ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 387 คิดมากเกินไป
เมื่อได้ยินเสียงประกาศของทางสนามบิน สวีฟังซึ่งกำลังจะหลับตาลงเพื่องีบหลับสักครู่ ก็ลืมตาขึ้นทันที กล่าวขึ้นอย่างไร้อารมณ์ว่า “โชคร้ายจริงๆ! เมื่อวานนี้แผนของฉันล่มหมด มาตอนนี้เครื่องบินก็ยังไม่เป็นใจอีก!” เมื่อหันมามองผู้จัดการ พบว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจใดๆ เธอจึงอุทานออกมาด้วยความโกรธ “รีบโทรไปบอกผู้อำนวยการสร้างสิ ว่าฉันกลับไปไม่ทันพรุ่งนี้!”
ผู้จัดการส่วนตัวรีบพยักหน้ารับคำ และคว้าโทรศัพท์มาโทรทันที แต่ก่อนที่จะมีคนรับสาย ก็มีชายผิวขาวสวมชุดดำกลุ่มหนึ่ง บุกเข้ามาในห้องรับรอง และปิดกั้นทางเข้าออกของห้องรับรองไว้ ผู้จัดการสวีฟังกะพริบตาปริบๆ วางโทรศัพท์ลง กลืนน้ำลายแล้วมองไปยังชายกลุ่มนั้นอย่างหวาดกลัว เกิดอะไรขึ้น เกิดเหตุผิดกฎหมายอะไรกันขึ้นหรือ แต่คนพวกนี้ดูไม่เหมือนตำรวจเลย!
ขณะนั้นนั่นเองก็มีชายร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาก้าวออกมาข้างหน้า กวาดตามองไปรอบบริเวณที่นั่งรับรองผู้โดยสารภายในห้อง เมื่อเขาก้าวออกมานั้น มีบางคนหดตัวถอยหนี ชายคนนั้นหยิบภาพถ่ายออกมาเปรียบเทียบกับใบหน้าของคนที่อยู่ภายในห้องรับรองวีไอพีทีละคน แล้วในที่สุดสายตาเขาก็มาหยุดที่สวีฟัง ซึ่งนิ่วหน้าทันทีที่เห็นสายตาเขา เธอจ้องมองชายคนนั้นเขม็ง สบถเบาๆ ว่า “ไอ้บ้า ท่าจะสติไม่ดี!”
ชายคนนั้นหันไปมองชายอีกสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง และสะบัดปลายคางไปทางสวีฟัง เมื่อเห็นอย่างนั้นผู้จัดการของสวีฟังก็รีบเข้ามาขวาง พยายามจะหยุดพวกเขาด้วยรอยยิ้ม “คุณคะ มีอะไรให้ฉันช่วยไหม”
ชายคนนั้นถีบผู้จัดการของสวีฟังกระเด็นออกไป ส่วนสวีฟังซึ่งก่อนหน้านี้มีท่าทีหยิ่งยโส กลับตกใจกรีดร้องออกมาในทันที เธอยกมือขึ้นปิดปาก มองดูผู้จัดการซึ่งโดนถีบอย่างแรงด้วยความตกตะลึง ชายสองคนตรงเข้ามาหาเธอ ดึงร่างเธอขึ้นจากโซฟา ตวาดว่า “หุบปาก!”
สวีฟังยังคงกรีดร้อง แต่ไม่มีใครเข้ามาช่วย แม้แต่ผู้จัดการซึ่งนอนตัวงอด้วยความเจ็บปวดอยู่ตรงมุมห้อง สองมือกุมที่ท้อง ก็ช่วยเธอไม่ได้ หลังจากสวีฟังโดนจับตัวไปแล้ว ผู้จัดการก็ยังคงนอนอยู่ที่พื้น เจ้าหน้าที่สนามบินคนหนึ่งเข้ามาช่วยพยุงเธอขึ้นจากพื้น ถามด้วยความเป็นห่วงว่า “คุณเป็นยังไงบ้างคะ”
“เร็วเข้า โทรเรียกตำรวจ!” ดวงตาผู้จัดการฉายแวววิตกทุกข์ร้อน มิน่าล่ะ สวีฟังถึงพูดว่าตาข้างขวากระตุก ลางบอกเหตุชัดๆ! คนพวกนั้นมาจากไหนกัน ทำไมถึงลักพาตัวสวีฟัง เธอเองไม่รู้จักใครในปารีส… แล้วเธอจะหาสวีฟังเจอได้อย่างไร!
เจ้าหน้าที่สนามบินส่ายศีรษะ มีท่าทีสำนึกผิด “ขอโทษด้วยค่ะ แต่เราเรียกตำรวจไม่ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นผู้จัดการก็กล่าวเสียงเย็นชาว่า “เธอโดนลักพาตัวในสนามบินของคุณ! ทำไมคุณถึงไม่กล้าเรียกตำรวจ! ฉันจะร้องเรียนไปทางสถานทูตของฉัน! คอยดูสิ!”
เมื่อกล่าวจบผู้จัดการก็คว้าโทรศัพท์โทรถึงสถานทูตทันที ซึ่งทางสถานทูตตอบว่าจะรีบตรวจสอบเรื่องนี้โดยเร็ว อีกยี่สิบนาทีต่อมาก็มีเจ้าหน้าที่จากสถานทูตจีนมารับตัวผู้จัดการของสวีฟังไป เจ้าหน้าที่สนามบินมองตามรถสถานทูตที่แล่นจากไป แล้วถอนหายใจ “ผู้หญิงคนนี้สร้างความเดือดร้อนให้สถานทูตของตัวเองแท้ๆ เจ้าหน้าที่สถานทูตได้วิ่งวุ่นกันทั้งคืนแน่”
สวีฟังตั้งต้นกรีดร้องอีกทันทีที่โดนจับยัดเข้าไปในรถ เธอร้องสั่งให้คนเหล่านี้ปล่อยตัวเธอ และขู่พวกเขาว่า “ฉันเป็นดาราดังที่ประเทศจีนนะ! พวกแกลักพาตัวฉัน พวกแกรู้ไหมว่าต้องเจอกับอะไร แฟนคลับของฉันไม่ปล่อยพวกแกไปแน่ ประเทศของฉันก็ไม่ปล่อยพวกแกเหมือนกัน แกควรจะปล่อยตัวฉันเดี๋ยวนี้!”
เผียะ… ชายที่นั่งข้างเธอ หรี่ตาลง หันมาตบหน้าเธอเต็มแรง ตวาดว่า “หุบปาก!”
สวีฟังไม่เคยโดนตบแบบนี้มาก่อนในชีวิต ชายคนนี้ตบเธอสุดแรง จนเธอเกือบหมดสติ เธอนิ่งงันไปด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้น น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด และไม่กล้าพูดอะไรอีก ขณะนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น ชายที่นั่งข้างเธอสบถออกมา เขาคว้าโทรศัพท์ของเธอเหวี่ยงออกไปนอกหน้าต่างรถ สวีฟังมองตามโทรศัพท์ นัยน์ตาเบิกโพลงอย่างสิ้นหวัง เธอสั่นศีรษะอย่างแรง ร้องว่า “ไม่นะ!” ในโทรศัพท์มีเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างเธอกับฉินซินหยิ่งที่แอบอัดไว้! นอกจากนั้นผู้จัดการของเธอจะหาเธอพบได้อย่างไรถ้าไม่มีโทรศัพท์เครื่องนี้! เธอจะถูกจับไปฆ่าหรือเปล่า!
“พวกแกเป็นใคร จับตัวฉันมาเรียกค่าไถ่หรือ ฉันจะให้เงินพวกแก มากแค่ไหนก็ได้เท่าที่แกต้องการ! ฉันให้แกได้ทุกอย่าง ขอแค่ปล่อยฉันไปเถอะ! ได้โปรด ปล่อยฉันเถอะนะ!” สวีฟังรู้สึกกลัวจับใจขึ้นมาทันที เวลานี้เธอเพียงต้องการหนีไปจากคนเหล่านี้ ซึ่งปฏิบัติต่อเธออย่างหยาบคายร้ายกาจ พวกมันลักพาตัวเธออย่างอุกอาจจากสนามบิน แต่ตำรวจกลับไม่ทำอะไรเลย! พวกมันอาจจะฆ่าเธอก็ได้! เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ สวีฟังก็กรีดร้องออกมาดังๆ
ชายคนนั้นทนเสียงกรีดร้องของสวีฟังไม่ไหว จึงเอาเทปกาวปิดปากเธอไว้ และตะคอกอย่างเย็นชา “หุบปาก ถ้าไม่อยากตาย! ฉันจะฆ่าเธอทิ้งเดี๋ยวนี้เลยถ้ายังส่งเสียงอยู่อีก!”
สวีฟังไม่กล้าส่งเสียงอีกเลย เธอนั่งนิ่งตัวแข็ง กลัวจนไม่กล้าขยับ อีกไม่นาน รถที่นั่งมาก็มาถึงปราสาทโบราณแห่งหนึ่ง สวีฟังมองไปที่หอคอยของปราสาท ดวงตาฉายแววประหลาดใจ แล้วก็สงสัยว่าหรือจะมีผู้ทรงอิทธิพลสักคนมาหลงใหลในตัวเธอ จึงให้คนของเขาไปพาตัวเธอมาที่นี่ แต่พวกลูกสมุนอาจเข้าใจเจตนาของเขาผิดไป
ชายคนนั้นไม่ได้สนใจว่าสวีฟังจะคิดอย่างไร เมื่อรถจอดเขาก็ผลักสวีฟังลงจากรถอย่างหยาบคาย สวีฟังเกือบล้มลงไปกองกับพื้น เมื่อเห็นว่าเธอถูกพามาที่ปราสาทหลังใหญ่ ไม่ใช่ส่งไปไว้ที่โรงงานรกร้าง สวีฟังก็หายกลัว เธอจ้องหน้าชายที่พาเธอมาด้วยสายตาดุดัน คิดในใจว่าเดี๋ยวจะได้เห็นดีกัน ฉันจะฆ่าแกที่มาทำตัวหยาบคายใส่ฉัน!
ชายคนนั้นเหลือบมองสวีฟัง จึงทันได้เห็นว่าเธอจ้องมองเขาอย่างเกลียดชัง เขาผลักเธอให้เดินไปข้างหน้า และกล่าวขึ้นอย่างเยือกเย็น “รีบเดิน!”
สวีฟังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เดินตามชายคนนั้นเข้าไปในปราสาท ไม่นานนักชายคนนั้นก็พาเธอมาถึงห้องห้องหนึ่งบนชั้นสอง สวีฟังมองไปรอบๆ ห้องอันกว้างขวาง แล้วก็เริ่มแน่ใจในสิ่งที่คาดเดาไว้มากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาไม่ได้พาเธอไปขังไว้ในห้องใต้ดิน หรือห้องมืดๆ แต่พามาที่ห้องใหญ่โตหรูหรา คงจะมีผู้มีอิทธิพลสักคนที่หลงรักเธอจริงๆ! ตราบใดที่เธอสามารถทำให้ผู้ทรงอิทธิพลคนนี้พอใจ เธอก็จะสามารถออกไปจากที่นี่ และฆ่าไอ้พวกสารเลวที่พาเธอมาที่นี่ได้!
ในเวลานั้นเองประตูห้องก็เปิดออก สาวใช้ผิวขาวหน้าตาน่ารักก้าวเข้ามา เธอชำเลืองมองหน้าสวีฟัง แล้วทำเสียงหัวเราะขึ้นจมูกอย่างดูถูก และยิ้มให้ผู้ชายที่พาสวีฟังมาที่นี่ กล่าวว่า “นายน้อยกำลังอาบน้ำอยู่ นายพาหล่อนเข้าไปข้างในได้เลย”
สวีฟังกะพริบตา เมื่อเข้าใจในสิ่งที่สาวใช้กล่าว สิ่งที่เธอคาดเดาไว้นั้นถูกต้อง!