า ถ้าคุณสามารถเชิญคนที่สำคัญกว่านี้ได้ ประธานฉู่”
ฉู่หลิงยิ้ม “ผมเป็นหนึ่งในคนสำคัญเหล่านั้น”
ถังซีรู้สึกขบขันคำพูดของเขา แล้วฉู่หลิงก็กล่าวอย่างจริงจังว่า “ผมคิดว่าบุคคลสำคัญที่สุดคือสื่อ ไม่ใช่แขกรับเชิญ โดยเฉพาะสื่อที่รายงานข่าวแฟชั่นวีก จะดีมากถ้าเราสามารถทำให้สื่อที่มีชื่อเสียงระดับโลกมารายงานข่าวโชว์ของเราได้”
ถังซีพยักหน้า กล่าวว่า “ใช่ค่ะ นี่เป็นเรื่องสำคัญ ฉันจะหาวิธีทำให้เราได้สื่อที่ดีที่สุดมาทำข่าวแบรนด์เราให้ได้ภายในไม่กี่วันนี้”