ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 379 เราเลิกกันเถอะ
“เรายังไม่พบข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับบอดีการ์ดคนนั้นค่ะ ฉันค้นหาจากเครือข่ายข่าวกรองแล้ว แต่ไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเขาเลย” หญิงสาวมีสีหน้าละอายแก่ใจ เธอกล่าวต่อไปว่า “ต้องขอโทษที่ทำให้ท่านผิดหวังค่ะ เจ้านายคะ ฉัน…”
“คอยติดตามผู้หญิงคนนั้นไว้ ก็จะหาบอดีการ์ดนั่นเจอเองแหละ ที่นี่ฝรั่งเศส ไม่ใช่ประเทศจีน! ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่พบตัวเลิฟ ก็ไปจับตัวผู้หญิงคนนั้นมาให้ฉัน!” ดวงตาชายสูงวัยเปล่งประกายโหดเ**้ยม เมื่อกล่าวว่า “คลอส โจนส์ถูกคนจีนฆ่าตาย ฉันยังไม่ได้แก้แค้นให้เขาเลย ครั้งนี้แหละ ฉันจะได้ส่งผู้หญิงคนนี้ไปอยู่เป็นเพื่อนพี่ชายของฉันในยมโลก!”
หญิงสาวพยักหน้ารับ “ได้ค่ะ เจ้านาย”
…
ถังซีแกะเปลือกกุ้งล็อบสเตอร์ทานเอง หลังจากอิ่มแล้วเธอก็ชำเลืองมองเฉียวเหลียงซึ่งกำลังละเลียดทานล็อบสเตอร์อยู่ เธอเม้มริมฝีปาก แล้วทำเสียงขึ้นจมูกกล่าวว่า “ฉันจะไปดูสถานที่จัดงานด้วยตัวเอง! ฉันไม่ต้องการให้คุณไปด้วย!”
กล่าวจบเธอก็ผุดลุกขึ้น กลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนอน ก่อนจะเดินกลับออกมาและกระแทกประตูปิด เฉียวเหลียงมองตามถังซีและส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ เขาชำเลืองมองกองเปลือกล็อบสเตอร์ที่ถังซีทิ้งไว้บนโต๊ะ แล้วลงมือเก็บกวาดทำความสะอาด เมื่อล้างจานเสร็จแล้ว เขาจึงตามถังซีออกไป เมื่อเดินไปถึงหน้าลิฟต์ เขาเห็นถังซียังยืนอยู่ก็เลิกคิ้วขึ้น แล้วยิ้มให้เธอ ถังซีเม้มริมฝีปาก มองหน้าเขา แล้วมองไปทางอื่น เฉียวเหลียงมองดูเธอโดยไม่รู้จะพูดอะไร
สำนึกถึงความปลอดภัยของตัวเองสำหรับแม่สาวคนนี้เป็นศูนย์ เธอไม่มีความคิดในหัวเลยว่าตนเองตกอยู่ในความเสี่ยงมากเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ไปช่วยพวกเขาที่โพรวองซ์ หรือเรื่องเมื่อคืน เขาเดาว่าที่เธอมีอาการขั้นโคม่าเป็นเพราะเธอใช้พลังเหนือธรรมชาติไปจนหมด เธอไม่เคยดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างจริงจังเลย ถ้าเขาทำให้เธอจดจำบทเรียนในครั้งนี้ไม่ได้ เธอก็จะยังคงประพฤติตัวแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ!
เขาคิดว่าเธอจะสำนึกได้ว่าทำอะไรผิดพลาดไปบ้างหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน เขาคิดไม่ถึงว่าเธอจะเขียน ‘จดหมายขอโทษ’ แบบนั้นมาให้…
เขาจะคอยตามใจเธอแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไป จะเกิดอะไรขึ้นหากในอนาคตเธอตกอยู่ในอันตรายแล้วเขาไม่ได้อยู่เคียงข้างในเวลานั้น เธอจะยังหนีรอดมาได้อย่างปลอดภัยหรือเปล่า เฉียวเหลียงไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเขาไม่ได้อยู่กับเธอเมื่อคืนนี้
ทั้งคู่ก้าวเข้าไปในลิฟต์เงียบๆ ไม่พูดไม่จา ถังซีมองตัวเองในกระจกเงา และลอบมองเฉียวเหลียงเป็นครั้งคราว แต่เฉียวเหลียงไม่มองเธอเลย เอาแต่ก้มดูโทรศัพท์มือถือ ถังซีหน้านิ่วคิ้วขมวด คิดในใจอย่างงอนๆ ว่า ‘ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงไม่ขอโทษเธอ ยากนักเหรอที่จะเอ่ยคำขอโทษ เขาโกรธเธอเหรอ เธอเองก็โกรธเขาเหมือนกัน! เธอไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย ทำไมเธอถึงต้องเขียนจดหมายขอโทษเขา นี่เขาคิดว่าตัวเองเป็นครูของเธอหรือไง แม้แต่ครูก็ยังไม่กวนประสาทเท่าเขา! อย่างน้อยคุณครูก็คงไม่บังคับให้เธอเขียนจดหมายขอโทษ…’
“เดี๋ยวกลับมาแล้วฝึกเขียนเรียงความเสียใหม่ให้ถูกต้อง” เฉียวเหลียงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แล้วเขียนจดหมายขอโทษส่งให้ผมอีกฉบับ”
“ทำไมต้องเขียน” ถังซีจ้องตาเฉียวเหลียง กล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น “ไม่เขียน! ฉันไม่อยากเขียนจดหมายขอโทษอีก! คุณก็เขียนของคุณเองสิ ฉันจะไม่เขียนอีก! ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย! ทำไมต้องเขียนด้วย!” เมื่อลิฟต์ลงมาถึงชั้นหนึ่ง เธอรีบก้าวออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความโกรธ
เฉียวเหลียงเร่งฝีเท้าตามไป คว้าแขนเธอไว้ กล่าวเสียงเข้มงวดว่า “คุณคิดว่าตัวเองไม่ผิดงั้นเหรอ คิดว่าผมแค่อยากบังคับให้คุณเขียนจดหมายขอโทษผมเล่นๆ งั้นเหรอ”
ถังซีเงยหน้ามองเฉียวเหลียง สีหน้าทั้งเศร้าและเสียใจ ขณะตอบโต้เขา “ใช่! แล้วคุณมาบอกให้ฉันไปฝึกเขียนเรียงความให้ถูกต้องอีกทำไม ฉันเขียนเรียงความเก่งอยู่แล้ว คุณครูยังบอกเลย! ฉันได้คะแนนสูงมากในวิชาเรียงความ! ทำไมต้องมาดูถูกฉันด้วย แล้วทำไมฉันถึงจะต้องเขียนจดหมายขอโทษคุณ ไม่เขียน!”
“เซียวโหรว!” เฉียวเหลียงจ้องหน้าถังซีด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะตวาดออกมา “ทำไมถึงเข้าใจผมผิดๆ ผมเพียงต้องการให้คุณจดจำบทเรียนนี้ไว้!”
ถังซีตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เธอกลับมามีชีวิตอีกครั้งที่เฉียวเหลียงดุเธอ แต่เธอก็บันดาลโทสะเช่นกัน เธอสะบัดมือเฉียวเหลียงออก กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ทำไมฉันจะต้อง ‘จดจำบทเรียน’ อะไรด้วย ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด! ฉันคิดว่าคนที่มีบทเรียนต้องจดจำน่าจะเป็นคุณมากกว่า! อย่าคิดนะว่าคุณทำอะไรก็ถูกต้องไปซะหมด! ฉันจะบอกให้นะ ฉันไม่คิดว่าฉันทำอะไรผิด! เพราะฉะนั้นฉันจะไม่เขียนจดหมายขอโทษคุณอีก! ถ้าทนฉันไม่ได้ คุณก็ไปให้พ้น!”
“เซียวโหรว!” เฉียวเหลียงคว้าข้อมือเธอไว้อีก จ้องหน้าเธอด้วยสายตาเคร่งเครียด เขาหรี่ตาลง แล้วกล่าวขึ้นเสียงเรียบ “คุณรู้ไหมว่าผู้ชายที่ทำร้ายคุณเมื่อคืนเป็นใคร”
“ฉันไม่สน!”
“เขาคือ คลอส เลิฟ! นายน้อยของตระกูลคลอส! มาเฟียตัวร้ายที่ทรงอิทธิพลที่สุดในปารีส! พวกเขามีปืน! คุณคิดว่าร่างกายคุณจะต้านกระสุนปืนของพวกเขาได้งั้นเหรอ”
ถังซีรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน เธอคิดไม่ถึงว่าชายผู้นั้นจะมีภูมิหลังที่ทรงอิทธิพลถึงเพียงนี้ แต่เธอก็ยังคงคำรามออกทางจมูก แล้วกล่าวอย่างไม่แยแส “แต่ฉันก็ไม่ได้มีรอยขีดข่วนอะไรนี่ จริงไหม”
เฉียวเหลียงบีบไหล่ถังซีไว้แน่น ขณะคำรามว่า “นั่นเป็นเพราะคุณมีผมอยู่ด้วย ถ้าผมไม่ได้อยู่ตรงนั้นกับคุณล่ะ รู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมแทบไม่กล้านึกถึงเลย แต่ดูคุณสิไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้น! คุณรู้ไหมว่าสิ่งที่ทำให้ผมโกรธที่สุดคืออะไร ไม่ใช่เพราะคุณไม่สนใจจะเขียนจดหมายขอโทษให้ดี แต่เป็นเพราะคุณไม่ใส่ใจที่จะดูแลความปลอดภัยของตัวเองให้ดีต่างหาก!”
เฉียวเหลียงพูดจบ ก็ปล่อยมือจากไหล่ถังซี แล้วเดินผ่านหน้าเธอไป ถังซียืนนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองตามหลังเฉียวเหลียง… นี่เธอทำให้เฉียวเหลียงต้องเป็นห่วงกังวลอีกแล้วหรือ…
เธอกำลังจะรีบตามไปขอโทษเขา ขณะเดียวกันนั้นเองเฉียวเหลียงก็หันกลับมา จ้องหน้าเธอด้วยสายตาเย็นชา กล่าวขึ้นว่า “แล้วก็อย่าเพิ่งได้ใจ! คุณคิดว่าผมปลื้มหรือที่คุณไปช่วยผมไว้! เปล่าเลย! ผมเอาตัวเองรอดได้อยู่แล้ว ถึงวันนั้นคุณจะไม่โผล่ไปก็เถอะ ผมไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ…”
เผียะ…
ถังซีตบหน้าเฉียวเหลียงฉาดใหญ่ เธอจ้องหน้าเฉียวเหลียงเขม็ง ส่งเสียงคำรามขึ้นจมูกและหัวเราะ ขณะกล่าวว่า “ใช่สิ ฉันโง่มากที่ไปช่วยชีวิตคุณ คุณไม่ได้ต้องการฉันเลย ก็ได้ ถ้างั้นก็ไปให้พ้นหน้าฉัน! ฉันมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องมีคุณมาตั้งนาน แล้วฉันก็รู้สึกชินกับชีวิตแบบนั้นแล้วด้วย! ฉันโง่มากที่เอาแต่เป็นห่วงคุณ โง่มากที่เอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเพื่อช่วยชีวิตคุณ! ฉันโง่มากที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้คุณได้รับบาดเจ็บ! ฉัน… ฉันโง่ที่กลับมาหาคุณ และยอมให้ตัวเองโดนคุณเหยียบย่ำแบบนี้!”
ถังซีมองไปยังอาห้า อาหก และคนอื่นๆ ซึ่งหลบอยู่ในความมืด ไม่กล้าออกมาปรากฏตัว เธอพยายามกลั้นน้ำตา กล่าวกับเฉียวเหลียงซึ่งนิ่งอึ้งไปเพราะคำพูดของเธอ “เราเลิกกันเถอะ! ฉันเหนื่อยแล้ว ครั้งนี้คนที่อยากเลิกคือฉันเอง”