ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 328 น้องดาบยุ่งมาก
ตอนที่ 328 น้องดาบยุ่งมาก
ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบก็เดินออกจากอาณาเขตเสินหนงจย้าไปพร้อมๆ กับจินตนาการว่าตัวเองกำลังขี่สัตว์เลี้ยงที่บินได้
คาดไม่ถึงว่าตอนที่พวกเขาเพิ่งออกจากเส้นแบ่งเขตเสินหนงจย้า ก็รู้สึกว่าภาพตรงหน้าดำมืด พอเงยหน้ามอง กลับเห็นพิราบขาวฝูงหนึ่งปรากฏอยู่ในขอบเขตสายตาของทั้งสองแล้ว จากนั้นแยกกันบินเข้ามาในร่างกายของเยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบแล้วก็หายไป
เมื่อเห็นฉากนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็อดด่าเสียงเบาๆ ไม่ได้ว่า “เฟิงชิงหยางตาแก่จอมหลอกลวง ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้บอกข้าว่าเสินหนงจย้าจัดเป็นแผนที่พิเศษ ใช้พิราบสื่อสารส่งจดหมายไม่ได้!”
“เรื่องนี้ก็เหมือนจะโทษอีกฝ่ายไม่ได้นะ?” ตอนนี้น้องดาบกลับทวงความยุติธรรมแทนเฟิงชิงหยาง “เข้ามาอยู่ในเกมนานขนาดนี้แล้ว ข้าเองก็เคยรับภารกิจทั้งเล็กทั้งใหญ่มาไม่น้อย ไม่เห็น NPC คนไหนเตือนเรื่องนี้ก่อนแจกภารกิจสักคนเลย”
เยี่ยเว่ยหมิงก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีความคิดจะเถียงกับนางเช่นกัน เพียงตอบว่า “ข้อความที่สะสมมาครึ่งค่อนเดือน รีบๆ อ่านเข้าเถอะ ไม่แน่ว่าอาจมีเรื่องด่วนก็ได้” พูดจบก็เอาแต่สนใจอ่านข้อความของตัวเอง
“แม่งเอ๊ย! เกิดปัญหาแล้วจริงๆ!”
ทางด้านเยี่ยเว่ยหมิงยังไม่เจอปัญหาอะไร น้องดาบกลับหน้าดำคร่ำเครียดแล้ว “ภารกิจทางฝั่งนั้นของข้าเกิดเหตุไม่คาดคิดอีกแล้ว…จะว่าไปก็เป็นความผิดข้าเอง ก่อนหน้านี้ข้าให้เสวียนเสี่ยวปี่กับเซียวเหยาถอนใจช่วยเฝ้า BOSS กระจอกๆ คนหนึ่ง แต่ละคนเฝ้าสามครั้ง พอนับดูแล้วในเวลาหกเดือนก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิด…
…แต่ผลก็คือชีวิตในแต่ละวันที่เสินหนงจย้าตื่นเต้นเร้าใจเกินไป ข้าถึงขั้นโยนเรื่องนี้ทิ้งไปชั่วขณะ…
…ดูจากกลยุทธ์เนื้อเรื่องที่พี่ชายของข้าสรุปมาให้ เนื้อเรื่องขั้นต่อไปเกรงว่าจะเป็น…มือปราบหน้าเหม็น เจ้าช่วยข้าสักครั้งได้หรือเปล่า”
สำหรับคำขอของน้องดาบ เยี่ยเว่ยหมิงอดถามกลับไม่ได้ว่า “BOSS ที่เจ้าต้องการเฝ้า ไม่น่าเชื่อว่าจะพัฒนาศักยภาพเร็วขนาดนี้ ก่อนหน้านี้แม้แต่เสวียนเสี่ยวปี่กับเซียวเหยาถอนใจยังจัดการไหว ตอนนี้เจ้าเองไม่มีความมั่นใจแล้วหรือ”
น้องดาบส่ายหน้าอธิบาย “ประการแรก ศักยภาพของ BOSS ที่เฝ้าจะอ่อนแอหรือแข็งแกร่งก็ไม่ได้เกี่ยวกับลำดับการลงสนามเสมอไป ที่หลายครั้งก่อนค่อนข้างอ่อนแอ ก็เพราะยังไม่ถึงเวลาที่ยอดฝีมือตัวจริงลงสนามก็เท่านั้นเอง เป้าหมายครั้งนี้เป็น BOSS เลเวลหกสิบเจ็ดที่นำทีมมอนสเตอร์อีลิท ผู้เล่นทั่วไปจัดการไม่ไหวเลย”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วเบะปาก “เลิกโวยวายได้แล้วน่า ผู้เล่นคนอื่นจัดการไม่ไหว แต่เจ้าจะจัดการไม่ไหวเชียวหรือ เจตจำนงแห่งดาบอ่อนด้อยหรือไง”
“ไม่ใช่ปัญหาว่าสู้ชนะหรือสู้ไม่ชนะ” น้องดาบได้ยินแล้วส่ายหน้าอย่างจนใจ “เพราะเป้าหมายครั้งนี้ล้วนเป็นคนของสำนักดาบโลหิต ข้าจึงลงมือไม่ได้ ข้าถามหน่อยมือปราบหน้าเหม็น ตกลงเจ้าจะยอมช่วยหรือเปล่า”
เยี่ยเว่ยหมิงตอบแบบอ้อมค้อมมากว่า “ไม่ช่วย!”
น้องดาบได้ยินแล้วอดหงุดหงิดไม่ได้ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าพิราบขาวที่บินมาเกาะบนตัวเยี่ยเว่ยหมิงมีเยอะกว่านาง จึงถามหยั่งเชิงว่า “ทางฝั่งเจ้าก็พบปัญหาเหมือนกันหรือ”
“ไม่ถือว่าเป็นปัญหาหรอก” เยี่ยเว่ยหมิงอธิบายอย่างไม่จริงจัง “สะพานสวรรค์น้อยเปลืองแรงไปไม่น้อย กว่าจะช่วยหาโอกาสให้ข้ารับภารกิจปลาขาวบึงหนาวที่สุสานโบราณได้ แต่ตอนนี้ปลาขาวที่เก็บไว้ในสำนักสุสานโบราณมีไม่ถึงสิบตัว ทั้งยังมีศิษย์สำนักสุสานโบราณอีกไม่น้อยเตรียมจะไปทำภารกิจปลาขาวสุดความสามารถด้วย”
พอได้ยินว่าเยี่ยเว่ยหมิงกำลังกลุ้มใจกับภารกิจสำคัญของภารกิจสุดยอดวิชา น้องดาบก็ล้มเลิกความคิดที่จะขอให้เขาช่วยนางทันที
ถึงอย่างไรก็เป็นภารกิจที่ทั้งสองรับมาด้วยกัน ภารกิจนี้จะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ล้วนเป็นตัวตัดสินว่าพวกเขาจะได้หรือไม่ได้สุดยอดวิชา หรือจะได้สุดยอดวิชาเมื่อไร
น้องดาบถอนหายใจด้วยความจนปัญญา ได้แต่บอกว่า “ดูท่าแล้ว ข้าว่าภารกิจฝั่งเจ้าสำคัญกว่า เดี๋ยวข้าจะลองติดต่อพวกฉางซิงอวี่แล้วกัน”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า จากนั้นทั้งสองก็วิ่งไปทางอำเภอจู๋ซานที่อยู่ใกล้กับที่นี่ที่สุด
ระหว่างทาง ทั้งสองไม่ได้คุยอะไรกันเลย
แต่ไม่ใช่ว่าพวกเขากำลังขุ่นเคืองกัน ดูจากพิราบขาวที่บินเข้าบินออกจากตัวพวกเขาก็รู้แล้วว่าตอนนี้ทั้งสองกำลังแข่งกันยุ่ง ไม่มีอารมณ์มาขุ่นเคืองใจกันและกัน
เยี่ยเว่ยหมิงปรับความเร็วตามน้องดาบตลอดทาง ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ทั้งสองก็มาถึงอำเภอจู๋ซานแล้ว พอเห็นจุดพักม้าอยู่ไกลๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็พลันเอ่ยว่า “เรื่องทางฝั่งเจ้าต้องใช้เวลาสะสางนานแค่ไหน ข้าว่าทางที่ดีพวกเรานัดกันหนึ่งชั่วโมงก่อนดีกว่า ไปทำภารกิจของจวนอ๋องจ้าว”
น้องดาบได้ยินแล้วผิดคาดนิดหน่อย “เหมือนเจ้าใส่ใจภารกิจของหวังชู่อีเป็นพิเศษนะ”
เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ “ข้าอยากนำงูเหลือมที่ฝากไว้กับเหลียงจื่อเวิงกลับมาไวๆ เจ้าอยากกินมากเหมือนกันไม่ใช่หรือ…
…แล้วดันเจี้ยนที่เกี่ยวข้องกับภารกิจเนื้อเรื่องอย่างจวนอ๋องจ้าว ถ้าพลาดการบุกดันเจี้ยนครั้งแรกไปแล้ว ข้าก็ไม่แน่ใจว่าจะได้เห็นงูเหลือมของข้าอีกหรือเปล่า”
“จะว่าไปแล้ว งูเหลือมตัวนั้นกลายเป็นของเจ้าแล้วหรือ” น้องดาบแปลกใจ
“ข้าถูกใจแล้ว มันก็ควรจะเป็นของข้า” เยี่ยเว่ยหมิงตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ “รวมทั้งกระบี่อิงฟ้าด้วย ข้าคิดว่ามันเป็นของข้าเหมือนกัน ขนาดเหอจู๋เต้ายังเคยบอกเลยว่าวาสนาระหว่างข้ากับกระบี่เล่มนั้นจบแล้ว ตอนนี้ทำได้เพียงเก็บไว้ที่สำนักเอ๋อเหมย”
“หึหึ!”
สำหรับคำพูดที่ทั้งไร้ยางอายทั้งจริงจังของเยี่ยเว่ยหมิง น้องดาบอดแค่นหัวเราะไม่ได้ “ถ้าเป็นอย่างนี้ ข้าก็คิดว่าดาบฆ่ามังกรควรจะเป็นของข้านะ เพียงแต่ตอนนี้มันอยู่ที่…ถึงอย่างไรสักวันข้าก็จะนำมันกลับมาให้ได้”
“สู้ๆ นะ!” เยี่ยเว่ยหมิงไม่อยากทำให้น้องสาวที่มีอุดมการณ์ต่อสู้เต็มเปี่ยมคนนี้สะเทือนใจ จึงพูดให้กำลังใจนางอย่างมีคุณธรรมน้ำมิตร “ตามที่ข้าศึกษามาจากเนื้อเรื่อง กระบี่อิงฟ้ากับดาบฆ่ามังกรเป็นไอเทมสำคัญของเรื่อง ‘บันทึกกระบี่อิงฟ้าดาบฆ่ามังกร’ ต้องรอให้ทำภารกิจเนื้อเรื่องทั้งหมดเสร็จก่อน ผู้เล่นถึงจะมีโอกาสได้มันไป…
…และถ้าอิงตามเนื้อเรื่องตามต้นฉบับเดิม สุดท้ายกระบี่อิงฟ้าก็เหมือนจะหักกลายเป็นสองท่อน ทั้งยังกลายเป็นวัตถุไร้เจ้าของ ส่วนดาบฆ่ามังกรก็ตกอยู่ในมือของจางอู๋จี้ที่เป็นพระเอกของเรื่อง” เยี่ยเว่ยหมิงชะงักไปครู่เดียว แล้วก็ตัดสินใจจะให้ข้อมูลฟรีกับนางเยอะขึ้น ถือว่าตอบแทนที่ได้รับการชี้แนะจากอีกฝ่ายตอนอยู่ในห้องหินของตู๋กู “หลังจากภารกิจเนื้อเรื่องทั้งหมดจบลง เลเวลของจางอู๋จี้ก็น่าจะประมาณร้อยแปดสิบห้า”
พอเยี่ยเว่ยหมิงพูดจบ ตรงนั้นก็ตกอยู่ในความเงียบไปพักหนึ่ง
กระทั่งทั้งสองเดินเข้าใกล้จุดพักม้า เป็นระยะห่างที่กดเลือกปลายทางให้คนขับรถม้ามารับได้ น้องดาบถึงได้เอ่ยขึ้นว่า “ถ้าจะเตรียมการเรื่องทองฝั่งนั้นให้เร็วที่สุด ไม่แน่ถ้าเจ้าจัดการเรื่องของตัวเองเสร็จแล้ว เป็นฝ่ายติดต่อมาหาข้าก่อนก็ได้ สรุปว่าติดต่อกันไว้เรื่อยๆ แล้วกัน”
พอพูดจบ น้องดาบก็ส่งเงินแล้วบอกคนขังรถม้าตรงหน้าว่า “ไปเมืองจิงโจว”
น้องดาบไปแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ย่อมไม่เสียเวลากับสถานที่ที่ไม่สำคัญอีก หลังจากส่งค่าโดยสารให้คนขับรถมาแล้วก็บอกชื่อจุดหมายว่า “เมืองหลวงเปี้ยนจิง”