ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 24 แกงหมูน้ำมันพริก
ตอนที่ 24 แกงหมูน้ำมันพริก
[วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร: คัมภีร์พุทธ หลังจากใช้แล้ว ค่าตระหนักรู้ +1 (ใช้ซ้ำไม่ได้)]
[สารีริกธาตุ: อัฐิธาตุที่เหลือไว้หลังจากพระเถระมรณภาพในท่านั่งสมาธิ หลังจากใช้แล้ว ค่าตบะ +5000]
คัมภีร์ที่เพิ่มค่าตระหนักรู้ นอกจากนี้ยังมีสารีริกธาตุหนึ่งเม็ดที่เพิ่มค่าตบะ แต่ละชิ้นล้วนเป็นของดีที่ใช้เงินซื้อไม่ได้!
“ของสองชิ้นนี้น่าจะมีมูลค่าพอๆ กัน แตกต่างกันตรงที่ชิ้นหนึ่งเหมาะจะพัฒนาระยะยาวมากกว่า ส่วนอีกชิ้นอัปพลังต่อสู้ได้ทันที พวกเราสองคนแบ่งเท่ากัน สุภาพสตรีเชิญก่อน เจ้าเลือกเลย”
“ทำแบบนั้นได้อย่างไร” โหยวโหยวส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ “ของพวกนี้เดิมทีเจ้าก็หามาอยู่แล้ว ข้าไม่ได้ช่วยเลยสักนิด สารีริกธาตุนี้ข้าเอาไม่ได้เด็ดขาด!”
เยี่ยเว่ยหมิงถอนหายใจอย่างจนปัญญา แล้วใช้ของสองอย่างนี้เงียบๆ จนหมดในอึดใจเดียว
ที่จริงแล้ว ก่อนหน้านี้ที่เขายอมให้นางก็เพราะเกรงใจน้องสาวคนนี้ เป็นผู้เล่นก็ต้องหยั่งนิสัยใจคออีกฝ่ายดูสักหน่อย
แต่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ครั้งเดียว จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว
ไม่อย่างนั้นแล้ว หากน้องสาวคนนี้ซาบซึ้งกับความจริงใจของฉันขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะ
แบบนั้นจะไม่ขาดทุนใหญ่โตหรอกหรือ!
[ติ๊ง! คุณใช้งานสารีริกธาตุ ได้รับค่าตบะ 5000 แต้ม]
[ติ๊ง! คุณอ่าน ‘วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร’ ค่าตระหนักรู้ +1]
ค่าตบะเพิ่มขึ้นสูงมากในรวดเดียวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เยี่ยเว่ยหมิงเปิดหน้าอินเตอร์เฟสสกิลดูทันที แล้วก็จะอัปลเวล ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’
[ติ๊ง! ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ จัดเป็นเคล็ดจิตพิเศษ ใช้ค่าตบะเพื่ออัปเลเวลไม่ได้]
อะไรนะ?
เคล็ดจิต ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ นี้ใช้ค่าตบะมาอัปเลเวลไม่ได้!
เมื่อนึกถึงเงื่อนไขเปิดใช้งานที่ทำให้คนปวดประสาทของเคล็ดจิตนี้อีกที ก็เหมือนว่าถ้าใช้การฝึกธรรมดา มันก็ไม่ใช่ภารกิจที่คนธรรมดาคนหนึ่งจะทำสำเร็จได้อยู่ดี!
ทุกครั้งที่เปิดใช้เคล็ดวิชาสำเร็จ ก็แค่เพิ่มค่าประสบการณ์หนึ่งแต้มเท่านั้น แต่เงื่อนไขการเปิดใช้ก็คือตอบคำถามคณิตศาสตร์ให้ถูกต่อเนื่องกันสิบข้อ! ถ้าจะเอาค่าประสบการณ์หนึ่งพันแต้ม ก็ต้องตอบคำถามคณิตศาสตร์หนึ่งหมื่นข้อน่ะสิ!
นี่ยังเป็นแค่ค่าประสบการณ์ที่ใช้อัปจากเลเวลหนึ่งเป็นเลเวลสองเท่านั้น แล้วถ้าจะอัปให้สูงขึ้นกว่านี้ต่อไปล่ะ
นี่ยังเป็นการเล่นเกมเสียที่ไหนกัน?
แบบนี้แม่งเป็นการทำข้อสอบจำลองกับสอบจริงสำหรับเข้ามหาวิทยาลัยชัดๆ!
ที่สำคัญที่สุดก็คือ ทำข้อสอบสิบข้อเพื่อเพิ่มค่าประสบการณ์หนึ่งแต้ม เป็นแค่การคำนวณหาผลลัพธ์เมื่ออยู่ในสภาวะที่ดีที่สุดเท่านั้น ที่จริงแล้ว เมื่อกำลังอยู่ในการต่อสู้ที่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอดเวลา การรวบรวมสมาธิทำข้อสอบเลขจะต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย
โชคดีที่ยังสามารถใช้ผลจากการเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันมาเพิ่มค่าประสบการณ์ของเคล็ดจิตนี้ได้ ไม่อย่างนั้น มันก็จะต่อต้านมนุษยชาติเกินไปแล้ว!
เยี่ยเว่ยหมิงย้อนกลับไปโดยใช้ทางเดิมตลอดทาง ในระหว่างนั้นใช้ค่าตบะมาเพิ่ม ‘เคล็ดชำระปราณ’ และ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ เคล็ดวิชาละหนึ่งระดับ จากนั้น ค่าตบะที่เขาเพิ่งจะสะสมได้ก็เหลืออยู่เลขหลักเดียวแล้ว
[เยี่ยเว่ยหมิง เลเวล: 14]……
พลังชีวิต: 760/760
กำลังภายใน: 550/550
ความแข็งแกร่ง: 73
พละกำลัง: 73
ท่าร่าง: 138
ความว่องไว: 73
สติปัญญา: 25
ค่าตระหนักรู้: 29
[ทักษะยุทธ์]
[เคล็ดชำระปราณ (ไม่เข้าขั้น) เลเวล: 7]
ค่าประสบการณ์: 0/6400
วิธีหายใจชำระปราณเป็นเรื่องพื้นฐานที่สุดในยุทธภพ ไม่มีคุณสมบัติพิเศษ แต่ไม่มีอันตรายจากธาตุไฟเข้าแทรก
พลังชีวิต +350
กำลังภายใน +350
ความแข็งแกร่ง +35
พละกำลัง +35
ท่าร่าง +35
ความว่องไว+35
……
[เคล็ดกระบี่วีรสตรี (ไม่เข้าขั้น) เคล็ดกระบี่ที่ตกทอดมาในสมัยชุนชิว ประสิทธิภาพทั่วไป เลเวล: 8
]ค่าประสบการณ์: 0/12800
ประสิทธิภาพ +80%
แม่นยำ +80%
……
[แปดก้าวไล่ทันคางคก (ระดับต้น) เลเวล: 3]ค่าประสบการณ์: 912/1000
เป็นวิชาตัวเบาติดพื้นที่แพร่หลายในยุทธภพ ใช้เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนย้ายร่างกายได้เยอะมาก
ท่าร่าง +60
……
[ไท้ซัวเป็นไฉน (สุดยอดวิชา) เลเวล: 1]ค่าประสบการณ์: 201/1000
ดาเมจโจมตี +10%
แม่นยำ +10%
ดาเมจคริติคอล +10%
สามารถเปิดใช้แอคทีฟสกิลขณะต่อสู้ ประเมินช่องโหว่ในกระบวนท่าของศัตรู โจมตีครั้งเดียวศัตรูแตกพ่าย!
……
[อุปกรณ์]
เป็นต้น
……
ด้วยสเตตัสของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ ต่อให้โดนหน้าไม้เทพจูเก๋อในมือโหยวโหยวโจมตี เขาก็ทนได้หนึ่งครั้งโดยไม่ถูกปลิดชีพ!
ประมาณนั้นมั้ง…
เมื่อมาถึงทางเข้าวังใต้ดิน เยี่ยเว่ยหมิงก็บิดกลไกเพื่อเปิดทางลับอีกครั้ง ไต่ขึ้นไปตามบันไดโซ่ ทุกครั้งที่เท้าเหยียบลงพื้น ก็จะเหยียบโซ่ดังแกร๊ง
ใครจะคิดว่าเพิ่งขึ้นไปได้ครึ่งทาง เหนือศีรษะก็มีลูกดอกหน้าไม้ยิงเข้ามาสายแล้วสายเล่า แสกหน้าเข้ามาตกลงบนตัวเยี่ยเว่ยหมิง
-42
-39
-95
……
ในตัวเลขค่าพลังชีวิตยังปนด้วยคริติคอลหนึ่งครั้งด้วย ทำให้ค่าพลังชีวิตของเยี่ยเว่ยหมิงลดลงไปเกือบครึ่ง
“แม่งเอ๊ย!” ด้วยความตกใจ เยี่ยเว่ยหมิงรีบปล่อยมือจากบันได กระโดดลงในวังใต้ดินโดยตรง จากนั้นก็ถลันตัวหลบไปด้านข้างหลายก้าวในทันที หลีกเลี่ยงระยะโจมตีที่มองเห็นได้จากมุมมองนอกปากทางลับ สุดท้ายถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เยี่ยเว่ยหมิงรีบหยิบยาเม็ดรักษาอากาการบาดเจ็บเม็ดหนึ่งขึ้นมากลืนลงไป ตอนนี้สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นแย่มาก
ไม่ต้องถามก็รู้ว่าพวกเขาสองคนถูกคนอื่นซุ่มโจมตีเข้าแล้ว ถูกกักไว้ในวังใต้ดินที่มีทางออกเพียงทางเดียวแล้ว!
ส่วนโหยวโหยวก็หยิบหน้าไม้เทพจูเก๋อออกมา ถลันลงไปด้านล่างของวังใต้ดินที่ว่างเปล่าเหมือนอากาศ เล็งหน้าไม้ขึ้นมาด้านบน จากนั้นก็โบกมือให้เยี่ยเว่ยหมิงอีก สื่อว่าตรงมุมนี้มองไม่เห็นศัตรู
ตอนนี้ กลับได้ยินเสียงผู้หญิงอีกคนดังมาจากนอกวังใต้ดิน “นางหนูนั่นไหวตัวเร็วที่เดียว ข้าเพิ่งจะเริ่มโจมตี นางก็กระโดดลงไปเองแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะฆ่านางไม่สำเร็จ นางหนีไปแล้ว!”
ฟังจากความหมายในคำพูดของอีกฝ่าย ไม่น่าเชื่อว่าจะเข้าใจผิดเห็นเยี่ยเว่ยหมิงเป็นโหยวโหยวไปแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอก!” ตอนนี้มีเสียงอีกคนดังขึ้น เป็นเสียงผู้หญิงเช่นเดียวกัน ผู้หญิงที่ปรากฏตัวทีหลังบอกให้ผู้หญิงคนแรกใจเย็นๆ จากนั้นก็ตะโกนลงมาด้านล่างเสียงดังกว่าเดิม “โหยวโหยว ที่จริงที่พวกเรามาวันนี้ไม่ได้มีเจตนาร้าย”
ลอบจู่โจมให้ถึงตาย ยังบอกว่าไม่มีเจตนาร้ายอีกหรือ
เยี่ยเว่ยหมิงชำเลืองโหยวโหยวแวบหนึ่ง เหมือนกำลังบอกว่า เจ๊พวกนี้ช่างตลกจริงๆ
แต่ตอนนี้สีหน้าของโหยวโหยวดูแย่มาก ถามเสียงต่ำว่า “เจ้าคือแกงหมูน้ำมันพริกเหรอ!”
“แหม! โหยวโหยว ทำไมเจ้าเรียกกันห่างเหินขนาดนั้นล่ะ ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนเจ้าเรียกข้าว่าศิษย์พี่แกงหมูไม่ใช่เหรอ” ผู้หญิงที่อยู่ข้างนอกหัวเราะอย่างดัดจริต ตามด้วยเสนอว่า “แต่เจ้าจะเรียกว่าอะไร ศิษย์พี่ก็ไม่ถือหรอก ข้าแค่อยากจะเจรจาทำข้อตกลงกับเจ้าสักหน่อย พวกเราเตรียมจะจ่ายห้าสิบเหรียญทองเพื่อซื้อหน้าไม้เทพจูเก๋อในมือเจ้า ไม่รู้ว่าศิษย์น้องโหยวโหยวจะคิดอย่างไร”
“ห้าสิบเหรียญทองซื้อหน้าไม้เทพจูเก๋อ! ทำไมเจ้าไม่มาแย่งเอาล่ะ” โหยวโหยวกัดฟันพูด
แกงหมูน้ำมันพริกได้ยินแล้วกลับหัวเราะคิกคัก ถามอย่างลำพองใจมาก “ฟังเจ้าพูดเข้าสิ ตอนนี้ข้าก็กำลังแย่งไม่ใช่หรอกหรือ”
“ฝันไปเถอะ!”
“ศิษย์น้องโหยวโหยวอย่าเพิ่งโมโห เจ้าค่อยๆ พิจารณาก็ได้ ข้าไม่รีบเลยสักนิด” แกงหมูน้ำมันพริกท่าทางเหมือนมั่นใจในชัยชนะ “แต่จะว่าไปแล้ว หน้าไม้เทพจูเก๋ออยู่ในมือเจ้าจะต้องมีเวลาจำกัดแน่นอน ข้าแนะนำให้เจ้าพิจารณาให้ชัดเจนดีกว่า ถ้ารอจนภารกิจล้มเหลว เจ้าโดนไล่ออกจากสำนัก ถึงตอนนั้น NPC ยอดฝีมือก็จะไล่สังหารมาที่นี่ แบบนั้นเจ้าก็จะไม่ได้อะไรเลยนะ”
ตอนนี้สีหน้าโหยวโหยวมืดครึ้มถึงขีดสุด ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ถามผ่านช่องทีม “นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“ข้าโดนวางกับดักแล้ว!” ตอนนี้ทั้งสองถูกขังอยู่ในนี้ โหยวโหยวตอบอย่างไม่ปิดบังเลยสักนิด “ที่จริงถ้าไม่แน่ใจตำแหน่งที่แน่นอนของเฉินหมิง ข้าก็ไม่บุ่มบ่ามรับภารกิจระดับห้าดาวหรอก ส่วนข้อมูลที่บอกว่าเขาซ่อนอยู่ในวังใต้ดินเจดีย์เหลยเฟิง ข้าก็รู้มาจากอีกภารกิจหนึ่ง และในภารกิจนั้น แกงหมูน้ำมันพริกก็ ‘บังเอิญ’ เปิดเผยให้ข้ารู้ตอนคุยกัน!”
เมื่อได้ยินโหยวโหยวพูดอย่างนี้ ในหัวของเยี่ยเว่ยหมิงก็จัดระบบความคิดถึงที่มาที่ไปของเรื่องนี้ได้คร่าวๆ แล้ว
“ถ้านางกำจัดเจ้าได้จริงๆ นางแน่ใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าจะได้หน้าไม้เทพจูเก๋อ”
“ในระหว่างทำภารกิจมีโอกาสดรอปได้หน้าไม้เทพจูเก๋อร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นหลังจากได้หน้าไม้เทพจูเก๋อมาแล้ว นี่ต่างหากคือช่วงเวลาอันตรายที่สุดของภารกิจ ก่อนที่จะได้มันมา ถ้าภารกิจล้มเหลวก็แค่ไม่ได้รางวัลภารกิจ แค่หมดสิทธิ์รับภารกิจนี้ซ้ำก็เท่านั้นเอง แต่หลังจากได้มาแล้ว ไม่ว่าจะทำหายหรือกลับไปส่งภารกิจไม่ทัน ก็ล้วนถูกมองว่าทรยศสำนัก!”