ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 193 เหมยเชาเฟิงที่น่าสะพรึงกลัว!
ตอนที่ 193 เหมยเชาเฟิงที่น่าสะพรึงกลัว!
สตรีที่รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนผีมากกว่าเหมือนคนตรงหน้าพวกเขานี้ หลังจากปรากฏตัวแล้วก็ไม่ได้เงยหน้ามองเยี่ยเว่ยหมิง นางหันหน้าไปด้านข้างเล็กน้อย ทำให้หูข้างขวาของนางอยู่ใกล้กับจุดที่เยี่ยเว่ยหมิงยืนอยู่มากกว่าเดิม
พอมองดวงตาของนางให้ละเอียดอีกครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้พบว่า แม้กระทั่งตอนเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างเขา นางก็ยังคงหลับตาสนิททั้งสองข้าง
เช่นนั้นคำอธิบายเพียงอย่างเดียวที่สมเหตุสมผลก็คือ ผู้หญิงคนนี้ตาบอด!
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังสังเกตผู้หญิงที่พรวดพราดออกมาจากประตูพัง อีกฝ่ายก็คอยฟังทุกการเคลื่อนไหวของเขาเช่นกัน “เจ้าเด็กเปรต เมื่อครู่เจ้าเพิ่งบอกว่าเจ้าสังหารหวันเหยียนคังลูกศิษย์ของข้าอย่างนั้นหรือ”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกลับเอามือนวดจมูก “หากตอนนี้ข้าตอบว่าไม่ใช่ เจ้าจะหลีกทางให้ ปล่อยพวกเราไปทันทีหรือ”
ดูจากวิธีการที่อีกฝ่ายปรากฏตัวก็รู้แล้วว่าไม่ได้มาดีแน่นอน ต่อให้เยี่ยเว่ยหมิงยืนกรานปฏิเสธก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี แม้เขาจะใช้วาทศิลป์เกลี้ยกล่อมอย่างไร อย่างน้อยอีกฝ่ายก็จะโจมตีเพื่อจัดการเขาก่อน จากนั้นก็ค่อยหาหลักฐานมาพิสูจน์เพื่อลงมือ
ดังนั้น การต่อสู้ที่ควรจะเกิดขึ้นก็ยังต้องเกิดขึ้น
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ต้องไม่เกรงใจนางอยู่แล้ว เขาปฏิบัติต่อนางด้วยท่าทีที่เหมือนคนไม่แยแสสังคม
เป็นอย่างที่คาดไว้ สตรีตาบอดได้ยินแล้วเดือดดาลมาก “เจ้าเด็กนี่รนหาที่ตาย!”
“แน่จริงก็เข้ามาสิ!” เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่เกรงใจเช่นกัน
หลังจากปลดล็อกเงื่อนไขการใช้งานแอคทีฟสกิลไท้ซัวเป็นไฉนแล้ว สตรีตาบอดก็ราวกับถูกกระตุ้น สองมือของนางกลายเป็นกรงเล็บโผมาที่เขา
ในขณะเดียวกัน เยี่ยเว่ยหมิงก็ได้เห็นชื่อกับเลเวลที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของอีกฝ่ายชัดเจนแล้ว
ทว่าตอนยังไม่เห็นก็ยังดีๆ อยู่ แต่พอได้เห็นแล้ว เขากลับตกใจจนสูดหายใจลึก!
[เหมยเชาเฟิง]
หนึ่งในลมทมิฬคู่พิฆาต ฉายาศพเหล็ก
เลเวล: ???
พลังชีวิต: ???/???
กำลังภายใน: ???/???
……
มารดาเจ้าเถอะ!
แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะเคยคิดมาก่อนว่าเมื่ออยู่ในภารกิจระดับหกดาวอาจจะเจอผู้แข็งแกร่งที่รับมือได้ยาก แต่เขาก็ยังไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย
เมื่อครู่เพิ่งสังหารพญามังกรประตูปีศาจซาทงเทียนที่เป็นบอสเลเวลห้าสิบห้า ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงจึงไร้ความหวาดกลัว
เขาลำพองใจ!
ทว่า เขานึกไม่ถึงเลย!
ว่าศัตรูร้ายกาจที่ระบบสุนัขนี้จัดมาให้เขา จะร้ายกาจได้ถึงขั้นนี้!
เครื่องหมาย ‘???’ หมายถึงอะไร
หมายถึงเลเวลของตัวเองกับอีกฝ่ายต่างกันเกินไป ต่างกันจนถึงขั้นไม่มีทางหยั่งรู้ฝีมือของอีกฝ่ายได้!
ก่อนหน้านี้ เยี่ยเว่ยหมิงเคยเจอเพียง BOSS ที่มีเครื่องหมาย ‘???’ แสดงเลเวลเท่านั้น
คนแรกคือราชสีห์ขนทองเซี่ยซุนที่เจอบนเกาะเขาหวังผาน
ส่วนอีกคนก็เพิ่งเจอก่อนหน้านี้ไม่นาน ก็คือมารบูรพาหวงเย่าซือ ซึ่งเจอกันตอนที่ไปตามจับชิวหลิงเฟิงในหมู่บ้านหนิวเจีย
คนที่สามก็ย่อมเป็นพิษประจิมโอวหยางเฟิงที่เพิ่งเจอกันวันนี้
ส่วนคนที่อยู่ตรงหน้า ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะแสดงเครื่องหมายอันลึกล้ำยากคาดเดาเช่นเดียวกัน น่ากลัวเกินไปแล้ว
อย่างไรเสียก็ไม่เหมือนหลายคนก่อนหน้านี้
สตรีตาบอดที่ไม่รู้ว่าเป็นคนหรือผี แต่ชัดเจนมากว่าต้องการเล่นงานเขาให้ถึงตาย!
หากจะถามว่าอีกฝ่ายมีศักยภาพแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่
ถ้าให้ประเมินด้วยตัวเลขต่ำสุด ก็น่าจะเก่งกว่าหวังชู่อีที่เลเวลเจ็ดสิบเจ็ด!
ยามเผชิญกับศัตรูที่ร้ายกาจเช่นนี้ จะสู้หรือไม่สู้ดีล่ะ
ขณะมองท่าร่างของนางที่เคลื่อนไหวเหมือนผี ชั่วพริบตาเดียวก็มาถึงตรงหน้าเขาแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ถอยหลังก้าวหนึ่งโดยสัญชาตญาณ ขณะเดียวกันมือขวาที่เหมือนกำลังลนลานมากก็ผลักออกมาหนึ่งที แต่ฝ่ามือนี้กลับสกัดกรงเล็บที่มาพร้อมจิตสังหารอันไร้ที่สิ้นสุดของอีกฝ่ายได้
เหมยเชาเฟิงแม้ตาบอดสองข้าง แต่ยามลงมือกลับเหมือนเห็นทุกอย่าง กรงเล็บขวาของนางตรงไปคว้าข้อมือที่เยี่ยเว่ยหมิงผลักออกมาเสียเลย
วินาทีถัดมา กระบวนท่ามังกรซ่อนกบดานก็ได้ปลดล็อกเงื่อนไขการโจมตี กำลังภายในที่โหมซัดสาดกลายเป็นพลังฝ่ามือรูปมังกรแถวหนึ่ง ขณะที่ทำให้นิ้วทั้งห้าของเหมยเชาเฟิงเด้งออก พลังนี้ก็โจมตีไปที่หน้าอกของนางด้วยเช่นกัน
กรรร!
เมื่อเห็นว่าการโจมตีครั้งนี้สำเร็จ มุมปากของเยี่ยเว่ยหมิงก็เผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะออกมา
ทว่าผ่านไปครู่เดียว รอยยิ้มของเขากลับชะงักแล้ว
ยามเผชิญกับพลังฝ่ามือของ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ เหมยเชาเฟิงกลับยื่นมือซ้ายที่แนบอยู่ข้างลำตัวออกมาโดยไม่หลบหลีก มือขวาที่เพิ่งถูกโจมตีเด้งกลับมา ตอนนี้พลันไขว้กับมือซ้ายตรงหน้าตัวเอง เสียงกรงเล็บแหลมดังเสียดหู ไม่น่าเชื่อว่าจะฉีกทำลายพลังฝ่ามือ ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว!
สาเหตุที่เกิดสถานการณ์อย่างนี้ได้ ก็ย่อมไม่ใช่เพราะพลัง ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ไม่ได้เรื่อง แต่เป็นเพราะค่าสเตตัสของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ต่างกับอีกฝ่ายเกินไปจริงๆ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสรุปถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา
แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่พลังฝ่ามือของ ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ถูกกระตุ้นให้โจมตีออกมา บนมือซ้ายของเยี่ยเว่ยหมิงก็คีบลูกดีดเหล็กไว้แล้ว พอดีดมันออกมา ลูกดีดเหล็กก็ยิงไปถูกหว่างคิ้วของเหมยเชาเฟิงท่ามกลางเสียงโลหะปะทะลม!
ไม่อย่างนั้นจะพูดได้อย่างไรว่า ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ มีอานุภาพน่าตกใจ เหมยเชาเฟิงเพิ่งเผชิญหน้ากับ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ แต่สีหน้ายังไม่เปลี่ยน ทว่าตอนเจอกับ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ นางกลับเผยสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด
ราวกับเจอดาวร้ายของดวงชะตา นางพลันถอยหลังแล้วเงยหน้าขึ้น ดันทุรังหลบการโจมตีของเยี่ยเว่ยหมิงได้ จากนั้นตั้งกรงเล็บไว้ด้านหน้ากับด้านหลังในท่าเตรียมต่อสู้ แทนที่จะรีบไล่ตามโจมตี นางกลับตวาดถามว่า “เหตุใดเจ้าจึงใช้ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ เป็น”
เยี่ยเว่ยหมิงรู้อย่างลึกซึ้งว่า ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ของตัวเองไม่ว่าจะเป็นเลเวลหรือประสิทธิภาพ ก็ล้วนเทียบกับ ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ไม่ติด ในด้านค่าสเตตัสก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
หาก ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ เอาชนะทักษะยุทธ์ของเหมยเชาเฟิงได้จริงๆ เช่นนั้นการโจมตีโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวก่อนหน้านี้ นางก็คงหลบไม่พ้นง่ายๆ แน่นอน
ขนาดโจมตีตอนอีกฝ่ายเผลอยังเกิดผลลัพธ์อย่างนี้เลย แล้วจะโจมตีตอนอีกฝ่ายเตรียมตัวพร้อมแล้วอย่างนั้นหรือ
กล่าวโดยสรุปก็คือ สิ่งที่เหมยเชาเฟิงคนนี้กลัวไม่ใช่ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ แน่นอน
เช่นนั้น สิ่งที่ทำให้นางสนใจขนาดนี้ก็มีเพียง…หวงเย่าซือ!
ไม่ผิดแน่ สิ่งที่นางสนใจก็คือหวงเย่าซือเท่านั้น ไม่ใช่คนอื่น
สาเหตุที่เยี่ยเว่ยหมิงแน่ใจขนาดนี้ ก็ต้องพูดถึงการตั้งค่าที่แฝงอยู่ใน ‘เกมวีรบุรุษนิรันดร์กาล’ หลังจาก NPC ได้เห็นบางเคล็ดวิชาแล้วจะเกิดการตอบสนองที่พิเศษต่อมันหรือไม่ ที่จริงแล้วส่วนใหญ่ตัดสินจากวิธีการที่ผู้เล่นได้รับทักษะนี้มา
ก็เหมือนกับที่หนิวจื้อชุนใช้ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ต่อหน้า NPC ทำให้อีกฝ่ายนึกเชื่อมโยงถึงสำนักฉวนเจิน หรือไม่ก็ชิวชู่จีทันที นั่นเป็นเพราะกระบี่ของเขาได้รับถ่ายทอดมาจากชิวชู่จี
แล้วทักษะที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้โจมตีเป็นหลักก็คือ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ แต่ NPC ทั้งหมดที่เขาเคยเจอกลับไม่มีใครคิดว่าเขาคือผู้สืบทอดของสำนักฉวนเจินเลย
หลักการเดียวกัน หากผู้ที่เหมยเชาเฟิงคนนี้หวาดกลัวคือยอดฝีมือคนอื่นที่ใช้ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ เหมือนกัน เช่นนั้นตอนที่นางเผชิญหน้ากับ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ของเยี่ยเว่ยหมิง ก็คิดเพียงว่าเป็นการโจมตีที่มีอานุภาพร้ายกาจขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้นเอง ไม่ได้มีปฏิกิริยาพิเศษใดๆ เลย
ในเมื่อรู้แล้วว่าเหมยเชาเฟิงกลัวอะไร เช่นนั้นก็จัดการง่ายแล้ว
แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนตาบอด แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังแสดงสีหน้าท่าทางเต็มที่ เขาแสดงท่าทางอวดดีทันที กล่าวเย้ยหยันว่า “ดูท่าเจ้าคงจะเดาออกแล้วสินะ แต่เช่นนี้ก็ดี งานของเกาะดอกท้อ หวังว่าเจ้าจะไม่แทรกแซงจนสร้างปัญหาใหญ่ให้ตัวเองโดยไม่จำเป็น!”
แม้จะปากเก่งมาก แต่ในใจเยี่ยเว่ยหมิงประหม่าแทบทนไม่ไหวแล้ว
ขณะที่พูด เขาถึงขั้นนำ ‘ประกาศิตกระบี่บุปผาโรย’ ออกมาแล้ว เตรียมตัวแล้วว่าหากขู่อีกฝ่ายไม่สำเร็จ ก็จะเรียกหวงเย่าซือออกมาเสียเลย
สมบัติล้ำค่าที่ช่วยพลิกสถานการณ์แบบนี้ หากไม่อยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด เขาย่อมไม่นำมันออกมาใช้อยู่แล้ว
แต่ภารกิจนี้จัดอยู่ในสถานการณ์พิเศษ หากล้มเหลวขึ้นมา ก็จะถูกหยางกั้วที่เลเวลเดียวกับหวงเย่าซือพาทั้งบ้านมาไล่สังหาร ถึงตอนนั้น อาศัยหวงเย่าซือคนเดียวเกรงว่าคงปกป้องเขาไม่ไหว!