ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 436 ฉู่หลิงผู้มีศักยภาพรอบด้าน
ปู่ฉินไม่คาดคิดว่าท่านทูตเกาจะปฏิเสธไม่ให้ความช่วยเหลืออย่างไม่ไว้หน้าเช่นนี้ และไม่คาดคิดว่าท่านจะใช้ผู้บังคับบัญชามาเป็นข้ออ้าง แต่ในฐานะเพื่อนเก่า เขาก็คิดว่าท่านทูตเกาคงไม่หลอกเขาแน่ เขายกชาขึ้นจิบก่อนจะวางถ้วยชาลง ท่านทูตเกามองเขาแล้วถามว่า “เป็นยังไง ชอบไหม รสชาติดีใช่ไหม”
“ก็ดี” ปู่ฉินลุกขึ้น สูดลมหายใจเข้า “เป็นชาที่ดี แต่ฉันไม่มีอารมณ์จะดื่มชาตอนนี้ กำลังเป็นห่วงเรื่องหลานสาว อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเอาตัวเธอออกมาจากสถานีตำรวจให้ได้ก่อน”
ท่านทูตเกาพยักหน้า “ฉันเข้าใจดี ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนายก็คือช่วยหลานสาวให้ได้ก่อน ฉันไม่รั้งนายไว้แล้วล่ะ” ท่านทูตเกาลุกขึ้น เดินไปส่งปู่ฉิน พร้อมกับให้ข้อคิดว่า “ฉิน จะเป็นการดีกว่า ถ้าให้คนที่ทำผิดได้แก้ไขสิ่งที่ทำลงไปให้ถูกต้องด้วยตัวเอง ครั้งนี้หลานสาวนายไปก่อเรื่องกับคนที่ไม่สมควรทำให้ผิดใจ นายก็รู้ เอ็มไพร์กรุปใหญ่แค่ไหนในเมืองหลวง คุณปู่ถังเป็นเสมือนนักบุญผู้เป็นที่เลื่องลือ ท่านมีเพื่อนฝูงเป็นผู้ทรงอิทธิพลมากมาย ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับท่าน หากต้องการลงโทษคนที่ทำร้ายหลานสาวท่าน”
ปู่ฉินมองท่านทูตเกานิ่งอยู่ ท่านทูตเกาส่ายศีรษะ กล่าวว่า “ฉันขอโทษ ที่คราวนี้ช่วยนายไม่ได้จริงๆ”
“นายไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก แค่ยอมให้พบฉันก็ขอบคุณมากแล้ว เกา ขอบคุณมากที่ให้ข้อคิดนี้กับฉัน” ปู่ฉินตบไหล่ท่านทูตเบาๆ แล้วเดินไปที่บันได
เมื่อท่านทูตเกาเห็นว่าปู่ฉินเดินออกไปพ้นสายตาแล้ว ก็หันหลังกลับเข้าไปในห้องทำงาน หยิบโทรศัพท์มาโทรนัดหมายโรงพยาบาลให้ภรรยา
ปู่ฉินเดินลงบันได ขณะที่ผู้ช่วยก้าวเข้ามาพยุงและถามว่า “นายท่าน เป็นยังไงบ้างครับ ท่านทูตเกา…”
ปู่ฉินทำเสียงฮึดฮัดขึ้นจมูก กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “มิตรภาพไม่มีความหมายอะไร เมื่อมีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง เราไปกันเถอะ!”
ผู้ช่วยยกมือขึ้นลูบสันจมูก เขาคิดไว้ก่อนแล้วว่าเจ้านายจะต้องถูกปฏิเสธ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะเดาถูก แม้แต่ท่านทูตเกาก็ยังปฏิเสธไม่ยอมช่วย… แล้วพวกเขาจะหันหน้าไปหาใครได้… เขาถามขึ้นว่า “นายท่าน เราจะไปที่ไหนกันดีครับ”
“กลับโรงแรม แล้วติดต่อไปที่บ้านตระกูลถัง”
ปู่ฉินหน้าดำคร่ำเครียด อดไม่ได้ที่จะก่นด่าฉินซินหยิ่งอยู่ในใจ เขาเคยห้ามฉินซินหยิ่งแล้วว่าไม่ให้คบหาเป็นเพื่อนกับถังซี เขาไม่ต้องการให้เธอพบปะกับคนในตระกูลถัง แต่เธอยืนยันที่จะเป็นเพื่อนกับถังซี โดยบอกว่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าเป็นโทษสำหรับตระกูลฉิน และถังซีก็เปิดโอกาสที่ดีทางธุรกิจให้กับตระกูลฉินจริงๆ ธุรกิจของตระกูลเขาเจริญรุ่งเรืองขึ้นเพราะมิตรภาพระหว่างฉินซินหยิ่งกับถังซี แต่… ตอนนี้…
ทันทีที่ปู่ฉินขึ้นนั่งบนรถก็มีสายเรียกเข้าจากฉินเปิ่นหยวน ปู่ฉินมองดูชื่อผู้โทรแล้วขมวดคิ้ว เวลาผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงรับสาย “ว่าไง!”
“พ่อครับ ซินหยิ่งเป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยดีไหม แล้วถังซีล่ะ ยอมประนีประนอมหรือเปล่า” ฉินเปิ่นหยวนถามอย่างร้อนใจ
“ทำไมมาถามคำถามพวกนี้กับฉัน แกกับลูกสาวแกอยากทำอะไรก็ทำไปสิ! แกภาวนาไว้เถอะว่าครั้งนี้อย่าให้ฉินกรุปต้องพลอยเดือดร้อนได้รับผลกระทบไปด้วย ไม่อย่างนั้น แกโดนไล่ออกแน่!”
กล่าวจบปู่ฉินก็วางสาย
ได้ยินเช่นนี้ ผู้ช่วยก็ได้แต่ตั้งสมาธิกับการขับรถ ไม่กล้าแสดงความเห็นใดๆ
…
เฉียวเหลียงกับถังซีเดินทางไปยังสถานที่จัดแฟชั่นโชว์ ซึ่งได้รับการจัดตกแต่งไว้เกือบเรียบร้อยหมดแล้ว ถังซีมองดูรันเวย์และที่นั่งสำหรับผู้ชม ซึ่งทำด้วยกระจกใสทั้งหมด เธอเลิกคิ้ว แล้วหันไปหาเฉียวเหลียง “นี่เป็นความคิดของฉู่หลิงหรือคะ”
เฉียวเหลียงพยักหน้า “ใช่ ระหว่างการแสดงแฟชั่นโชว์ จะมีไฟจากสระน้ำส่องไปที่โชว์ ตอนนี้กำลังติดตั้งไฟกันอยู่ พรุ่งนี้เราจะได้เห็นภาพรวมทั้งหมดตอนซ้อม”
“จริงเหรอคะ” ถังซีถามอย่างตื่นเต้น “เราเข้าไปในบริเวณเวทีกันเถอะ ต้องเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดไปเลย ที่ได้นั่งดูแฟชั่นโชว์อยู่บนทะเลสาบ”
เฉียวเหลียงยิ้ม ชำเลืองมองถังซีซึ่งวิ่งตรงเข้าไปยังบริเวณเวทีจัดแสดง “ไม่ต้องรีบร้อน”
ถังซีกล่าวว่า “ก็ได้ค่ะ” แล้วเดินอ้อมไปอีกด้านหนึ่ง เธอก้าวเท้าเหยียบบนขั้นบันไดแก้ว และรู้สึกกลัวเล็กน้อย จึงหันไปมองเฉียวเหลียง “ฉันรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่บนน้ำเลย!”
เฉียวเหลียงเดินขึ้นบันไดไปหาเธอ ขยี้ผมเธอเบาๆ “ชอบไหม”
ถังซีเอื้อมมือไปเคาะที่กระจกใส ถามว่า “กระจกนี่หนาแค่ไหนคะ”
“นี่เป็นกระจกกันกระสุนที่หลงเซี่ยวกรุปเพิ่งพัฒนาสำเร็จ ต่อให้มีรถบรรทุกน้ำหนักเกินร้อยตันตกใส่ก็ไม่แตก แม้แต่โดนระเบิดก็ยังไม่ร้าว” เฉียวเหลียงยืดตัวมองไปยังรันเวย์รูปตัวยู “เราไม่ได้เปิดตัวกระจกนี้ออกสู่ท้องตลาด เพราะเราต้องการเก็บไว้ใช้เอง”
ถังซีเลิกคิ้วถาม “ทำไมละคะ”
“เพราะจะเป็นการสร้างปัญหาให้เราหากเปิดตัวสู่ท้องตลาด เรานำกระจกนี้มาให้คุณยืมแค่สองสามวัน คุณต้องส่งคืนหลังจากโชว์จบแล้ว” เฉียวเหลียงมองถังซีด้วยรอยยิ้ม
ถังซีสังเกตเห็นว่าไม่มีคานรองรับน้ำหนักอยู่ใต้เวทีเลย มีเพียงเสาที่ทำจากวัสดุโปร่งใสฝังอยู่ในน้ำ ถังซีย่อตัวลงนั่งเพื่อสำรวจดูเสาเหล่านั้น แล้วอุทานว่า “เสาพวกนี้ก็ทำจากกระจกด้วยอย่างนั้นเหรอ”
“พวกนี้เป็นคานรับน้ำหนักแบบโปร่งใส ไม่ใช่กระจก ฉู่หลิงเป็นคนเอามา คานแบบนี้รับหน้ำหนักได้ดีกว่าคานรับน้ำหนักทั่วไป คุณไม่ต้องกังวล ฉู่หลิงไม่เคยทำให้ผมผิดหวัง เขาเคยใช้คานแบบพิเศษนี้สร้างผลงานอันน่าประทับใจมาแล้วหลายครั้ง คานพิเศษแบบนี้หายากมาก หาไม่ได้ง่ายๆ ในท้องตลาดทั่วไป”
“แล้วฉู่หลิงไปเอามาจากไหน” ถังซีลุกขึ้นยืน เธอรู้สึกทึ่งในความสามารถของฉู่หลิง นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เธอคงไม่มีโอกาสได้มาจัดแฟชั่นโชว์ที่งานแฟชั่นวีก รวมถึงคงไม่ได้มีเวทีจัดแฟชั่นโชว์อันงดงามตระการตาเช่นนี้
“ผู้มีศักยภาพรอบด้าน” ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียงแล้วกล่าวว่า “ฉันรู้แล้วล่ะว่าฉู่หลิงคือผู้มีศักยภาพรอบด้านอย่างแท้จริง”
เฉียวเหลียงลูบผมเธอ กล่าวว่า “เราไปดูนางแบบลองชุดกันดีไหม”
“เสื้อผ้าจากโรงงานผลิตส่งมาไว้ที่นี่ทั้งหมดแล้วเหรอคะ” ถังซีเดินตามเฉียวเหลียง ซึ่งเดินตรงไปยังบริเวณที่จัดไว้ชั่วคราวสำหรับให้นางแบบแต่งตัว “แล้วแผนผังหลังเวทีจัดกันยังไง”
“นั่นปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉู่หลิงเถอะ เราไปดูนางแบบลองชุดกัน” เฉียวเหลียงจูงมือถังซีเดินข้ามสนามกว้างไปยังอีกฟากหนึ่ง คนที่มีความสามารถมากก็ควรรับผิดชอบงานมากกว่านั้นถูกต้องแล้ว ปล่อยให้ฉู่หลิงวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้ไปก็แล้วกัน
เมื่อถังซีกับเฉียวเหลียงมาถึง นางแบบหลายคนเดินทางมาถึงแล้ว ถังซีรู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าฉู่หลิงเชิญนางแบบที่มีชื่อเสียงหลายคนมาร่วมเดินแบบในโชว์ครั้งนี้ มีทั้ง หลี่เหวิน ตี๋เสวี่ย คริสเตน เดซี่ และเชอร์รี่ ซึ่งทุกคนล้วนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักระดับโลก และเป็นนางแบบที่เดินแฟชั่นให้กับแบรนด์ดังหลายแบรนด์เป็นประจำ…
ถังซีหันไปมองนางแบบคนหนึ่งซึ่งมีผู้คนรุมล้อมเธออยู่มากมาย แล้วหันกลับมามองเฉียวเหลียง ถามว่า “นั่นคาโรลิน่าใช่ไหมคะ”
ไม่ใช่ว่านางแบบสาวคนนี้ประกาศอำลาวงการไปตั้งนานแล้วหรอกเหรอ ฉู่หลิงไปเชิญเธอมาเดินแบบงานนี้ได้อย่างไร!