ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 276 BOSS ที่น่าเวทนาที่สุดในโลก
ตอนที่ 276 BOSS ที่น่าเวทนาที่สุดในโลก
พวกเขากลับมาที่ร้านเทพสุราอีกครั้ง นำข่าวที่สือจงอวี้ ‘รับปาก’ ว่าจะไม่มาก่อกวนอีกมาบอกให้จั่วปั๋วเยี่ยนรู้ แต่คำตอบที่ได้รับกลับเป็น
เริ่มหมักสุราเพลิงหยกน้ำแข็งลึกลับแล้ว หลังจากผ่านไปสี่สิบเก้าวันค่อยมารับที่นี่
“ยังต้อรออีกสี่สิบเก้าวันจริงๆ!”
สำหรับคำตอบแบบนี้ น้องดาบแสดงออกว่าไม่พอใจ
อิงตามที่นางคาดเดาไว้ตอนแรก สี่สิบเก้าวันนี้เป็นเพียงวิธีการพูดอย่างหนึ่งเท่านั้น ก็เหมือนที่กัวจิ้งใช้ชีวิตที่มองโกลมาสิบแปดปี อาจ่งอยู่ที่หน้าผาหมัวเทียนเจ็ดแปดปี ขอเพียงทำภารกิจที่เป็นข้อต่อสำคัญสำเร็จหนึ่งอย่าง ไม่ว่าในระหว่างนั้นจะต้องใช้เวลาเท่าไร ก็จะกดข้ามไปได้โดยตรง
แต่นี่คือการหมักสุราเพลิงหยกน้ำแข็งลึกลับ ทั้งยังใช้เวลาจริงในเกม ถึงขั้นบนหน้าภารกิจของทั้งสองเขียนเวลานับถอยหลังไว้ว่า ‘48 วัน 23 ชั่วโมง 59 นาที 21 วินาที’ ทั้งยังกำหนดไว้ว่าเมื่อถึงเวลานั้นทั้งสองต้องมาด้วยกัน จั่วปั๋วเยี่ยนถึงจะมอบสุราให้ตามที่นัดกันไว้
ไม่ต่างอะไรกับการที่ระบบบอกพวกเขาว่า ถ้าอยากได้สุราเพลิงหยกน้ำแข็งลึกลับ ก็ต้องให้เวลาข้าสี่สิบเก้าวันแต่โดยดี ถ้าคิดจะใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้องก็ไม่มีทางอยู่ดี!
เมื่อออกจากร้านเทพสุรา เยี่ยเว่ยหมิงก็อดถามอย่างแปลกใจไม่ได้ว่า “จะว่าไปแล้ว สุราเพลิงหยกน้ำแข็งลึกลับอะไรนั่นคือของอะไรกันแน่ ไม่น่าเชื่อว่าทำให้เจ้ามุ่งมั่นที่จะได้มันมาขนาดนี้”
เมื่อได้ยินคำถาม น้องดาบก็เผยรอยยิ้มภาคภูมิใจทันที “สุราเพลิงหยกน้ำแข็งลึกลับคือหนึ่งในสมบัติล้ำค่าไม่กี่อย่างในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ที่ปรับสมดุลหยินหยางได้ ครั้งนี้จั่วปั๋วเยี่ยนบอกว่าหมักได้ห้าขวด นอกจากเก็บไว้ให้ตัวเองประเมินหนึ่งขวดแล้ว ที่เหลืออีกสี่ขวดก็ให้พวกเราคนละสองขวด…
…มือปราบหน้าเหม็น เจ้ารู้หรือเปล่าว่าข้าใช้ความคิดไปมากมายเท่าไรเพื่อรวบรวมวัตถุดิบอย่างอื่น ครั้งนี้เจ้าได้เปรียบเยอะมากแล้ว!”
หยินหยางสมดุล?
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วตื่นเต้นทันที ปัญหานี้เหมือนจะไม่ต้องรบกวนหวงโส่วจุนแล้ว
แต่ภายนอกเขากลับขมวดคิ้วแล้วแสร้งพูดเหมือนไม่เห็นด้วย “หยินหยางสมดุลคืออะไร ฟังดูเหมือนเป็นค่าธาตุพิเศษบางอย่าง แต่คำถามก็คือผลลัพธ์ของมันยอดเยี่ยมมากใช่ไหม”
“ไม่เกี่ยวว่ายอดเยี่ยมหรือไม่ แต่มันคือสถานะพิเศษอย่างหนึ่ง” น้องดาบอธิบายอย่างสบายอารมณ์มาก “กำลังภายในที่ล้ำลึกพวกนี้ ล้วนมาจากธาตุหยินหรือไม่ก็ธาตุหยาง พอถึงเวลาเปลี่ยนธาตุตอนสุดท้าย ทำได้ถึงขั้นหยางแก่กำเนิดหยินอ่อนหรือไม่ก็หยินแก่กำเนิดหยางอ่อน ก็จะบรรลุระดับสูงขึ้นที่มีทั้งหยินและหยาง…
…แต่เมื่อเทียบกันแล้ว ขั้นตอนนี้กลับยากมาก ผู้มีฝีมือสูงส่งมากมายในยุทธภพ หรือไม่ก็พวกยอดฝีมือที่ชื่อเสียงสะท้านใต้หล้า ล้วนฝึกวิชาให้ก้าวหน้าขึ้นไม่ได้เพราะติดอยู่ที่ขั้นตอนนี้!…
…แต่หากมีของที่ช่วยปรับให้หยินหยางสมดุลได้ ก็จะผ่านด่านนี้ไปได้เหมือนน้ำมาคลองเกิด[1] เจ้าคิดว่าของสิ่งนี้มีมูลค่าเท่าไรล่ะ”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกลับเกาศีรษะ “แต่ข้าอัปเลเวลกำลังภายในสองวิชาจนถึงระดับสมบูรณ์แล้ว แต่ก็ไม่เกิดสถานการณ์เหมือนที่เจ้าบอกเลย”
น้องดาบได้บินแล้วมองเยี่ยเว่ยหมิงด้วยสายตาที่เหมือนมองสัตว์ประหลาด นางสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วบอกว่า “เจ้านี่วิปริตมาก!”
“ขอบคุณที่ชม”
“ไม่ใช่ว่าระหว่างฝึกกำลังภายในทุกวิชาจะเกิดสถานการณ์หยินหยางเสียสมดุลเสมอไป ที่ข้าบอกก่อนหน้านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นกำลังภายในระดับสุดยอดวิชา” น้องดาบอธิบายอีกครั้ง “แต่มีกำลังภายในเลเวลอื่นหรือไม่ก็กระบวนท่าวิทยายุทธ์ที่มีธาตุหยินหรือธาตุหยางอยู่แล้ว สองธาตุนี้ยอมรับกันได้ยากมาก ถ้าฝืนฝึกฝน อาจจะเกิดธาตุไฟเข้าแทรกได้…
…ยกตัวอย่างเช่นดรรชนีเย็นแปลงที่เฉิงคุนใช้ก่อนหน้านี้ จัดเป็นกระบวนท่าธาตุหยินเย็น หากมีกำลังภายในธาตุหยางร้อนร่วมด้วย ธาตุของสองวิชาก็จะปะทะกัน ถ้าผลลัพธ์เบาๆ ก็กระบวนท่าลดประสิทธิภาพลงเยอะมาก ถ้าร้ายแรงก็ธาตุไฟเข้าแทรก ส่วนธาตุหยินหยางสมดุลกลับลดปัญญานี้ให้เบาลงได้ เจ้าว่าสุราเพลิงหยกน้ำแข็งลึกลับนี้ล้ำค่าไหมล่ะ”
หลังจากได้ฟังน้องดาบอธิบายแล้ว ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็รู้แล้วว่าหยินหยางสมดุลคืออะไร
สำหรับสุราเพลิงหยกน้ำแข็งลึกลับ เยี่ยเว่ยหมิงกลับประเมินมันว่า…
“ขยะ!”
น้องดาบถามอย่างไม่พอใจ “พูดอะไรของเจ้า”
สำหรับความไม่พอใจของน้องดาบ เยี่ยเว่ยหมิงจับภาพค่าสเตตัส ‘หยินหยางสมดุล’ ใน ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ที่เลเวลเต็มแล้วส่งไปในช่องทีมโดยตรง
เมื่อเห็นน้องสาวคนนี้อ้าปากค้าง เยี่ยเว่ยหมิงกลับเปลี่ยนประเด็นสนทนา กล่าวสบายๆ ว่า “ดูออกเลยว่าเจ้าต้องครอบครองสุรานี้ให้ได้ ข้าว่านอกจากค่าสเตตัสหยินหยางสมดุลแล้ว ต้องมีผลประโยชน์ที่มากกว่านี้แน่นอน ถึงทำให้เจ้าพยายามสุดความสามารถขขนาดนี้”
ขณะที่พูดเขาก็ถอนหายใจอย่างจนใจ “ดูท่าแล้ว ถ้าข้าอยากจะรักษาความได้เปรียบไว้ ก็ต้องพยายามทำภารกิจสุดยอดวิชาของหวังเฟยแห่งเซี่ยตะวันตกให้สำเร็จ คว้าสุดยอดวิชานั่นมาไว้ จะได้ไม่ถูกเจ้ารังแก”
น้องดาบ “???”
พูดมาตั้งนานแต่ก็ยังไม่เห็นข้อดีอย่างอื่นในภารกิจนี้ เช่นนั้นเจ้าก็ไปทำภารกิจสุดยอดวิชาคนเดียวสิ จะพาข้าออกมาเที่ยวเล่นด้วยทำไม
น้องดาบแม้จะกลุ้มใจมาก แต่ก็ยังบอกว่า “ที่จริงข้าอยากได้สุราเพลิงหยกน้ำแข็งลึกลับ นอกจากให้ตัวเองใช้แล้ว ยังมีภารกิจที่สำคัญมากอีกภารกิจหนึ่งที่ต้องอาศัยมันเพื่อทำให้สำเร็จ…
…รอให้ถึงวันที่พวกเรามารับสุราหลังจากผ่านไปสี่สิบเก้าวัน ข้าก็จะแบ่งภารกิจให้เจ้า ถึงตอนนั้นเราไปทำภารกิจช่วงหลังให้สำเร็จด้วยกัน แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น เจ้าต้องคิดหาวิชาตัวเบาที่ทำให้กระโดดสูงได้มาก่อน ยิ่งคุณภาพดีเท่าไรก็ยิ่งดี เลเวลสูงด้วยก็ยิ่งดี ไม่อย่างนั้นถ้าผ่านบททดสอบก่อนทำภารกิจไม่ได้ ก็อย่าหาว่าข้าไม่ดูแลเจ้านะ”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วตาเป็นประกาย “มีอยู่จริงหรือ”
น้องดาบ “…”
ก่อนหน้านี้เจ้ามือปราบหน้าเหม็นตัดสินไม่ได้ว่าบนตัวข้ามีภารกิจต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องกับสุราเพลิงหยกน้ำแข็งลึกลับ แค่กำลังล้วงความจริงจากข้าเท่านั้น?
จู่ๆ น้องดาบก็รู้สึกว่าตัวเองถูกมือปราบหน้าเหม็นต่ำช้าไร้ยางอายคนนี้กดขี่สติปัญญาอีกแล้ว!
เยี่ยเว่ยหมิงไม่สนว่าในใจน้องดาบจะอาละวาดขนาดไหน เปลี่ยนประเด็นสนทนาเสียเลย “ที่จริงหลังจากได้ประกาศิตสร้างพรรคแผ่นแรกมา แผ่นที่สองที่สามข้าก็ไม่คิดจะนำไปขายอีกแล้ว แต่ตรียมจะนำมันมาทำเป็นเบี้ย เพื่อระดมกำลังคนให้ช่วยพวกเรารวบรวมวัตถุดิบยาพวกนั้น นี่ก็คือสาเหตุสำคัญที่เข้าร่วมงานกับเจ้าเช่นกัน”
เยี่ยเว่ยหมิงพูดจนวงตาเมล็ดซิ่งของน้องดาบลุกวาว แต่ตอนนี้กลับมีพิราบขาวตัวหนึ่งบินมาเกาะบนบ่านาง ขัดจังหวะบทสนทนาของทั้งสองคน
หลังจากน้องดาบดูข้อความเป็นการส่วนตัวแล้ว ก็กระทืบเท้าพร้อมบ่นอย่างโมโหว่า “สมควรตาย ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดความวุ่นวายในเวลาแบบนี้!”
เห็นนางตื่นเต้นขนาดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ถามอย่างฉงนใจว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
น้องดาบอารมณ์แย่ถึงขีดสุด ตอนนี้หวังว่าจะเจอเป้าหมายที่ระบายความในใจได้
พอได้ยินคำถามของเยี่ยเว่ยหมิง นางก็บอกทันทีว่า “หลังจากข้าเข้าเกมมาแล้ว ก็มีกฎเกณฑ์การพัฒนาตัวเองชัดเจน หนึ่งในนั้นมีจุดเปลี่ยนที่สำคัญมากสำหรับข้า แต่ต้องรอให้ข้ามีความสามารถมากพอก่อน ถึงจะมั่นใจว่าจะทำสำเร็จได้…
…และถ้าพลาดไปแล้ว ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีโอกาสครั้งที่สองหรือเปล่า”
นางชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ถ้าอยากจะเพิ่มความสามารถของตัวเองให้สำเร็จก่อนภารกิจนั้นมาถึง นอกจากพยายามเพิ่มความสามารถของตัวเองแล้ว ก็ต้องพยายามควบคุมการดำเนินเนื้อเรื่องด้วย…
…เพราะเรื่องนี้ข้าถึงขั้นยอมจ่ายเงินจ้างผู้เล่นคนอื่นให้ช่วยเฝ้าอยู่ที่ภารกิจจุดเปลี่ยนเนื้อเรื่อง ทำให้มันดำเนินต่อไปไม่ได้…”
เรื่องนี้อาจทำให้นางรู้สึกกังวลมากเกินไปจริงๆ ตอนที่น้องดาบระบายเรื่องนี้ให้เยี่ยเว่ยหมิงฟัง นางพูดอย่างละเอียดมาก
ถ้านางติดอยู่ตรงจุดเปลี่ยนของเนื้อเรื่อง ที่จริงก็เป็นเพียงบทนำของภารกิจในเรื่องขนาดใหญ่เท่านั้น เพราะเป็นเพียงบทนำของเนื้อเรื่อง BOSS ที่ต้องเผชิญหน้าด้วยจึงไม่ได้เก่งมาก ถ้าอยากจะทำให้เนื้อเรื่องค้างไว้ก็ค่อนข้างง่าย
สิ่งที่นางต้องทำก็แค่ไปดักฆ่าคนโชคร้ายที่ชื่อว่าว่านกุยระหว่างทาง ไม่ให้เขาไปถึงเป้าหมายและเจอข้อต่อของภารกิจในขั้นอย่างราบรื่น
ทักษะยุทธ์ของว่านกุย สำหรับผู้เล่นในช่วงแรกของเกมถือว่าเป็นคนที่ฆ่าไม่ตาย แน่นอนว่าหมายถึงผู้เล่น ‘ช่วงแรก’ ทั่วไปที่เพิ่งออกจากหมู่บ้านมือใหม่เท่านั้น แต่สำหรับผู้เล่นในปัจจุบัน เขาถือเป็นมอนสเตอร์อีลิท ผู้เล่นที่พอจะมีวิธีการอยู่บ้างก็สู้แบบตัวต่อตัวได้สบายๆ
สิ่งเดียวที่น่ารำคาญก็คือ ว่านกุยนั่นไม่ใช่ BOSS ร่างแท้โหมดภารกิจ หลังจากตายแล้วก็รีเฟรชใหม่ได้ และสามวันหลังจากถูกฆ่าก็จะเตรียมตัวออกจากเมืองจิงโจวอย่างตรงเวลาทุกครั้ง ไปทำภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่ระบบมอบให้เขา
จากนั้นก็จะถูกฆ่าต่อหลังจากออกจากเมืองได้ไม่ถึงร้อยเมตร
ไม่ต้องสงสัยเลย ในช่วงแรกของเกม ถ้าอยากจะโจมตีสังหารว่านกุยให้ราบรื่น คาดว่าต้องใช้ยอดฝีมือที่เคลื่อนไหวเก่งอย่างน้องดาบถึงจะจัดการให้สำเร็จได้อย่างราบรื่น
ตอนหลังเมื่อผู้เล่นเลเวลเพิ่มขึ้น น้องดาบก็ต้องไปทำภารกิจยากๆ จำนวนหนึ่งเพื่อเพิ่มความสามารถของตัวเอง และให้พี่ชายของนางไปติดต่อมือสังหารเพื่อฆ่าคนแทนนาง
จนกระทั่งตอนนี้ ว่านกุยคนนั้นถูกมือสังหารที่น้องดาบกับพี่ชายนางจ้างมาฆ่าตายไม่ต่ำกว่ายี่สิบรอบแล้ว เป็น NPC ที่น่าเวทนาที่สุดในเกมจริงๆ น่าเวทนากว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!
แต่คำสุภาษิตกล่าวไว้ได้ดี คนเดินใกล้แม่น้ำ มีหรือที่เท้าจะไม่เปียก[2]
เช้าตรู่ของวันนี้ ตอนที่น้องดาบโจมตีศิษย์พี่สำนักเดียวกันแถวๆ ด่านประตูหยก ว่านกุยก็เดินออกจากเมืองจิงโจวอีกครั้งแล้ว
และข้างกายเขาก็มียอดฝีมือผู้เล่นที่ว่านเจิ้นซานบิดาของเขามอบหมายภารกิจให้มาคุ้มกัน
ที่แท้เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ว่านกุยถูกฆ่าเป็นประจำ ภารกิจเนื้อเรื่องขนาดใหญ่ไม่มีทางดำเนินต่อไปได้ ระบบก็จะใช้วิธีการที่เตรียมไว้ นั่นก็คือแจกภารกิจคุ้มกันให้ผู้เล่น เพื่อรับประกันว่าว่านกุยจะไปถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย ทำให้ภารกิจเนื้อเรื่องที่กำหนดไว้ดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น
สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดคิดนี้ ไม่ว่าจะเป็นน้องดาบหรือเจ้าอ้วนชนะฟ้าพี่ชายนางก็ล้วนคาดคิดไม่ถึง
ดังนั้นพวกมือสังหารที่พวกเขาจ้างมา ที่จริงแล้วก็ไม่ถือว่ามีความสามารถมากนัก
ถึงอย่างไรก็เป็นแค่ว่านกุยคนเดียว จ่ายห้าสิบเหรียญทองเพื่อเพื่อแก้ไขปัญหา ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินมากกว่านี้เพื่อจ้างยอดฝีมือ
ดังนั้นมือสังหารที่พวกเขาจ้างมา ก็ย่อมถูกผู้เล่นที่รับภารกิจคุ้มกันกำจัดทิ้งอยู่แล้ว
ส่วนว่านกุยก็ไม่ถูกมือสังหารขัดขวางแล้ว ในที่สุดก็ออกจากเมืองจิงโจวได้อย่างราบรื่น ภารกิจของตัวเองซึ่งควรจะทำสำเร็จตั้งแต่สองเดือนที่แล้ว ตอนนี้เขาทำสำเร็จแล้ว ปลดล็อกภารกิจเนื้อเรื่องถัดไปได้อย่างราบรื่น
ส่วนตอนที่เจ้าอ้วนชนะฟ้าได้รับข่าวเรื่องภารกิจ เนื่องจากกำลังเล่นหมากรุกกับคนอื่น จึงไม่ได้ส่งข่าวให้น้องดาบรู้ในทันที จนกระทั่งเมื่อครู่นี้ถึงนึกได้และบอกให้นางรู้
แน่นอน ต่อให้เจ้าอ้วนชนะฟ้าได้ข่าวแล้วบอกน้องดาบทันทีก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี
เพราะจนกระทั่งตอนนี้ ข่าวที่พวกเขาสองพี่น้องมีก็จำกัดอยู่แค่ว่า ว่านกุยกำลังจะไปหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองจิงโจวเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงที่ฉีฉางฟ่าจัดขึ้น ส่วนหมู่บ้านนั้นชื่อว่าอะไร รายละเอียดว่าอยู่ตรงไหน ตอนนี้พวกเขากลับยังไม่มีข่าวที่แม่นยำ
“ถ้าปล่อยให้ว่านกุยนั่นไปถึงจุดหมายอย่างราบรื่น เนื้อเรื่องหลังจากนี้ก็ควบคุมยากแล้ว” น้องดาบกล่าวอย่างกลุ้มใจสุดๆ “จะว่าไปแล้ว ระบบก็เหมือนจะถูกข้ากดดันจนร้อนรน ไม่น่าเชื่อว่าจะเริ่มมอบหมายภารกิจไร้สาระแบบนี้ให้ผู้เล่นแล้ว ดูท่าแล้ว คงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเปิดภารกิจ ‘เคล็ดเทียมนครา’ แน่นอน”
พอได้ฟังพูดของน้องดาบ เยี่ยเว่ยหมิงก็นับว่าได้เปลี่ยนกระบวนการรับรู้ที่มีต่อวิธีการทำงานของน้องสาวคนนี้ใหม่แล้ว
เพื่อควบคุมจังหวะของเนื้อเรื่อง ไม่น่าเชื่อว่านางจะดักฆ่า NPC สำคัญของเรื่องถึงยี่สิบกว่ารอบ นับว่าโหดจริงๆ
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังตกตะลึงกับวิธีการของน้องดาบ ข้างหูของทั้งสองก็มีเสียงประกาศระบบทั้งขึ้นพร้อมกัน
[ประกาศระบบ: ผู้เล่น xx กำลังจะสังหารฉีฉางฟ่า ฉายา ‘โซ่ขวางแม่น้ำ’ BOSS เลเวลห้าสิบเอ็ด หากทำเฟิร์สคิลสำเร็จจะได้รับรางวัลเฟิร์สคิล: ชื่อเสียงยุทธภพ 45000 แต้ม ค่าผลงานสำนัก 7000 แต้ม]
ประกาศระบบ: …
เดิมทีนี่คือประกาศระบบที่ธรรมดามาก ทุกสองวันจะได้ยินสักครั้ง บรรดาผู้เล่นมองเป็นเรื่องปกติแล้ว ไม่มีใครสนใจมากนัก
แต่น้องดาบได้ยินแล้วสีหน้ากลับเปลี่ยนไปมาก “สมควรตาย! เจ้าเวรนั่นแม้แต่ฉีฉางฟ่าก็ฆ่าไม่ได้ ตอนนี้ระบบจะเร่งความเร็วเนื้อเรื่องแล้ว ไม่ได้การละ ข้าจะไปขัดขวางเจ้าหมอนั่นเดี๋ยวนี้ ส่วนเรื่องอื่นเดี๋ยวค่อยติดต่อกันทีหลัง!”
พอพูดจบ ร่างของน้องดาบก็กลายเป็นเงาเลือนรางวิ่งตะบึงไปทางจุดพักม้าทันที
ตอนที่มองคล้อยหลังน้องดาบ เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไรดี
แม้ตอนนี้มีเรื่องต้องทำมากมาย ยกตัวอย่างเช่นนำประกาศิตสร้างพรรคกับของบนตัวไปขายแลกเงิน เช่นรีบอัปเลเวล พยายามทำภารกิจของหวังชู่อีให้สำเร็จโดยเร็ว ทั้งยังไปตามหาเบาะแสวัตถุดิบยาหลายอย่างของภารกิจสุดยอดวิชาอีก
แต่สำหรับเรื่องพวกนี้ เขากลับไม่สนใจแล้ว
เขาเดินไปทางจุดพักม้าด้วยความเบื่อหน่ายนิดหน่อย เตรียมจะนำของไปขายก่อนแล้วค่อยว่ากัน แต่ทันใดนั้นกลับมีพิราบสื่อสารตัวหนึ่งบินมาเกาะบนบ่าเขา
จดหมายถูกส่งมาจากหันเสี่ยวอิ๋ง หนึ่งในเจ็ดประหลาดแห่งเจียงหนาน เป็น NPC ที่ถ่ายทอด ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ให้เยี่ยเว่ยหมิงตอนอยู่หมู่บ้านตู้คังเช่นกัน
เนื้อหาเรียบง่ายมาก แค่เชิญให้เขาไปเจอกันที่โรงเตี๊ยมเย่ว์ไหลเมืองเทียนจิน เพื่อเข้าร่วมภารกิจเนื้อเรื่องขนาดใหญ่ ‘ประลองยุทธ์เจ็ดสังกัด’
ส่วนรายละเอียดว่าภารกิจนี้เป็นอย่างไรกันแน่ ประลองยุทธ์เจ็ดสังกัดหมายความว่าอะไร หันเสี่ยวอิ๋งกลับไม่ได้บอกไว้ในจดหมาย
[1] น้ำมาคลองเกิด 水到渠成 หมายถึง เมื่อเงื่อนไขต่างๆ สุกงอมเรื่องต่างๆ ก็จะบรรลุผลสำเร็จ
[2] คนเดินใกล้แม่น้ำ มีหรือที่เท้าจะไม่เปียก 常在河边走,哪有不湿鞋 หมายถึง อยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างไรก็จะมีนิสัยอย่างนั้น