ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 275 ดาบจันทราหิมะเงิน
ตอนที่ 275 ดาบจันทราหิมะเงิน
พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงให้ตนเลือกอย่างใจกว้างเต็มที่ น้องดาบก็ไม่เพียงแค่ไร้สีหน้าดีใจ กลับมองเยี่ยเว่ยหมิงด้วยสายตากังวลปนสับสนด้วยซ้ำ
สมกับเป็นเยี่ยเว่ยหมิงจริงๆ!
เจ้ามือปราบหน้าเหม็นคนนี้แม้จะทำท่าเหมือน ‘สุภาพสตรีเชิญก่อน’ แต่ที่จริงแล้วกำลังมีแผนชั่วร้ายอยู่ในใจ อยากจะให้ตัวเองได้เปรียบกว่าก็เท่านั้นเอง!
แม้นางจะรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นอุบายของเยี่ยเว่ยหมิง แต่กลับต้องเลือกสิ่งที่ทำให้ตัวเองขาดทุนตามอุบายของเขาอยู่ดี จะไม่ให้นางกลุ้มใจได้อย่างไร
ช่างเป็นแผนชั่วจริงๆ!
ไร้ยางอายมาก!
สำหรับสายตาขุ่นเคืองของน้องดาบ เยี่ยเว่ยหมิงเลือกที่จะมองข้ามเลย เขาเอาแต่มองของสองอย่าบนที่ดรอปได้จากสือจงอวี้ด้วยสายตามีเลศนัย
ของชิ้นแรกคือดาบล้ำค่าสีขาวหิมะสะท้อนแสงที่แผ่ไอเย็นออกมาเป็นระยะ บนสันดาบสลักตัวอักษรเล็กๆ สีทองนุ่มนวลทว่าแข็งแกร่งว่า ‘ลูกผู้ชายเยือนโลกมนุษย์หนึ่งครั้ง’ ราวกับมีพลังที่องอาจทะลุฟ้ากระโดดขึ้นมาจากตัวอักษรบนดาบ ทำให้มองปราดเดียวก็รู้สึกว่าเลือดร้อนๆ กำลังแผดเผาในช่องอก อยากจะหาบอสเลเวลร้อยแปดสิบสักคนมาสู้กันสักสามร้อยรอบ!
[ดาบจันทราหิมะเงิน (อาวุธล้ำค่า)] หนึ่งในสองอาวุธเทพของจอมยุทธ์ มีประสิทธิภาพเหลือเชื่อ
โจมตี +750
ป้องกัน +150
กำลังภายใน +50%
โจมตีเสริมดาเมจธาตุเย็น 100 แต้ม!
……
ค่าสเตตัสของดาบเล่มนี้ ยอดเยี่ยมกว่าอาวุธทุกชิ้นที่เยี่ยเว่ยหมิงเคยเห็นมา
แน่นอนว่าไม่นับกระบี่อิงฟ้า เพราะหลังจากกระบี่ล้ำค่าจอมลวงเล่มนั้นตกอยู่ในมือเขา มันก็กลายเป็นไอเทมภารกิจหลอกลวงชิ้นหนึ่งแล้ว จนกระทั่งนำมันไปแลกรางวัลภารกิจกับเหอจู๋เต้า ก็ไม่เห็นว่าค่าสเตตัสของอาวุธเทพชิ้นนั้นน่าทึ่งระดับไหนกันแน่
นอกจากกระบี่อิงฟ้า แม้แต่กระบี่แสงทองของเยี่ยเว่ยหมิงกับดาบสองคมสามแฉกของฉางซิงอวี่ เมื่อเทียบกับดาบจันทราหิมะเงินเล่มนี้แล้ว ก็ยังแตกต่างกันไม่ใช่น้อยๆ
ถ้าจะบอกว่ามันคืออาวุธเทพชิ้นแรกในมือผู้เล่น แม้จะกล่าวเกินไปหน่อย แต่ลองคิดดูแล้วก็เป็นความจริง!
ครั้งแรกที่เห็นดาบเล่มนี้ น้องดาบก็เกิดความรู้สึกเดียวกับที่เยี่ยเว่ยหมิงเห็นกระบี่อิงฟ้าตอนนั้น
ข้ากับดาบเล่มนี้มีวาสนาต่อกัน!
ถ้าไอเทมดรอปของสือจงอวี้มีเพียงดาบเล่มนี้ น้องดาบก็จะต้องเลือกดาบล้ำค่าที่มีวาสนาต่อนางอย่างไม่ลังเลแน่นอน
แต่ไอเทมดรอปของเด็กหนุ่มไม่เอาไหนคนนี้ กลับทำให้สาวน้อยที่ฆ่าคนได้อย่างไม่ลังเลตกอยู่ในความรู้สึกทรมานเพราะสับสนในตัวเอง
[ประกาศิตสร้างพรรค] อาศัยใส่ป้ายคำสั่งแผ่นนี้ จะไปยื่นขอสร้างพรรคที่จวนลู่ติ่งกงในเมืองหลวงเปี้ยนจิงได้
ประโยคเรียบง่ายประโยคเดียว ในนั้นไม่ได้แฝงภาษาที่เผยความคมคายปราดเปรื่องใดๆ แต่เพียงคำว่า ‘ประกาศิตสร้างพรรค’ ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้เล่นมากมายแห่กันไปแย่งชิงแล้ว ถึงขั้นไม่เสียดายที่จะทุ่มทรัพย์สมบัติส่วนตัวเพื่อสิ่งนี้ด้วย!
เพราะจนกระทั่งตอนนี้ ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ยังไม่ปรากฏผู้เล่นจากพรรคสักคนเลย
พูดได้อีกอย่างว่า สิ่งที่วางอยู่ตรงหน้าเยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบ ก็คือประกาศิตสร้างพรรคชิ้นแรกในเกมนี้!
หากไม่มีป้ายอาญาสิทธิ์สร้างพรรค ก็ไม่มีทางสร้างพรรคที่ระบบยอมรับได้ แม้ระหว่างผู้เล่นด้วยกันจะตั้งกลุ่มเองได้ แต่ไม่มีขอบเขตอำนาจและบทบาทที่สอดคล้อง แสดงความได้เปรียบที่พรรคควรจะมีออกมาไม่ได้เลย
ถ้าพูดให้ละเอียดอีกหน่อยก็คือ แม้แต่การตั้งทีมที่เรียบง่ายที่สุดเพื่อ PK หรือฆ่า BOSS ก็ล้วนต้องใช้พิราบสื่อสารส่งจดหมายให้ทีละคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงปัญหาการแบ่งผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับผู้เล่นในพรรค การแบ่งงานบัญชาการและปัญหายิบย่อยอีกเป็นชุด
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ต่อให้เป็นผู้เล่นที่มีความสามารถขนาดไหน แต่ก็ยากที่จะแสดงความได้เปรียบด้านจำนวนคนได้
แต่เมื่อมีประกาศิตสร้างพรรคแผ่นนี้แล้ว มันกลับแก้ไขปัญหานี้ได้ดีมาก!
แม้มันจะไม่ได้มีแรงดึงดูดต่อบรรดาผู้เล่นทั่วไปเท่ากับอาวุธเทพชิ้นแรกของเกม แต่สำหรับผู้ที่ต้องการมัน จะต้องได้อยู่ในเกมอย่างราบรื่นสมใจปรารถนาแน่นอน ไม่ว่าจะอาศัยพลังของตัวเองหรืออำนาจในการระดมพล สรุปก็คือเป็นกลุ่มคนที่สามารถระดมทรัพยากรได้เยอะที่สุด
สำหรับพวกที่มีจิตใจทะเยอทะยานต่อการเป็นนักปกครอง สนใจ ‘ประกาศิตสร้างพรรค’ แผ่นนั้น จะต้องคิดว่ามันเหนือกว่าอาวุธเทพชิ้นแรกของเกมแน่นอน
ส่วนไอเทมดรอปชิ้นที่สามของสือจงอวี้ ตำราลับ ‘เคล็ดกระบี่ภูเขาหิมะ’ ที่ถูกระบบกำหนดให้เป็นเคล็ดกระบี่ระดับกลาง ทั้งสองคนก็เลือกมองข้ามมันไปเลย
เหมือนอุปกรณ์ระดับทองคำหลายชิ้นที่ดรอปจากเฉินชงจือ พวกมันถูกจัดให้อยู่ในรายการประเภทขายทิ้งเพื่อแลกเงินจำนวนเล็กน้อยได้เลย
ของสองชิ้นนี้ มีชิ้นหนึ่งที่เหมาะกับน้องดาบที่สุด เป็นดาบล้ำค่าที่ทำให้ความสามารถของนางเพิ่มขึ้นเยอะมากภายในเวลาสั้นๆ ส่วนอีกชิ้นก็คือประกาศิตสร้างพรรค ซึ่งดูเหมือนเป็นของที่มูลค่าสูงที่สุดในเกม ทำให้คนในเกมรวยได้ภายในชั่วข้ามคืน
น้องดาบกำลังสับสน กำลังกลุ้มใจ กลุ้มใจจนอยากดึงผมตัวเอง
ใช่ว่านางจะไม่เคยคิดว่าจะเอาสองอย่างเลยได้ไหม ยกตัวอย่างเช่นประเมินราคาของสองสิ่งนี้โดยอิงตามราคาตลาด จากนั้นก็ทุ่มเงินที่ตัวเองมีเยอะกว่าเยี่ยเว่ยหมิงเพื่อซื้อมันมา
แต่เห็นได้ชัดว่าใช้วิธีการนี้ไม่ได้
ก็อย่างที่เยี่ยเว่ยหมิงบอกไว้ ดูจากสถานการณ์ตลาดปัจจุบัน ของสองสิ่งนี้ถือเป็นของเกรดสูงที่ไม่มีการซื้อขายอยู่ในตลาด ถ้านำไปประมูลขาย จะขายด้วยราคาเท่าไหร่ก็ไม่แปลกทั้งนั้น
ดังนั้นจึงไม่มีทางประเมินราคาได้เลย
หากน้องดาบกล้าแสดงความเห็นคัดค้าน ด้วยนิสัยอย่างเยี่ยเว่ยหมิง จะต้องเสนอให้นำของสองสิ่งนี้ประมูลขายพร้อมกัน พอขายได้แล้วค่อยมาแบ่งเงินกันแน่นอน
อย่างไรเสียตรงนี้ก็ไม่มีของสิ่งใดที่เหมาะกับการใช้งานของเขา
จุดนี้น้องดาบมั่นใจในนิสัยแข็งกร้าวของเยี่ยเว่ยหมิงมาก
หลังจากลังเลอยู่นานมาก ในที่สุดน้องดาบก็เลิกต่อต้านด้วยความจนใจ นางหย่อนก็นั่งลงบนพื้นราวกับสูญเสียแรงทั้งหมดไปแล้ว จากนั้นเลือกอาวุธเทพชิ้นแรกของเกมแต่โดยดี
ส่วนประกาศิตสร้างพรรคแผ่นนั้น แน่นอนว่าตกเข้าสู่กระเป๋าของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว
ตอนที่กุมดาบอยู่ในมือ เลือดร้อนที่ยากจะควบคุมของน้องดาบไหลเวียนทั่วทั้งร่างกายทันที ราวกับนางเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้
เมื่อถูกกระตุ้นด้วยความรู้สึกที่ว่า ‘ไม่มีใครเก่งเท่าข้าแล้ว’ นางถึงขั้นไม่คิดเรื่องเอาเปรียบเยี่ยเว่ยหมิงตอนแบ่งของอีกแล้ว ตราบใดที่มีดาบเล่มนี้อยู่ในมือ ต่อให้เสียผลประโยชน์เป็นเงินจำนวนหนึ่ง นางก็คิดว่าคุ้มแน่นอน
อย่างไรเสียคนที่ร่ำรวยอย่างนางก็ไม่ขาดแคลนเงินเล็กน้อยพวกนั้นหรอก
มีเงินแล้ว เอาแต่ใจได้!
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงตอนที่ยัดป้ายอาญาสิทธิ์อันแสนล้ำค่าเข้ากระเป๋า ก็ยังไม่ลืมกล่าวอย่างกวนประสาทมากว่า “เดิมทีข้ารู้สึกว่าประกาศิตสร้างพรรคแผ่นนี้มีมูลค่ามากกว่านิดหน่อย แต่เจ้าดันเลือดดาบล้ำค่าเล่มนั้น เฮ้อ…โลกของคนมีเงินนี่เข้าใจยากจริงๆ นี่เจ้าเลือกเองนะ ข้าไม่ได้กดดันเจ้านะ”
น้องดาบมองเยี่ยเว่ยหมิงอย่างดุร้าย “เป็นฝ่ายได้เปรียบแล้วแต่แสร้งทำเหมือนไม่อยากได้ เชื่อไหมว่าตอนนี้ข้าใช้ดาบจันทราหิมะเงินเล่มนี้สั่งสอนเจ้าได้”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วไม่เถียงกับนาง เพียงถามกลับเรื่อยเปื่อยว่า “เจ้ารู้หรือเปล่าว่าก่อนหน้านี้เหอจู๋เต้าให้ตำราลับทักษะยุทธ์อะไรกับข้า”
น้องดาบได้ยินแล้วอดกลุ้มใจไม่ได้ คิดว่าเจ้าหมอนี่ต้องซ่อนไพ่ลับอะไรสักอย่างเอาไว้รับมือกับตน!
น่าโมโมมาก!
ตอนนี้เอง เยี่ยเว่ยหมิงกลับเปลี่ยนประเด็นสนทนา บอกน้องดาบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ที่จริงประกาศิตสร้างพรรคแผ่นนี้แม้นำไปขายแล้วจะได้ราคาสูงมาก แต่เจ้าเคยคิดหรือเปล่าว่าหากพวกเราร่วมงานกันต่อไป อาจจะขายประกาศิตสร้างพรรคแผ่นที่สอง แผ่นที่สามหรือมากกว่านี้ก็ได้ แม้ราคาของแผ่นเดียวจะเทียบกับราคาของแผ่นแรกไม่ได้ แต่พอรวมกันแล้วราคาจะเพิ่มขึ้นไม่รู้ตั้งกี่เท่า…
…เมื่อถึงตอนนั้น เจ้ายังจะกังวลเรื่องไม่มีเงินอีกเชียวหรือ”
เมื่อได้ฟังคำแนะนำของเยี่ยเว่ยหมิง น้องดาบกลับพูดอย่างดูถูกมากกว่า “BOSS ระดับสูง พวกเราสองคนไม่มีใครปลิดชีพแล้วดรอปได้เลย ที่ดรอปได้ประกาศิตสร้างพรรค เจ้ากับข้าก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว ถ้าอยากจะขายทีละมากๆ มันก็…”
พูดไปได้ครึ่งเดียว น้องดาบเหมือนตระหนักอะไรขึ้นได้ นางถลึงตาโตมองเยี่ยเว่ยหมิงทันที “ช้าก่อน! ฟังจากที่เจ้าพูด อย่าบอกนะว่าเจ้าเจอช่องทางดรอปของสิ่งนี้แล้ว”
“ก็แน่นอนอยู่แล้ว!”
ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มอย่างมั่นใจในตัวเอง ราวกับทุกอย่างในโลกนี้อยู่ในกำมือตัวเองหมดแล้ว “ตามที่ข้าวิเคราะห์ อย่างน้อยก็มีความมั่นใจเจ็ดส่วนว่าจะดรอปได้ของแบบนี้ได้อย่างไรอีก เดี๋ยวพวกเราค่อยไปหา BOSS ที่เหมาะสมสักคนแล้วทดสอบก็ได้ แบบนั้นก็พอจะยืนยันได้แล้ว…
…เพื่อเป็นการชดเชยที่เจ้าเสียเปรียบครั้งนี้ ตอนที่ได้ดรอปประกาศิตสร้างพรรคแผนที่สอง สาม สี่ ข้าก็จะเรียกเจ้าไปด้วยทุกครั้ง หลังจากร่วมงานกันครบสามครั้งแล้ว เจ้ายังจับประเด็นสำคัญต่างๆ ไม่ได้ ข้าก็จะบอกเจ้าโดยไม่คิดเงินว่าจะดรอปประกาศิตสร้างพรรคได้อย่างไร ดีไหม”
น้องดาบตาเป็นประกายทันที “วิญญูชนกล่าวแล้วห้ามคืนคำ!”
เยี่ยเว่ยหมิงกลับยักไหล่ “ข้าเป็นคนต่ำช้า แต่ให้ความสำคัญกับคำมั่นสัญญามาก พูดแล้วไม่คืนคำแน่นอน”