ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 133 หกสุดยอดเคล็ดวิชา
ตอนที่ 133 หกสุดยอดเคล็ดวิชา
ใช่แล้ว เป็นข้อตกลงที่มีเงื่อนงำ!
เริ่มตั้งแต่ทำภารกิจคดีขโมยของในพระราชวัง เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนและหลัง ทั้งข้างนอกข้างใน ล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นอายของข้อตกลงที่มีเงื่อนงำอย่างเข้มข้น
เยี่ยเว่ยหมิงถึงขั้นวินิจฉัยได้เลยว่านี่ไม่ใช่เพียงข้อตกลงที่มีเงื่อนงำภายในราชสำนัก ซึ่งก็คือสำนักมือปราบเทพกับลู่ติ่งกงเท่านั้น แต่ยังมีข้อตกลงลับของฝ่ายราชสำนักและฝ่ายราษฎรด้วย นั่นก็คือข้อตกลงระหว่างสำนักมือปราบเทพกับหวงเย่าซือ
ถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว จากประสบการณ์ในการทำภารกิจของเยี่ยเว่ยหมิง เหตุใดต้องให้หวงเย่าซือมารับตัวแทนด้วยล่ะ
เพียงแต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ปัญหาใหม่ก็เกิดขึ้นแล้ว
การที่รางวัลภารกิจของตนต้องผ่านมือหวงเย่าซือ อย่าบอกนะว่าโหยวจิ้นกับหวงโส่วจุนกำลังบอกใบ้หรือหยั่งเชิงตนอยู่ว่าจะให้ตนเข้าไปเกี่ยวข้องกับข้อตกลงที่มีเงื่อนงำนี้ด้วย
ขณะที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย หวงเย่าซือก็ใช้มือดึงเชือกที่มัดอยู่บนตัวชวีหลิงเฟิงขาดอย่างสบายมือพร้อมด่าว่า “เจ้าคนไร้ประโยชน์ เจ้าทำให้เกาะดอกท้อเสียหน้าหมดแล้ว!”
ยามเผชิญหน้ากับคำด่าของหวงเย่าซือ ชวีหลิงเฟิงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ปากเขากลับมีเศษผ้ายัดอยู่ นอกจากเสียงอู้อี้ก็พูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงเมื่อได้ยินหวงเย่าซือตำหนิลูกศิษย์ ก็อดปากเสียไม่ได้ “ใครว่าไม่ใช่ล่ะ ตัวเองมีความสามารถแท้ๆ ไม่คิดสร้างความผาสุกให้ประชาชนก็ว่าแย่แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะริอ่านเป็นโจร ตอนนี้ถูกด่าแล้วสิ”
“หึ!” หวงเย่าซือได้ยินแล้วกลับถลึงตาเยียบเย็นใส่เยี่ยเว่ยหมิง แล้วบอกว่า “ที่ข้าพูดไม่ใช่ปัญหาว่าควรขโมยหรือไม่ควรขโมย…
…สมบัติของฮ่องเต้เฒ่านั่น ในเมื่อขโมยมาแล้วก็ช่างเถอะ ข้าเพียงโมโหที่เจ้าไม่ก้าวหน้า ไม่น่าเชื่อว่าจะมาแพ้ด้วยน้ำมือของมือปราบเล็กๆ คนเดียว”
ขณะที่พูด หวงเย่าซือก็คลายเชือกบนตัวชวีหลิงเฟิงออกหมดแล้ว ตามด้วยดึงเศษผ้าที่ยัดอยู่ในปากเขาทิ้ง พร้อมโบกมือห้ามไม่ให้อีกฝ่ายเถียง เสร็จแล้วถึงได้หันตัวกลับมา ยื่นมือทวงของจากเยี่ยเว่ยหมิง “ยาถอนพิษ!”
เมื่อเห็นท่าทีเย่อหยิ่งอวดดีของหวงเย่าซือ หากไม่ใช่เพราะรางวัลภารกิจของตัวเองยังอยู่ในมืออีกฝ่าย เขาก็อยากจะให้มารเฒ่านี่ไปหาทางถอนพิษให้ชวีหลิงเฟิงเอาเองจริงๆ
เพียงแต่ตอนนี้…เขาไปยั่วโมโหมารเฒ่าหวงไม่ได้จริงๆ
ต่อให้ต้องการจะโมโห ก็ต้องรอให้ได้รางวัลภารกิจมาก่อน
เขาโยนยาถอนพิษสายลมโศกาให้หวงเย่าซือ พร้อมบอกว่า “จ่อตรงจมูกแล้วดมนิดหน่อยก็พอ ใช้เสร็จแล้วคืนให้ข้าด้วย”
“ใจคอคับแคบ สมกับเป็นคนของทางการ” ปากพูดแขวะไปประโยคหนึ่งแล้วหวงเย่าซือก็ไม่สนใจเยี่ยเว่ยหมิงที่กำลังมีสีหน้าหงุดหงิดอีก หลังจากหันตัวไปถอนพิษให้ชวีหลิงเฟิงแล้ว ก็ไม่ปล่อยโอกาสให้เจ้าตัวพูด เขาหันหน้ากลับมา โยนยาถอนพิษกลับมาให้เยี่ยเว่ยหมิงพร้อมบอกว่า “เจ้าเด็กเจ้าเล่ห์ ข้าชอบเจ้ามาก”
เจ้าน่ะคิดเองเออเองว่าตัวเองเป็นคนดีใช่หรือเปล่า
ใครจะสนว่าเจ้าจะชอบหรือไม่ชอบ
เยี่ยเว่ยหมิงข่มนิสัยเจ้าอารมณ์เล็กน้อยของตัวเองไม่ไหวแล้วจริงๆ ต่อให้ข้าสู้เจ้าไม่ไหว แต่ข้าจะด่าไม่ชนะเจ้าเชียวหรือ
แต่ยังไม่ทันรอให้เขารวบรวมคำด่าเสร็จ หวงเย่าซือก็บอกอีกว่า “ดังนั้น ข้าก็ไม่อยากสิ้นเปลืองคำพูดกับเจ้าเกินความจำเป็นแล้ว พูดเรื่องรางวัลภารกิจของเจ้าเลยแล้วกัน”
เรื่องนี้ได้อยู่แล้ว!
สีหน้าโกรธเคืองของเยี่ยเว่ยหมิงถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มทันที พร้อมส่งสัญญาณมือที่สื่อว่า ‘เชิญ’ ให้หวงเย่าซือ
เชิญท่านดำเนินการต่อไป!
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงแสดงออกว่าใจร้อนกับผลสำเร็จขนาดนี้ แววตาของหวงเย่าซือก็เปลี่ยนเป็นดูถูกมากกว่าเดิม พร้อมตัดสินใจแล้วว่าจะรีบจบบทสนทนากับเจ้าเด็กนี่ให้เร็วที่สุด
เพียงแต่ตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ สิ่งที่ควรจะพูด เขาก็ยังต้องพูดออกมาให้กระจ่าง “วิทยายุทธ์ที่ผู้แซ่หวงนี้เรียนมาทั้งชีวิต วิชาที่ข้าภูมิใจที่สุดมีอยู่หกวิชา มีฝ่ามือตัดอากาศ ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ เคล็ดกระบี่ขลุ่ยหยก ฝ่ามือกระบี่เทพบุปผาโรย บาทาพายุกวาดใบไม้ รวมทั้งเพลงกวนกระแสทะเลครามที่เจ้าเพิ่งได้ยิน”
พอได้ยินหวงเย่าซือเริ่มคุยโม้แนะนำวิทยายุทธ์ของตัวเอง เยี่ยเว่ยหมิงก็อดฉงนสนเท่ห์ไม่ได้
บอกว่าจะแจกรางวัลภารกิจให้ข้าไม่ใช่หรือ เจ้าส่งต่อรางวัลภารกิจที่โหยวจิ้นหรือหวงโส่วจุนไหว้วานให้เจ้ามาส่งก็สิ้นเรื่องแล้ว จำเป็นต้องพูดอะไรเยอะแยะด้วยหรือ
เพียงแต่คำพูดประโยคต่อมาของหวงเย่าซือ กลับทำให้เขาที่เดิมทีไม่สนใจเปลี่ยนความคิดแล้ว “รางวัลภารกิจของเจ้า คือหนึ่งในหกสุดยอดวิชานี้”
(⊙_⊙)?
คำพูดของหวงเย่าซือ เยี่ยเว่ยหมิงฟังจนเผยสีหน้างุนงง “จะว่าไปแล้ว รางวัลภารกิจของผู้เล่นสำนักมือปราบเทพอย่างข้า เหตุใดจึงเป็นทักษะยุทธ์ของท่านล่ะ”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ สีหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากของหวงเย่าซือก็แย่ลงทันที “หึ! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า เจ้าจะเลือกเรียนหรือไม่เรียน!”
ฟังจากน้ำเสียง เหมือนเจ้าหมอนี่จะเพิ่งเสียเปรียบมาหรือเปล่า
ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นนะ!
เพียงแต่เพื่อรางวัลภารกิจของตัวเอง เยี่ยเว่ยหมิงย่อมไม่เลือกยั่วโมโหอีกฝ่ายในเวลานี้อยู่แล้ว จึงแสร้งใช้นิ้วแหย่หูของตัวเองเหมือนไม่ได้ตั้งใจ “ท่านว่ามาเลย ข้าจะล้างหูรอฟัง”
หวงเย่าซือเห็นเขาทำอย่างนั้นแล้วก็ไม่ได้พูดมาก บอกตรงๆ เลยว่า “จุดเด่นของทักษะยุทธ์หกวิชานี้ ข้าจะพูดเพียงรอบเดียว เจ้าฟังให้ดีแล้วกัน”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าซ้ำๆ “รีบบอกมาเถอะ อย่ามัวพูดสิ่งที่ไร้ประโยชน์”
หวงเย่าซือ “…”
“วิชาแรกก็คือ ‘ฝ่ามือตัดอากาศ’ วิชา ‘ฝ่ามือตัดอากาศ’ นี้ก็คือเคล็ดฝ่ามือที่หลิงเฟิงเรียนมา ความวิจิตรตระการตากับประสิทธิภาพของกระบวนท่าล้วนสำคัญ สู้กับศัตรูในระยะประชิดและปล่อยพลังฝ่ามือผ่านอากาศเพื่อทำร้ายศัตรูได้อย่างไร้ร่องรอย ตอนประลองกระบี่ที่เขาหัวซานในปีนั้น ข้าเคยใช้เคล็ดฝ่ามือนี้สู้กับ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ของหงชีกงได้อย่างสูสี”
ความหมายในคำพูดนี้ก็คือ ยังเทียบกับสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรไม่ได้กระมัง
เยี่ยเว่ยหมิงเป็นคนที่ฟังเสียงดนตรีแล้วเข้าใจความหมาย ย่อมไม่ถูกวาทศิลป์ของหวงเย่าซือทำให้สับสนอยู่แล้ว
เพียงแต่ถึงอย่างไรสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรก็เป็นสุดยอดวิชาบู๊ลิ้มที่มีชื่อเสียงมาก ก็เหมือนกับชื่อเสียงของห้ายอดฝีมือแห่งใต้หล้า แม้อาจจะไม่ได้ฝีมือแข็งแกร่งที่สุด แต่มีชื่อเสียงที่สุดแน่นอน
ส่วนฝ่ามือตัดอากาศก็อ่อนแอกว่านิดหน่อย แต่ก็ยังพอรับไหว
ประกอบกับได้เห็นผลลัพธ์ที่ชวีหลิงเฟิงแสดงออกมาก่อนหน้านี้กับตาตัวเอง ได้เจอกับตัวเอง นั่นก็เพียงพอให้ตกตะลึงแล้ว
อืม จำวิชานี้ไว้ก่อนแล้วกัน ฟังข้อมูลวิชาอื่นก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ตอนนี้หวงเย่าซือพูดต่อว่า “ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ ใช้พลังนิ้วดีดยิงหินได้ นี่คือวิชาอาวุธลับที่แข็งแกร่งมาก ขณะเดียวกันก็ดีดโจมตีอาวุธของศัตรูตอนต่อสู้ระยะประชิดได้ด้วย เป็นสุดยอดวิชาที่โจมตีได้ทั้งระยะไกลและระยะประชิด”
หึหึ วิชาอาวุธลับ เทียบกับของสำนักถังเหมินได้หรือเปล่า ทั้งยังโจมตีได้ทั้งระยะใกล้และระยะไกลด้วย
เชี่ยวชาญหลายอย่าง มักไม่ได้เรื่องสักอย่าง!
ไม่พิจารณา!
“เคล็ดกระบี่ขลุ่ยหยก กระบวนท่าลึกซึ้งและยอดเยี่ยม เน้นโจมตีจุดเลือดลมของศัตรูเป็นหลัก ท่ากระบี่สง่างาม เป็นดาวข่มของอาวุธลับในใต้หล้า”
วิชานี้ก็ไม่เลวเลย เพียงแต่ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้ขาดแคลนเคล็ดกระบี่ กลับต้องการเคล็ดหมัดมวยสักวิชามาเสริมข้อบกพร่องของตัวเองมากกว่า ดังนั้นสำหรับเขาแล้ว ‘ฝ่ามือตัดอากาศ’ มีแรงดึงดูดใจมากกว่า
“ฝ่ามือกระบี่เทพบุปผาโรย เคล็ดฝ่ามือชุดนี้เป็นสิ่งที่ข้าดัดแปลงมาจากเคล็ดกระบี่ ตอนตั้งชื่อจึงเพิ่มคำว่า ‘กระบี่เทพ’ เข้าไปด้วย ท่าฝ่ามือดุเดือดรุนแรงดุจกระบี่ ตอนใช้เหมือนมีดอกไม้โรย ทั่วทิศล้วนเป็นเงาฝ่ามือ ยิ่งผู้ใช้มีความตระหนักรู้ต่อเคล็ดกระบี่ลึกซึ้ง ประสิทธิภาพของเคล็ดฝ่ามือก็ยิ่งแข็งแกร่ง”
มีเคล็ดวิชาอย่างนี้อยู่ด้วยหรือ!
เมื่อได้ยินคำอธิบายของฝ่ามือกระบี่เทพบุปผาโรย เยี่ยเว่ยหมิงก็ตาลุกวาวทันที
ต้องกล่าวว่าเขาเชี่ยวชาญเคล็ดกระบี่มาตลอด
ส่วนลักษณะพิเศษ ‘ฝ่ามือกระบี่เทพบุปผาโรย’ นี้ ไม่น่าเชื่อว่าประสิทธิภาพจะเปลี่ยนไปตามความเชี่ยวชาญเคล็ดกระบี่ นี่เป็นวิชาที่เตรียมไว้เพื่อเขาจริงๆ!
การเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของเยี่ยเว่ยหมิงอยู่ในสายตาของหวงเย่าซือตลอด ปากเขาพูดต่อไปว่า “บาทาพายุกวาดใบไม้ เป็นวิชาบาทาที่ไม่เป็นสองรองใคร ราวกับลมพายุกวาดใบไม้ ประสิทธิภาพน่าทึ่ง”
เป็นวิชาที่ดี!
เพียงแต่หากพูดในมุมของความเข้ากันได้ ก็ยังเทียบ ‘ฝ่ามือกระบี่เทพบุปผาโรย’ ของข้าไม่ได้หรอก
แม้รางวัลจะยังมาไม่ถึงมือ แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ตัดสินใจแล้วว่า ‘ฝ่ามือกระบี่เทพบุปผาโรย’ ต้องเป็นของเขา
นี่เป็นสภาพจิตใจแบบไหนกัน
เป็นสภาพจิตใจที่หน้าไม่อายประเภทหนึ่ง!
เมื่อพูดถึง ‘บาทาพายุกวาดใบไม้’ จบ หวงเย่าซือเล่นขลุ่ยหยกในมือ พร้อมอธิบายว่า “ส่วนวิชาสุดท้าย ‘เพลงกวนกระแสทะเลคราม’ เมื่อครู่นี้เจ้าก็ได้รับรู้แล้ว ได้สัมผัสประสบการณ์ด้วยตัวเองมีประโยชน์กว่าคำอธิบายอะไรทั้งนั้น เพียงแต่เพลงนี้ต้องอาศัยเสียงสัมผัสทางดนตรีประกอบ ยิ่งมีความรู้ทางด้านเสียงสัมผัสลึกซึ้ง ประสิทธิภาพของเพลงนี้ถึงจะดียิ่งขึ้น”
ในสายตาของเยี่ยเว่ยหมิง ‘เพลงกวนกระแสทะเลคราม’ นี้เรียกได้ว่าเขียนเครื่องหมายเท่ากับกับ ‘วิชาราชสีห์คำราม’ ของเซี่ยซุนได้เลย ล้วนจัดเป็นประเภทวิชาไร้เทียมทานหากสู้กับศัตรูระดับต่ำกว่า แต่เมื่อสู้กับยอดฝีมือระดับเดียวกัน ก็แทบจะเป็นทักษะซี่โครงไก่[1]ที่ไม่มีประโยชน์อะไรนัก
ความแตกต่างเดียวก็คือ เมื่อเทียบกับเสียงตะโกนของ ‘วิชาราชสีห์คำราม’ แล้ว เห็นได้ชัดว่า ‘เพลงกวนกระแสทะเลคราม’ สง่างามกว่ามาก
เมื่อเทียบกับ ‘วิชาราชสีห์คำราม’ ไม่รู้ว่าเหนือกว่าตั้งเท่าไร…
เหลวไหล! (╯‵□′)╯︵┴─┴
จะให้ชายชาตรีอย่างข้ามาเรียนเป่าขลุ่ยอย่างนั้นหรือ
หน้าอับอายไหมล่ะ
(แค่กๆ เหมือนเข้าไปปะปนกับของแปลกอะไรสักอย่าง อย่าไปใส่ใจรายละเอียดพวกนั้นเลย…)
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังแขวะต่างๆ นานาอยู่ในใจ ดวงตาของหวงเย่าซือก็จ้องตาของเขาแล้ว “ตอนนี้ บอกสิ่งที่เจ้าเลือกมาได้แล้ว”
[1] ซี่โครงไก่ 鸡肋 หมายถึงประโยชน์ไม่เยอะแต่จะทิ้งก็เสียดาย