ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 438 หัวใจเธอเจ็บปวดด้วยความสงสารเขา
แม้ถังซีจะออกแบบเสื้อผ้าทุกเซตโดยใช้ตัวเองเป็นต้นแบบ แต่เธอไม่เคยคิดจะสวมเสื้อผ้าเหล่านี้เดินบนรันเวย์ด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามเธออาจขึ้นไปเดินก็ได้ในฐานะถังซี ประธานเอ็มไพร์กรุป
แต่เธอจะไม่สร้างความเกี่ยวพันระหว่างถังซีกับเซียวโหรวโดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นผู้คนจะสงสัยว่าทำไมถังซีจึงโอนทรัพย์สินของตนเองให้กับเซียวโหรว และ… เธอต้องการให้คนทั่วไปค่อยๆ ลืมถังซีผู้หายสาบสูญ เธอจึงต้องไตร่ตรองให้รอบคอบก่อน ว่าควรจะไปปรากฏตัวที่งานแสดงแฟชั่นโชว์ของเดอะควีน ในฐานะถังซีหรือไม่
ระหว่างทางกลับไปโรงแรม ถังซีนิ่งเงียบไปตลอดทาง เฉียวเหลียงรู้ว่าเธอคงกำลังกังวลใจเกี่ยวกับนางแบบที่จะให้สวมเสื้อผ้าชุดเด่นของเซตสุดท้าย เขาจึงไม่ชวนเธอคุย ได้แต่นั่งอ่านอีเมลจากคอมพิวเตอร์ของตนเอง
เหมือนกับที่ฉู่หลิงพูด เขามีธุระยุ่งมาก บางครั้งก็ยุ่งมากเสียจนอยากโคลนนิ่งตัวเองมาช่วยทำงาน อย่างไรก็ตามเขาพยายามจัดสรรเวลาไปเป็นเพื่อนเธอในทุกที่ เพื่อชดใช้ความผิดที่เคยทำไว้กับเธอในอดีต
ถังซีอยากถามความเห็นเฉียวเหลียง แต่เห็นว่าเขากำลังยุ่งอยู่กับงานของเขาเอง เธอนึกถึงที่ฉู่หลิงพูดขึ้นมาได้จึงไม่อยากรบกวนเขา แล้วเธอก็ตัดสินใจไม่คิดเรื่องนางแบบอีกต่อไป ได้แต่นั่งเท้าคางเฝ้าดูเฉียวเหลียงทำงานอยู่เงียบๆ
ฉู่หลิงบอกว่าเฉียวเหลียงมีธุระยุ่งมาก ซึ่งทำให้เธอนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอจำได้ว่าเขามักจะลุกขึ้นมากลางดึก… แม้แต่เซียวจิ่งก็ยังเคยพูดว่าเฉียวเหลียงจะไม่นอนหากเธอไม่ได้อยู่ใกล้ๆ เฉียวเหลียงเป็นมนุษย์บ้างานที่แทบจะไม่เคยหยุดพัก เขาสามารถทำงานต่อเนื่องได้เป็นหลายสิบชั่วโมง คนปกติทั่วไปคงไม่อาจทนรับภาระงานหนักเช่นเขาได้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ถังซีก็พิจารณาดูใบหน้าเฉียวเหลียง พบว่าเขามีรอยดำคล้ำที่ใต้ตาทั้งสองข้าง… หัวใจเธอรู้สึกเจ็บปวดด้วยความสงสารเขา…
ตอนนี้เธอแค่อยากขอให้เขาเข้านอนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่เธอก็บอกตัวเองว่าไม่ได้หรอก เธอทำอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าเธอขอให้เฉียวเหลียงหยุดทำงานตอนนี้ พอถึงคืนนี้ หลังจากเธอหลับไปแล้ว เขาก็จะไม่ยอมนอนทั้งคืนเพื่อทำงานให้เสร็จ เธอจึงได้แต่เฝ้ามองเขาเงียบๆ ด้วยสายตาเปี่ยมด้วยความรัก
เมื่อสังเกตเห็นว่าเธอกำลังเฝ้ามองเขาอยู่ เฉียวเหลียงก็กล่าวเบาๆ ว่า “เดี๋ยวผมก็ทำงานเสร็จแล้ว คุณเล่นคนเดียวไปก่อน…”
หางตาถังซีหรี่ลง เล่นคนเดียวอย่างนั้นหรือ เธอไม่ใช่เด็กน้อยสักหน่อย เธอเหลือบตามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขา เห็นว่ายังมีอีเมลที่ยังไม่ได้อ่านอยู่อีกเป็นจำนวนมาก เธอจึงกล่าวยิ้มๆ ว่า “ก็ได้ ฉันไม่กวนคุณล่ะ ฉันจะงีบหลับสักหน่อย พอถึงโรงแรมคุณปลุกฉันด้วยก็แล้วกัน ฉันง่วงนอนมาตลอดทั้งวัน เพราะวันนี้ผู้กำกับหนิงปลุกฉันแต่เช้าแล้ว”
เฉียวเหลียงทำเสียงตอบรับในลำคอ ลูบผมเธอเบาๆ แล้วหันกลับไปทำงานต่อ
ตลอดเส้นทาง ถังซีนิ่งฟังเสียงเฉียวเหลียงรัวนิ้วพิมพ์บนแป้นพิมพ์ เสียงนั้นเหมือนกับบทเพลงที่มีเขาเป็นผู้ประพันธ์ เธอพบว่าเป็นเสียงที่ฟังเพลินที่สุด ถังซีไม่ได้งีบหลับ เมื่อมาถึงโรงแรมเธอจึงผุดลุกขึ้นและลงจากรถทันที เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของเธอเฉียวเหลียงก็เลิกคิ้ว ถังซีเปิดประตูรถค้างไว้และกะพริบตาปริบๆ ใส่เขา “มาสิคะ ลงจากรถได้แล้ว”
เฉียวเหลียงปิดเครื่องคอมพิวเตอร์และก้าวลงจากรถ ถังซียิ้มให้เขา ควงแขนเขาเดินเข้าไปในโรงแรม
“เฉียวเหลียง!”
ทั้งสองเพิ่งก้าวเดินไปได้เพียงสองก้าว เมื่อเซียวจิ่งและหนิงเหยี่ยนซึ่งเพิ่งกลับมาถึงโรงแรมเช่นกัน หันมาเห็นพวกเขา เซียวจิ่งกับหนิงเหยี่ยนร้องเรียกชื่อเฉียวเหลียง เฉียวเหลียงเลิกคิ้วหันกลับไปมอง แล้วกล่าวว่า “พวกคุณกลับมาถึงเร็วดีนี่”
หนิงเหยี่ยนหัวเราะ เดินเข้ามาหาและตบไหล่เขา “นั่นเป็นเพราะคนของคุณทำงานกันอย่างมีประสิทธิภาพมาก! ผมต้องขอชมความสามารถคนของคุณ”
เฉียวเหลียงมองมือที่วางอยู่บนไหล่เขา แล้วชำเลืองสายตาเย็นชาไปที่ใบหน้าหนิงเหยี่ยน ซึ่งรีบดึงมือกลับอย่างเคอะเขิน และแสร้งทำเป็นบิดขี้เกียจ กล่าวว่า “คนพวกนั้นยอมสารภาพ และเรานำหลักฐานที่ได้จากผู้หญิงทั้งสองคนเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียไปแล้ว ตอนนี้พวกชาวเน็ตหน้าโง่ทั้งหลายเข้ามาขอโทษฉันกันใหญ่ และแน่นอนว่าต้องขอโทษนางฟ้าน้อยของเราด้วย”
ถังซียิ้ม “ขอบคุณค่ะ ผู้กำกับหนิง”
หนิงเหยี่ยนโบกมือและกล่าวว่า “เธอควรขอบคุณแฟนเธอมากกว่า ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เรื่องนี้คงไม่จบลงง่ายๆ แบบนี้ ฉันเองคงต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์กว่าจะสะสางได้สำเร็จ แล้วแฟชั่นโชว์ของเธอก็คงจะพังไม่เป็นท่า ตอนนี้เราสามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าเราบริสุทธิ์ และบรรดาชาวเน็ตก็รู้แล้วว่าเราโดนจัดฉากใส่ร้าย อีกไม่นานพวกเขาก็คงสืบจนพบว่าใครเป็นคนบงการเรื่องนี้ ฉันมีศรัทธาในความสามารถด้านนี้ของชาวเน็ต บางทีพวกเขาก็มีประสิทธิภาพมาก แม้ว่าบางครั้งจะงี่เง่ามากเหมือนกันก็ตาม”
หางตาถังซีหรี่ลง เธอหันไปมองหนิงเหยี่ยน “ผู้กำกับหนิง ไม่ใช่ชาวเน็ตทุกคนหรอกนะคะที่หลงเชื่อข่าวลือ เท่าที่ฉันรู้ มีชาวเน็ตอีกจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าคุณบริสุทธิ์มาตลอด”
“แต่ก็มีพวกเกรียนคีย์บอร์ดอยู่มากเกินไป!” หนิงเหยี่ยนกล่าวอย่างเฉยชา “พวกที่เชื่อว่าผมบริสุทธิ์มาตลอดคือบรรดาแฟนคลับที่น่ารักของผม คุณเข้าใจหรือยัง”
ถังซีอึ้ง “…” ก็จริง คุณพูดถูก
เซียวจิ่งเดินเข้ามาหาถังซี ถามเธอว่า “สถานที่จัดโชว์เป็นยังไงบ้าง”
แม้เซียวจิ่งจะบอกไว้ก่อนอย่างชัดเจนว่าเขามาปารีสเพื่อเดินทางมาเป็นเพื่อนน้องสาว และใช้เวลาวันหยุดในการพักผ่อน แต่หลังจากที่เซียวจิ่งได้พักผ่อนอยู่ในโรงแรมเพียงแค่สองวัน เฉียวเหลียงก็ใช้ให้เขาไปตรวจงานที่สำนักงานสาขาปารีสของเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป เขาจึงยังไม่มีเวลาได้ไปดูสถานที่จัดแฟชั่นโชว์ของถังซีเลย…
เขารู้สึกผิดอยู่บ้างเหมือนกัน
เมื่อนึกถึงเวทีอันสมบูรณ์แบบภายใต้การออกแบบและจัดการของฉู่หลิง ถังซีก็ยิ้มออกมา “สุดยอดมากค่ะ! สมบูรณ์แบบอย่างที่สุด พี่ต้องตกตะลึงแน่เมื่อได้เห็นเวที อย่างน้อยฉันก็ยังไม่เคยเห็นการจัดสถานที่สำหรับโชว์ของแบรนด์ไหน ที่มีความคิดสร้างสรรค์อย่างนี้มาก่อน”
เซียวจิ่งพยักหน้า ลูบผมถังซี และมองหน้าเฉียวเหลียง “ไปทานอาหารกลางวันด้วยกันไหม”
ทั้งหมดเข้าไปในห้องอาหารของโรงแรม สั่งอาหารตามที่แต่ละคนอยากทาน เซียวจิ่งพูดคุยกับเฉียวเหลียงอย่างสบายใจ และรายงานถึงผลประกอบการของสำนักงานสาขาปารีส ขณะที่หนิงเหยี่ยนคุยเรื่องวิดีโอสำหรับการเปิดตัวและโฆษณาแบรนด์กับถังซี ซึ่งเมื่อถังซีเข้าไปดูในไมโครบล็อกของเดอะควีน ก็พบว่าโพสต์ล่าสุดที่เธอเผยแพร่นั้นมีผู้แชร์ออกไปมากกว่าหกหมื่นครั้ง
เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้กำกับหนิง คุณเป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการบันเทิงจริงๆ โพสต์ล่าสุดของฉันมีคนแชร์เกินหกหมื่นครั้งแล้ว ดูเหมือนว่าเดอะควีน จะต้องโด่งดังอย่างแน่นอน”
หนิงเหยี่ยนยิ้มอย่างภาคภูมิใจในตนเอง “แน่ละสิ ฉันน่ะมีอิทธิพลมากอยู่แล้วในวงการนี้ ไม่อย่างนั้นหนังของฉันคงไม่ได้รับความนิยมมากอย่างนี้หรอก นั่นก็เป็นเพราะความมีเสน่ห์ระดับดารายอดนิยมของฉันไง”
ถังซียิ้ม ไม่ได้พูดอะไรต่อ หนิงเหยี่ยนมีเสน่ห์ระดับดารายอดนิยมก็จริง แต่สิ่งสำคัญก็คือ ภาพยนตร์ของเขาเป็นงานคุณภาพชั้นเยี่ยม