ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 303 ปฏิญาณแรกพิฆาตหมาป่า!
ตอนที่ 303 ปฏิญาณแรกพิฆาตหมาป่า!
เมื่อเทียบ BOSS โหมดปกติกับ BOSS โหมดภารกิจ ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดคืออะไร
พลังต่อสู้?
ไม่ใช่!
ยกตัวอย่างเช่น เถียนปั๋วกวงโหมดปกติที่อยู่ตรงหน้า พลังต่อสู้ของเขาแม้จะแข็งแกร่ง แต่ก็เป็นสถานะแข็งแกร่งที่สุดของเขาเท่านั้นเอง
ยังไม่ต้องพูดใครที่ไหน พูดถึงหลวงจีนหยวนเจินที่อยู่ในสถานะบาดเจ็บสาหัสก่อนหน้านี้ หากเทียบค่าสเตตัสประจำตัวและทักษะยุทธ์ของทั้งสองคน บางทีเถียนปั๋วกวงที่อยู่โหมดปกติอาจเก่งกว่าก็เป็นได้
แต่ถ้านับจุดเด่นทักษะยุทธ์ของทั้งสองคน หยวนเจินก็ถึงขั้นรับมือได้ยากยิ่งกว่าเดิม
ถ้านำสองคนนี้ไปให้คอมพิวเตอร์จัดการ ให้สู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายโดยใช้ AI สุดท้ายแล้วมีความเป็นไปได้เก้าในสิบว่าคนที่จะตายก็คือเถียนปั๋วกวงที่มีเลเวลสูงกว่าหนึ่งเลเวล
แต่ถ้านำหยวนเจินโหมดภารกิจกับเถียนปั๋วกวงโหมดปกติมาสู้กัน บทสรุปสุดท้ายก็คงจะตรงกันข้าม
ความแตกต่างที่อยู่ระหว่างนั้นก็คือ BOSS โหมดปกติมีสติปัญญาเหนือกว่า
ในการต่อสู้ที่ซับซ้อน BOSS โหมดภารกิจทำได้เพียงต่อสู้โดยอิงจากโปรแกรมการต่อสู้ที่กำหนดไว้แล้ว แต่ BOSS โหมดปกติจะอาศัยสติปัญญาตัดสินสถานการณ์อย่างสมเหตุสมผลที่สุด
เอกลักษณ์ที่ชัดเจนที่สุดก็คือ BOSS โหมดปกติจะไม่ถูกเอฟเฟ็กต์ยั่วเย้า ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ควบคุม
ก็เหมือนกับตอนที่ผู้เล่นคนหนึ่งเผชิญการโจมตีนี้ มีแต่จะรู้สึกว่าหัวใจถูกครอบงำด้วยความรู้สึกอันตรายมหาศาล ทั้งยังรับรู้อย่างชัดเจนด้วยว่าแหล่งที่มาของอันตรายนี้ก็คือเยี่ยเว่ยหมิง
แต่จะชิงโจมตีทำลายภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดนี้ก่อนหรือไม่ กลับต้องวิเคราะห์ตามสถานการณ์จริง
BOSS แบบนี้ เวลาสู้กันขึ้นมาก็จะยุ่งยากขึ้นเยอะเลย!
ทว่าสิ่งที่เยี่ยเว่ยหมิงพูดไปทั้งหมด กลับเหมือนมีดแหลมที่แทงเข้าหัวใจของเถียนปั๋วกวง ทั้งยังเป็นการโจมตีแบบคอมโบ แทงจนเกิดเสียงฉึกๆๆ
ในฐานะโจรราคะคนหนึ่ง หนึ่งในสองโจรราคะที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุทธภพ สิ่งที่เถียนปั๋วกวงภาคภูมิใจที่สุดคืออะไร
นอกจากดาบเร็วพายุคลั่งของเขาแล้ว ก็เป็นเจ้านกเขาน้อยของเขาไม่ใช่หรอกหรือ
เยี่ยเว่ยหมิงกลับนำสองสิ่งนี้มาพูดรวมกันได้อย่างแยบยล ทำลายความภาคภูมิใจของอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง แล้วจะให้เถียนปั๋วกวงทำใจยอมรับได้อย่างไร
ตอนที่เถียนปั๋วกวงโดนคริติคอลดาเมจจากปากของเยี่ยเว่ยหมิง เขาก็แทบจะสูญเสียสติสัมปชัญญะ ขณะที่ยิ่งโจมตีอย่างบ้าระห่ำขึ้นเรื่อยๆ กลับสูญเสียสติปัญญาซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของ BOSS โหมดปกติไปด้วยเช่นกัน
จากนั้น โชคร้ายก็มาเยือนเขาแล้ว
หลังจากผ่านไปสิบห้ากระบวนท่า ในที่สุด ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ของเยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มเผยความเหนื่อยล้าท่ามกลางการโจมตีเหมือนพายุของเถียนปั๋วกวง
หลังจากผ่านไปสามสิบกระบวนท่า กระบวนท่าของเยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มปั่นป่วนเต็มที่แล้ว
ตอนถึงกระบวนท่าที่สามสิบห้า ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็รับมือกับการโจมตีอันดุดันของเถียนปั๋วกวงไม่ทัน เผยช่องโหว่ใหญ่มากตรงหน้าอก
ในกระบวนการนี้ เยี่ยเว่ยหมิงแสดงออกได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก ไม่เผยพิรุธว่ากำลังแสดงละครเลยสักนิด
ถาม: ต้องทำอย่างไรถึงจะทักษะการแสดงให้ถึงระดับสุดยอดแบบนี้
ตอบ: แสดงจากธาตุแท้!
ดังนั้นเถียนปั๋วกวงจึงถูกเยี่ยเว่ยหมิงหลอกด้วยการแสดงที่สมจริงมาก เป็นไปตามที่เยี่ยเว่ยหมิงปรารถนา อีกฝ่ายฉวยโอกาสตอนที่ดาบล้ำค่าปัดกระบี่ยาวของเยี่ยเว่ยหมิงออก ชกหมัดไปทางจมูกของเขาอย่างแรง
เมื่อเผชิญกับหมัดที่อันตรายของเถียนปั๋วกวง เยี่ยเว่ยหมิงกลับแสดงออกอย่างโอ้อวดนิดหน่อย
เถียนปั๋วกวงแม้จะไม่เคยฝึกวิชาหมัดที่เข้าท่าใดๆ มาก่อน ท่องยุทธภพโดยอาศัยวิชาตัวเบากับวิชาดาบจนโด่งดัง แต่ในฐานะ BOSS ใหญ่เลเวลเจ็ดสิบคนหนึ่ง ต่อให้เป็นเพียงการโจมตีธรรมดาที่เรียบง่ายที่สุด แต่เมื่อโจมตีบนตัวผู้เล่นทั่วไป อานุภาพก็ร้ายแรงถึงชีวิตอยู่ดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากจุดโจมตีของเขาอยู่บนจมูกของเยี่ยเว่ยหมิง หากโจมตีถูกจุดนั้นเมื่อไร เยี่ยเว่ยหมิงจะต้องติดสถานะมึนงงแน่นอน
และด้วยความเร็วดาบของเถียนปั๋วกวง ต่อให้ติดสถานะมึนงงเพียงหนึ่งวินาที แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาฟันบนตัวเยี่ยเว่ยหมิงได้เจ็ดแปดดาบแล้ว
ด้วยค่าสเตตัสป้องกันและพลังชีวิตของเยี่ยเว่ยหมิง จะต้านทานเถียนปั๋วกวงได้ถึงเจ็ดแปดดาบเชียวหรือ
ไม่ได้!
ดังนั้นยามเผชิญหน้ากับหมัดที่ไม่มีทางเลี่ยงได้ของเถียนปั๋วกวง เขาก็ตกใจจนมึนงงทันที!
ไม่ใช่แค่มึนงง ชั่วพริบตาเดียว ใบหน้า ลำคอ สองมือและผิวกายของเขาก็กลายเป็นสีแดงเรื่อเพราะความตกใจแล้วเช่นกัน ถึงขั้นมีไอร้อนที่สังเกตเห็นได้ยากลอยขึ้นมาแล้วด้วย
ขณะเดียวกันนี้เอง เยี่ยเว่ยหมิงก็ร้องว่า “แม่งเอ๊ย” ฝ่ามือซ้ายของเขาผลักออกมาเหมือนไม่ได้ตั้งใจ เหมือนไม่น่าเอ่ยถึงการกระทำนี้ด้วยซ้ำ
การกระทำแบบนี้ เถียนปั๋วกวงคุ้นเคยที่สุดแล้ว!
ในฐานะโจรราคะคนหนึ่ง ทุกครั้งที่ก่อคดี เขาเห็นท่าทางดิ้นรนแบบนี้ของเหยื่อจนเป็นปกติแล้ว จากนั้น จากนั้น…แค่กๆๆ
แทบจะเป็นไปโดยสัญชาตญาณ เมื่อเห็นท่าทางของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ เถียนปั๋วกวงเปลี่ยนจากใช้หมัดเป็นใช้กรงเล็บทันที เปลี่ยนจากชกเป็นขยุ้ม ใช้กรงเล็บขยุ้มไปบนเส้นชีพจรบนข้อมือของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว
ชำนาญการที่สุด!
จากนั้น โจรราคะระดับท็อปของยุทธภพที่ชำนาญการคนนี้ก็ต้องจ่ายราคาให้กับความโง่เง่าของตัวเอง!
“อา!”
-18683!
กระดูกแตก!
“อา!…”
……
ยังใช้สูตรเดิม เป็นรสชาติที่คุ้นเคย
เพียงแต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์ปกติ ด้วยค่าสเตตัสของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ ถ้าอยากจะสร้างดาเมจมหาศาลบนตัว BOSS เลเวลเจ็ดสิบเอ็ดโหมดปกติ ถึงขั้นโจมตีทีเดียวจนอีกฝ่ายกระดูกแขนแตกได้ ต่อให้อาศัยประสิทธิภาพของ ‘มังกรซ่อนกบดาน’ แต่ก็ไม่มีทางทำได้รวดเร็วถึงขั้นนี้แน่นอน
ถ้าเปลี่ยนเป็นบอสทั่วไป เวลานี้เขาจะต้องทดลองใช้ ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ที่ธรรมดาก่อนแน่นอน
ถ้าเผื่อทำสำเร็จขึ้นมาล่ะ!
แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับแตกต่าง เวลาที่ต้องเล่นบทโหด เขาก็ไม่ลังเลอยู่แล้ว
โหดกับศัตรู โหดกับตัวเองด้วยเช่นกัน!
การโจมตีด้วยฝ่ามือสำคัญตรงที่ทำให้พลิกสถานการณ์ได้ เยี่ยเว่ยหมิงเติมวัตถุดิบสุดโหดไปบน ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ด้วย!
ตอนพลังฝ่ามือรูปมังกรสีฟ้าตบจนเถียนปั๋วกวงกระเด็นถอยหลังไปทั้งร่าง เยี่ยเว่ยหมิงก็พลิกข้อมือ ก่อนจะมีลูกแก้วหลิวหลีเจ็ดสีลูกหนึ่งยิงตามออกมา
มังกรซ่อนกบดานต่อด้วยวิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ กลายเป็นชุดโจมตีต่อเนื่องที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้งานจนชินแล้ว
แต่ถึงอย่างไร BOSS ก็ยังเป็น BOSS โหมดปกติ ต่อให้ตัวติดสถานะลอย แต่ก็ยังไม่เสียความสามารถในการต่อต้านโดยสิ้นเชิง เพียงชั่วประกายไฟตอนดีดลูกแก้ว เขาที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศก็พลันใช้มือขวากวาดดาบสั้นออกมา รับมือกับลำแสงสีรุ้งนั่นได้อย่างหวุดหวิด
แกร๊ง!
ตามด้วยเสียงดังสะเทือน ร่างของเถียนปั๋วกวงกระเด็นไปข้างหลังเร็วกว่าเดิม ลอยไปกระแทกกับหน้าผาหินที่อยู่ข้างหลังถึงได้หยุด
ทันใดนั้นเอง ผิวกายของเยี่ยเว่ยหมิงก็แดงก่ำเหมือนเลือดแล้ว คลื่นร้อนปะทุอยู่บนร่างกายเขาเป็นพักๆ ร้อนผ่าวจนอากาศรอบตัวบิดเบี้ยว หลังจากโจมตีครั้งหนึ่งแล้วไม่โดนเป้าหมาย เขาก็เดินตามกระบี่ที่ส่งออกไปทันที บนกระบี่แสงทองในมือปล่อยแสงกระบี่ร้อนออกมาสายหนึ่ง พุ่งตรงไปยังหัวใจของเถียนปั๋วกวง
“ขอไถ่ถาม ยามจากกันไยจันทร์มักเต็มดวง[1]”
ท่ามกลางเสียงบทกวีที่เต็มไปด้วยความอวดเก่ง กระบี่แสงทองอยู่ห่างจากจุดตันเถียนของเถียนปั๋วกวงไม่ถึงสามฉื่อแล้ว
ไซซีกุมจุดตันเถียน!
ท่ามกลางความหวาดกลัว เถียนปั๋วกวงรีบใช้แผ่นหลังยันหน้าผาหินที่อยู่ข้างหลังเอาไว้ แล้วถลันร่างที่ลอยอยู่กลางอากาศไปด้านข้าง หลบกระบี่คว้านท้องของเยี่ยเว่ยหมิงได้อย่างหวุดหวิด แต่เป็นเพราะเขาแขนหัก ทำให้ออกแรงได้ไม่สม่ำเสมอกัน ตอนหมุนตัวหลบจึงกลายเป็นเผยแผ่นหลังให้เยี่ยเว่ยหมิงแล้ว
พอเยี่ยเว่ยหมิงเห็นดังนั้นก็ผลักฝ่ามือออกมาหนึ่งทีด้วยความเร็วปกติ ใช้ ‘มังกรซ่อนกบดาน’ โจมตีไปยังก้นกบของเถียนปั๋วกวง
“น่าแค้น ความภักดีต่อชาติบ้านเมืองมิอาจมาพร้อมความกตัญญูต่อบิดามารดา”
มังกรชั่ว…แค่กๆ ตอนมังกรสีฟ้าคริสตัลวิ่งออกมา เถียนปั๋วกวงทำได้เพียงรวบรวมปราณแท้เฮือกหนึ่งเพื่อดึงร่างของตัวเองให้สูงขึ้นครึ่งจั้ง แยกขาซ้ายและขวาออกจากกัน หลบฝ่ามืออันน่าสะพรึ่งของเยี่ยเว่ยหมิงได้อย่างน่าหวาดเสียวอีกแล้ว
จากนั้น เถียนปั๋วกวงกลับหุบขาที่เพิ่งแยกออกอีกครั้ง ฉวยโอกาสตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้แรงเก่าหมดแล้วยังไม่ออกแรงใหม่ หนีบมือซ้ายของเยี่ยเว่ยหมิงเอาไว้แน่น
จากนั้นพลันใช้ดาบที่อยู่ในมือฟันลงมา ฟันตรงไปที่ข้อมือของเยี่ยเว่ยหมิง
เยี่ยเว่ยหมิงทำแขนเขาพิการก่อนข้างหนึ่ง ตอนนี้เขาก็จะทำให้มือข้างหนึ่งของเยี่ยเว่ยหมิงพิการเช่นกัน
ใช้มือแลกมือ!
[1] ยามจากกันไยจันทร์มักเต็มดวง (何事长向别时圆) เป็นท่อนหนึ่งของบทกวีสุ่ยเตี้ยวเกอโถว (水调歌头) ของซูชื่อ นักกวีสมัยซ่งเหนือ