ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 1357 ค่ำคืนความโสด
ฉินสือโอวโดนเบิร์ดและฮิวจ์คนน้องประกบไว้อยู่ตรงกลาง ทั้งสามคนนั่งอยู่เบาะหลัง ตรงที่นั่งคนขับมีชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยรอยสักทั้งตัวนั่งกินแซนด์วิชอยู่ เขาหันมามองคนทั้งสาม แล้วก็หัวเราะแปลกๆ ถามขึ้นว่า “พวกนายก็คือเพื่อนของพวกงี่เง่านั้นเหรอ? เอาเงินมาด้วยเปล่า?”
ชายร่างใหญ่สตาร์ทรถ หน้าต่างรถซีตรองมีผ้าสีดำคลุมลงมาโดยอัตโนมัติ ทันใดนั้นในรถก็เปลี่ยนเป็นมืดดำสนิท คนในรถมองไม่เห็นด้านนอก คนด้านนอกก็มองไม่เห็นในรถเช่นกัน
ฮิวจ์คนน้องถามอย่างร้อนใจว่า “เฮ้ พวกนาย นี่มันไม่สนุกเลยนะ ระหว่างเรามีอะไรเข้าใจผิดกันหรือเปล่า?”
เสียงแปลกๆ ของชายหนุ่มดังขึ้น “น่าจะ มันขึ้นอยู่กับว่าพวกนายเอาเงินมาด้วยเท่าไร ถ้าเงินเยอะก็คงเข้าใจผิด แต่ถ้าเงินน้อย หึหึ”
รถซีตรองส่งเสียงคำรามแล้วขับพุ่งไปด้วยความเร็วสูง ทักษะการขับรถของชายร่างใหญ่ไม่ดีมาก รถจึงกระแทกอยู่ตลอดเวลา เดี๋ยวเร็วเดี๋ยวช้า ทำให้คนในรถรู้สึกย่ำแย่
หลังจากที่เงียบสงบแล้ว ฉินสือโอวถามอย่างใจเย็นว่า “ฉันถามหน่อยได้ไหมว่า ตอนนี้สถานการณ์ของเพื่อนฉันเป็นอย่างไรบ้าง?”
“นี่ก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกนายเอาเงินมาเท่าไร ถ้าเงินเยอะก็สบายดีมาก แต่ถ้าเงินน้อย หึหึ” ยังคงเป็นชายหนุ่มที่พูดด้วยเสียงประหลาดๆ
ฉินสือโอวเงียบไปสักพักก็ถามอีกว่า “ถ้าอย่างนั้นต้องการเงินเท่าไร? สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ชายหนุ่มก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันใด “หุบปาก ไอ้โง่! หุบปากไปเลย สิ่งที่นายไม่ควรรู้ก็ไม่ต้องถาม!”
เบิร์ดพูดด้วยเสียงจริงจัง “ตอบคำถามบอสฉัน!”
“เชี่ย!” ชายหนุ่มสบถด่าแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมา ฟาดลงบนไหล่ของเบิร์ด หลังจากนั้นเบิร์ดก็ทำเสียงอู้อี้ พูดเสียงเบาว่า “ไอ้เวร!”
ฉินสือโอวร้อนใจ รถคันนี้ก็มืดจนมองอะไรไม่เห็นสักอย่าง เขามองเห็นแค่รางๆ ว่าของที่ชายหนุ่มถือเป็นเหมือนแส้ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาลงมือหนักมาก เพราะปกติเบิร์ดเป็นชายที่แข็งแกร่งมาก การที่ทำให้เขาเจ็บปวดได้แสดงว่าเป็นการโจมตีที่น่ากลัว
ชายหนุ่มยังคิดจะลงมืออีก ฉินสือโอวพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ถ้านายลงมืออีก เงินสักแดงเดียวก็ไม่มี!”
ในเวลานี้เองรถซีตรองก็หยุดกะทันหัน หยุดอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จนคนในรถพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับที่ชายหนุ่มชนกระจกตรงหน้าต่างและกรีดร้องออกมาในขณะที่กุมหัวไปด้วย
ชายร่างใหญ่ยิ้มเยาะและหัวเราะ “เจ๋งมั้ย? พวกนาย? ลงรถ!”
ประตูรถถูกเปิดออกจากด้านนอก ฮิวจ์คนน้องถูกลากออกไป ตามด้วยฉินสือโอว มีคนดึงไหล่ของเขาอย่างไม่แยแส พอเขายื่นหัวออกไป ก็มีคนเอากล่องกระดาษมาคลุมปิดหัวเขาไว้ ทำให้ใจเขาตกไปอยู่ตาตุ่มทันใด
ตอนที่เขาเพิ่งลงจากรถ อยู่ดีๆ ก็มีเสียงชกต่อยกันด้านหลัง หลังจากนั้นเบิร์ดก็เรียก “บอส รีบไป ไม่ต้องทะเลาะกัน! ไอ้เวรพวกนี้มันก่อ…โอว เชี่ย!”
พูดไปได้แค่ครึ่งเดียว เสียงของเบิร์ดก็ขาดหายไป จากนั้นก็มีเสียงของคนที่ถูกเหวี่ยงลงกับพื้นและมีเสียงเตะดัง ‘ปึง ปึง ปึง’ จากกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง คนพวกนี้ทำร้ายไปด่าไป “แกเก่งนักเหรอ? แกเก่งมากไม่ใช่เหรอ? ลงมือกับพวกพี่น้องเราต่อสิ!”
ฉินสือโอวพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “เชี่ย! ไอ้สารเลว หยุดลงมือ…”
พอเขาคิดจะลงมือ ก็ถูกคนเอากุญแจมือมาล็อกมือทั้งสองข้างไว้ แล้วก็ถูกผลักไปด้านหน้า
เดินไปได้แค่ 20 กว่าก้าว ระยะทางสั้นๆ ฉินสือโอวรู้สึกได้ว่าเขาเดินเข้าไปในห้องมืดๆ ห้องหนึ่ง เพราะแสงไฟหายไปเมื่อมองไปที่ด้านล่างของกล่องกระดาษที่คลุมหัวเขาอยู่
มีคนจัดให้เขานั่งลง แล้วก็มีท่อกลมเย็นๆ จ่ออยู่ตรงคอเขา ในห้องพลันเงียบสงัด ไม่มีคนพูด ไม่มีเสียงฝ่าเท้า ไม่มีเสียงอะไรทั้งนั้น มีแค่ปืนที่จ่อเขาอยู่
ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่นาที เสียงเพลงดีเจอยู่ดีๆ ก็ดังอึกทึกขึ้นมา ร่างกายของฉินสือโอวสั่น เพียงชั่วครู่เดียวเสียงเพลงก็หยุด แทนที่ด้วยเสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้น “เจ้าหนุ่ม เจ้าชายแห่งอังกฤษจะมางานแต่งงานของแกใช่ไหม?”
หลังจากได้ยินคำพูดนี้ ฉินสือโอวก็นึกถึงคำพูดของเบิร์ดที่ยังพูดไม่จบ คนพวกนี้ก่ออะไร? ว่าง่ายๆ คนที่ต้องการสืบหาข่าวเกี่ยวกับเจ้าชายเฮนรีจะก่ออะไรได้ เป็นพวกผู้ก่อการร้ายไง!
ความคิดของฉินสือโอวเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ไม่พูดอะไรทั้งนั้น แค่ก้มหัวลงเพื่อดูว่าเขาจะปลดกุญแจมือได้อย่างไร!
ซีรีส์อเมริกาสร้างความลำบากให้คนอื่น เพราะฮีโร่ในละครสามารถปลดกุญแจได้ภายในไม่กี่วินาที ฉินสือโอวพยายามมาสักพักแล้ว กลับรู้สึกว่าไอ้ของเล่นนี้ยิ่งแน่นขึ้นเรื่อยๆ…
พอเห็นว่าเขาไม่ตอบ คนนั้นก็หัวเราะหึหึ “ดีมาก แกคิดจะแกล้งทำเป็นปากแข็งต่อหน้าฉันใช่ไหม? ฉันชอบไอ้คนแบบนี้ซะด้วย ครั้งก่อนคนที่ปากแข็งมีจุดจบแบบไหนกันนะ?”
มีคนพูดขึ้น “เราสับพวกมันเป็นชิ้นๆ แล้วเอาไปเลี้ยงจระเข้”
“ช่างแม่ง ไม่ต้องไปพูดมากกับมันล่ะ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา…”
พอได้ยินคำพูดนี้ หัวใจฉินสือโอวก็เต้นแรง และสาปแช่งต่อทันที “แม่งเอ๊ย ไอ้พวกเดรัจฉาน ฉันจะฆ่าพวกแกให้หมดให้ได้!”
สองประโยคนี้พูดออกมาเป็นภาษาจีนกลาง น้ำเสียงที่พูดออกมาแปลกมากเหมือนพยายามดัดเสียง เห็นได้ชัดเลยว่ามีคนกลัวว่าเขาจะฟังเสียงออกจึงทำแบบนี้
แต่เนื่องด้วยความแข็งแกร่งของหัวใจโพไซดอน ความสามารถในการฟังและแยกแยะเสียงของเขาจึงดีขึ้นมากจากเดิมไม่รู้กี่เท่า ถึงแม้ว่าเสียงนี้จะพยายามดัดออกมา แต่เขาก็ยังฟังออก นี่คือเสียงของเยียนเฟย คนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนถึงแม้จะพยายามดัดเสียง แต่สำเนียงพื้นบ้านมันติดตัวมาตั้งแต่เดิมแล้ว
เมื่อเขาสบถไปแบบนี้ เสียงหัวเราะที่ดังไปทั่วห้องก็ดังขึ้น มีคนเปิดไฟ และดึงกล่องกระดาษที่คลุมหัวเขาออก แล้วยังมีคนตะโกนอีกว่า “ฉินโซ่ว Happy Party!”
คนที่พูดประโยคนี้ก็คือเหมาเหว่ยหลง ฉินสือโอวคุ้นเคยกับเสียงเขามากที่สุด เขาเดินไปข้างหน้า มีบิลลี่ เยียนเฟย เฉินเจี้ยนหนาน หม่าจิน เฉินเหลย มีแม้กระทั่งเบลคและแบรนดอน คนทั้งกลุ่มต่างกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“เชี่ย!” ฉินสือโอวด่าได้แค่นี้
ซ่งจวินเหมยอธิบายอย่างช่วยไม่ได้ว่า “อย่าโทษพวกเราเลยนะ โคโกโร่เป็นคนต้นคิดเรื่องนี้เลย เขาบอกว่านายชอบเซอร์ไพรส์แบบนี้มากที่สุด ฉิน นายชอบจริงๆ เหรอ?”
ฉินสือโอวรู้สึกโกรธจัด จนหัวจะระเบิดออกมาแล้ว เบิร์ดขึ้นมาช่วยปลดกุญแจมือให้เขา แกว่งไปแกว่งมาแล้วพูดขึ้น “นี่เป็นกุญแจมือสำหรับคู่รัก บอสครับ จริงๆ แล้วบอสออกแรงอีกหน่อยก็หลุดออกมาแล้วครับ”
“หลุดบ้าอะไรล่ะ” ฉินสือโอวสบถ “ฉันตกใจหมดแล้วเนี่ย!”
เหมาเหว่ยหลงชี้ไปที่เขาแล้วพูดขึ้น “เฮ้ อย่าโกรธเลยนะ จะเล่นก็อย่าคิดมาก ตอนที่ฉันมาเมืองเซนต์จอห์นเป็นครั้งแรก ก็ไม่รู้ใครที่ลักพาตัวฉันเพื่อทำให้ฉันตกใจ?”
ฉินสือโอวกะพริบตาปริบๆ เหมือนจะเคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริง
ชายร่างใหญ่และชายหนุ่มเสียงประหลาดที่ก่อนหน้านี้ขับรถมารับพวกเขาก็อยู่ด้วย พวกเขากอดอกมองอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นว่าฉินสือโอวไม่โดนกุญแจมือล็อกแล้ว ก็ไปหาฮิวจ์คนน้อง
ฮิวจ์คนน้องควักเอาธนบัตรออกมาม้วนหนึ่งแล้วแบ่งให้ทั้งสองคน ชายร่างใหญ่พูดด้วยเสียงดังทุ้มว่า “ครั้งหน้าถ้ามีงานแบบนี้เรียกพวกผมอีกนะครับ ครั้งนี้ผมเตรียมตัวไม่ค่อยพร้อมเท่าไร เลยแสดงไม่ค่อยดี”
ทั้งสองคนเดินผ่านด้านข้างของฉินสือโอวไป ตบไหล่ของเขาทีละคนแล้วพูดว่า “เพื่อน เที่ยวให้สนุกหน่อยคืนสุดท้ายแล้ว พรุ่งนี้เป็นต้นไปนายก็จะเข้าไปอยู่ในโลงศพแห่งความรักแล้ว”
ทันใดนั้นฉินสือโอวพลันเข้าใจทุกอย่าง ไม่น่าเมื่อกี้มีคนตะโกนว่า ‘ปาร์ตี้’ นี่ก็คือปาร์ตี้สละโสดของเขานี่!
เป็นจริงดั่งคาด เสียงเพลงแดนซ์ของดีเจก็ดังขึ้น บิลลี่ให้เบียร์ขวดหนึ่งกับเขา พูดเสียงสูงว่า “จัดการมันเลย เมื่อกี้ก็เป็นไอ้ขวดนี้แหละที่จ่อคอของนายอยู่!”
……………………………………….