ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 185 กระบวนท่าเด็ด ทักษะยุทธ์ดี!
ตอนที่ 185 กระบวนท่าเด็ด ทักษะยุทธ์ดี!
“อื้ม!…”
เสียงสูดลมหายใจเสพสุขดังมาจากฝั่งซ้ายของเยี่ยเว่ยหมิง พอหันไปมอง ก็เห็นขอทานวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังใช้สองมือประคองเนื้อย่างของเขาขึ้นมาสูดดมอยู่ตรงจมูก สีหน้าเคลิบเคลิ้มมาก
เมื่อเห็นเนื้อย่างอยู่ใกล้กับจมูกของขอทานขนาดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ล้มเลิกความคิดที่จะแย่งมันกลับมา
พอนึกได้ว่าก่อนหน้านี้อีกฝ่ายลงมือเร็วมาก เยี่ยเว่ยหมิงถึงขั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาโผล่มาตอนไหน เนื้อย่างก็ถูกชิงไปแล้ว จากจุดนี้ก็ทำให้มองออกได้ว่าคนผู้นี้มีค่าตบะสูงขนาดไหน ไม่ใช่สิ่งที่เยี่ยเว่ยหมิงในตอนนี้จะเทียบติด
ไม่มีสาเหตุอะไรทั้งนั้น จู่ๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็นึกขึ้นได้ถึงตอนที่ช่วยมู่เนี่ยนฉือเก็บของก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายจงใจคุยกับเขาว่า ยาจกอุดรหงชีกงคือคนที่ถ่ายทอดวิชาให้นางเป็นเวลาสามวัน
หลังจากนึกออกถึงความเป็นไปได้บางอย่าง เยี่ยเว่ยหมิงก็ฮึกเหิมทันที เขาเริ่มมองประเมินขอทานวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างละเอียดแล้ว
คนผู้นี้มีรูปหน้าเหลี่ยม มีเคราเล็กน้อย มือหยาบเท้าใหญ่ เสื้อผ้าบนตัวเต็มไปด้วยรอยปะ แต่กลับสะอาดสะอ้าน ในมือถือไม้เท้าไผ่เขียวด้ามหนึ่ง สีเขียวชอุ่มราวกับหยก บนหลังไม้เท้าห้อยน้ำเต้าที่ทาด้วยสีแดง แดงฉานราวกับไฟ
เยี่ยเว่ยหมิงตั้งใจมองสองมือของคนผู้นี้อีกรอบหนึ่ง กลับเห็นบนมือขวาของเขาขาดนิ้วชี้ไปหนึ่งนิ้ว ลักษณะเด่นต่างๆ เหมือนกับยาจกอุดรหงชีกงที่มีฉายาว่า ‘เทพขอทานเก้านิ้ว’ ไม่มีผิด
เป็นเขาจริงๆ ด้วย!
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังสังเกตดูหงชีกง หงชีกงก็กำลังสังเกตเนื้อย่างของเยี่ยเว่ยหมิงอย่าง…ละเอียดเช่นกัน
ขณะที่กำลังสังเกต ปากก็ยังอดพูดไม่ได้ว่า “เนื้อย่างชิ้นนี้ไม่ว่าจะเป็นสีหรือกลิ่นล้วนไร้ที่ติ ถ้าไม่ใช่พ่อครัวระดับสุดยอดคงทำไม่ได้แน่”
เขาว่าพลางยื่นมือฉีกเนื้อย่างลงมาเส้นหนึ่ง หลังจากใส่ปากเคี้ยวยังพิถีพิถัน ก็กล่าวด้วยตาเป็นประกายว่า “เป็นเนื้อหมาป่าย่าง!”
จากนั้นก็ส่ายหน้าอีกพักหนึ่ง “น่าเสียดายแล้ว อาหารป่าระดับนี้ ฝีมือระดับนี้ ตอนปรุงเนื้อย่างกลับขาดเครื่องปรุงบางอย่างไป ทั้งยังทำให้รสชาติเค็มมาก เพียงแต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีเครื่องปรุงแล้วยังย่างเนื้อหมาป่าให้กลายเป็นอาหารที่ล้ำค่าได้เช่นนี้ ก็นับว่าเปลี่ยนจากของแย่ให้เป็นของดีได้แล้ว”
ขณะที่พูด เขาก็หันกลับมามองเยี่ยเว่ยหมิง “ข้าเดาว่า เจ้าเป็นคนย่างเนื้อนี้เองหรือ”
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า “นี่เป็นฝีมือของน้องชายคนหนึ่งของข้า เขาย่างให้ข้าสิบกว่าชิ้นเพื่อเป็นของที่ระลึก แต่ตอนนี้เหลือแค่สามชิ้นแล้ว”
หงชีกง (*/ω\*)
พอได้ยินว่าเนื้อย่างคือของที่ระลึกที่สหายของเยี่ยเว่ยหมิงทำไว้ให้ หงชีกงก็เริ่มรู้สึกละอายใจขึ้นมาเล็กน้อย
เพียงแต่รสชาติที่หาได้ยากเช่นนี้ หากจะให้เขาคืนกลับไป ขอทานเฒ่าบอกตรงๆ เลยว่าตัดใจทิ้งไม่ลง
หลังจากคิดวนเวียนอยู่หนึ่งวินาที หงชีกงก็ตัดสินใจเปลี่ยนประเด็นสนทนาเพื่อบรรเทาความละอายของตัวเอง “เมื่อครู่ข้าเห็นเจ้าถือเนื้อหมาป่าย่างชิ้นนี้ ทำท่าเหมือนอยากกินแต่ก็ไม่กิน เหมือนสับสนลังเลมาก อย่าบอกนะว่าเป็นสิ่งที่สหายมอบไว้ให้หลายปีแล้ว ถึงตัดใจกินไม่ลง”
“ก็ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” เมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่แยกตัวออกจากสังคมอย่างหงชีกง เยี่ยเว่ยหมิงตัดสินใจจะซื่อสัตย์สักครั้ง “เจ้าเองก็ดูออกแล้วว่าเนื้อย่างชิ้นนี้เคยถูกคนกัดไปหนึ่งคำ ค่าสเตตัสที่อยู่บนนั้นจึงไม่มีแล้ว เป็นเพียงอาหารธรรมดาชิ้นหนึ่งเท่านั้นเอง อีกทั้งคำที่กัดไปก่อนหน้านี้ ก็ต้องเป็นตอนระหว่างต่อสู้อยู่แล้ว ใช้เพื่อเพิ่มค่าสเตตัสชั่วคราว…”
หลังจากชะงักไปครู่เดียว เขาก็กล่าวพร้อมรอยยิ้มเจื่อนเล็กน้อย “ที่กลุ้มใจที่สุดก็คือ เนื้อย่างแบบนี้มีทั้งหมดสามชิ้น สองชิ้นในจำนวนนั้นเป็นข้าเองที่กัดไปหนึ่งคำ ส่วนอีกชิ้นเป็นของที่สหายข้ากัด”
ขณะที่พูดก็แบมือยักไหล่ “ดังนั้น ตอนที่ข้ายังแยกไม่ออกว่าชิ้นไหนใครกัด ก็เลยลังเลนิดหน่อย”
“อ้อ?” หงชีกงมองเยี่ยเว่ยหมิงแวบหนึ่งอย่างไม่พอใจนิดหน่อย “สหายคนนั้นของเจ้าเป็นผู้ชายหรือ”
ด้วยท่าทีของหงชีกงที่มีต่ออาหาร สำหรับคนมีชื่อเสียงรักสะอาด ย่อมไม่พอใจอยู่แล้ว
“เป็นสตรี” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า “เป็นแม่นางที่งดงามมาก ลักษณะโดดเด่นเหนือคนธรรมดา”
“คร่ำครึ!” หงชีกงเหน็บแนม
“ไม่ใช่ปัญหาว่าคร่ำครึหรือไม่” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าอีกครั้ง เมื่ออยู่ต่อหน้าขอทานเฒ่าคนนี้ จู่ๆ เขาก็เลิกสนใจจะปิดบัง ส่งเสริมคุณธรรมชาวยุทธ์ของตัวเองที่มีอะไรก็พูดกันตรงๆ ตอบอย่างสงบนิ่งมากกว่า “หากทั้งสองคนอยู่ตรงหน้ากันและกัน เจ้ากัดคำหนึ่งข้ากัดคำหนึ่ง นั่นเรียกว่าโรแมนติก แต่หากกินเนื้อย่างที่สตรีเคยกัดไปหนึ่งคำมากินลับหลัง เจ้าไม่รู้สึกว่าดูโรคจิตหรอกหรือ”
เอ่อ…
เมื่อหงชีกงได้ยินดังนั้น ในหัวก็ปรากฏภาพเยี่ยเว่ยหมิงใช้สองมือประคองเนื้อย่างทันที แล้วก็นึกถึงภาพแม่นางคนหนึ่ง สีหน้ามีแต่ความน่ารังเกียจ มุมปากยังมีน้ำลายไหลด้วย ทำให้เขาอดตัวสั่นไม่ได้
“เอ่อ คือ…ที่จริงอาหารอร่อยก็คืออาหารอร่อย ตอนที่ในใจของเจ้ามีเพียงอาหารอร่อย ไม่มีความคิดอย่างอื่น ถึงจะได้รสชาติที่แท้จริงของอาหารอร่อย” ขณะที่พูดอยู่นั้น หงชีกงก็กินเนื้อย่างที่อยู่ในมือจนหมดเกลี้ยงภายในสองคำ
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นหงชีกงกินอย่างเอร็ดอร่อย จึงนำเนื้อย่างอีกสองชิ้นที่ทำให้เขาลังเลมอบให้ด้วยเสียเลย อีกฝ่ายย่อมรับไว้อย่างไม่เกรงใจ แต่ครั้งนี้กลับไม่ได้รีบกิน ถามคำถามที่ฟังดูเหมือนไม่ตรงประเด็น
“ในเมื่อข้าเป็นขอทาน ย่อมมีจิตสำนึกของขอทาน ยามปกติกินของเหลือที่คนอื่นไม่กิน แต่ไม่ขโมยอาหารของชาวบ้านเด็ดขาด” เขาชะงักไปครู่เดียว แล้วถามเยี่ยเว่ยหมิงอีกว่า “แต่ข้ากลับลงมือชิงเนื้อย่างของเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด”
ก็เพราะเจ้าจะมาแจกรางวัลภารกิจให้ข้าล่ะสิ!
ที่จริงภารกิจ ‘ประลองยุทธ์เลือกคู่’ นี้ นอกจากคะแนนสะสมที่ต้องได้แน่นอนอยู่แล้ว ผู้เล่นที่ได้รับตำแหน่งชนะเลิศและปลดล็อกภารกิจเนื้อเรื่องอย่างเขาก็ไม่มีรางวัลเพิ่มเติมใดๆ อีกแล้ว สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกใจมากมาตลอด
นอกจากนี้ ในข้อมูลไอเทมดรอปของหวันเหยียนคังก็บอกไว้ว่าต้องรอให้ภารกิจสิ้นสุดก่อนถึงจะเปิดจดหมายฉบับนี้ได้ แต่จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เช่นกัน
นี่ก็เป็นหลักฐานหนึ่งที่บอกว่าภารกิจ ‘ประลองยุทธ์เลือกคู่’ นี้ยังไม่จบ
อีกทั้งตอนที่มู่เนี่ยนฉือเก็บของ นางก็ดึงดันจะคุยกับเขาเรื่องหงชีกงให้ได้ ตอนนั้นเขาก็แค่รู้สึกแปลกใจ กระทั่งเทพขอทานเก้านิ้วผู้นี้มาปรากฏตัวต่อหน้าเขาโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เขาถึงได้เข้าใจกระจ่างโดยพลัน
ที่แท้รางวัลสุดท้ายของภารกิจนี้ ต้องรอให้ขอทานเฒ่าเป็นคนแจกให้นี่เอง!
ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว ยอดฝีมือระดับหงชีกงจะมาหาผู้เล่นคนหนึ่งโดยไร้เหตุผลได้อย่างไร
เป็นพระเจ้ามีของอร่อยหรือ
เหลวไหล!
ตัวเอกของเรื่องต่างหากที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างนั้น ไม่ใช่ผู้เล่น!
ในเมื่อหงชีกงเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ที่จะแจกรางวัลภารกิจ เช่นนั้นสำหรับเนื้อย่างสองชิ้นที่ตัวเองยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะกิน หรือไม่กินดี เยี่ยเว่ยหมิงก็ย่อมไม่พูดมากอยู่แล้ว
แต่สำหรับคำถามที่หงชีกงเอ่ยถามก่อนหน้านี้ เยี่ยเว่ยหมิงย่อมไม่อาจตอบอย่างตรงไปตรงมาขนาดนั้นได้ จึงถามหยั่งเชิงเขาว่า “เพราะข้าไม่ใช่ชาวบ้านหรือ”
ก็ข้าเป็นขุนนางไง!
ยศขั้นหกด้วย!
“หึ! ต่อให้เป็นขุนนาง แต่ตราบใดที่ไม่ใช่ขุนนางสุนัขที่ข่มเหงรังแกชาวบ้าน ขอทานเฒ่าคนนี้ก็ไม่แย่งอาหารของเจ้าหรอก!” หงชีกงเบะปากเหยียดหยาม แล้วบอกตามตรงว่า “สาเหตุที่ข้ากล้าแย่งของเจ้า ก็เพราะข้าจะไม่กินเนื้อย่างของเจ้าโดยไม่จ่ายค่าตอบแทน”
ขณะที่พูด หงชีกงก็หยิบกระดาษสีเหลืองหน้าหนึ่งออกมาจากหน้าอกตัวเอง แปะตรงหน้าอกเยี่ยเว่ยหมิงพร้อมบอกว่า “ให้เจ้า! นำสิ่งนี้มาชดเชยให้อาหารอร่อยของเจ้าก็น่าจะเพียงพอแล้ว ขอทานเฒ่าคนนี้ขอตัว…”
พอพูดจบ หงชีกงการใช้ท่าร่างเดินทางจากไปจนหายลับ
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็มองบนแผ่นกระดาษในมือตัวเอง
[มังกรซ่อนกบดาน (ระดับสูง): สุดยอดวิชา] หนึ่งในกระบวนท่าของสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร เนื่องจากมีเพียงกระบวนท่าเดียว จึงนับเป็นวิทยายุทธ์ระดับสูงได้
เงื่อนไขการฝึก
ความแข็งแกร่ง: 200
พละกำลัง: 200
กำลังภายในสูงสุด: 3000