ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 333 ภารกิจระดับเจ็ดดาว บททดสอบสุดท้าย
ตอนที่ 333 ภารกิจระดับเจ็ดดาว: บททดสอบสุดท้าย
ใช้ฝ่ามือเดียวคัดคู่ต่อสู้ออกไปสองในสาม ร่างของเยี่ยเว่ยหมิงพุ่งมาถึงเถียนเอ๋อร์ที่กำลังจะใช้วิชากันผึ้งแล้ว มือซ้ายที่ไพล่หลังกำลังงอนิ้วคำนวณ ขณะเดียวกันก็แทงกระบี่แสงทองที่รวดเร็วไร้ที่เปรียบออกมา แทงไปถึงระหว่างดวงตาทั้งสองของอีกฝ่าย
ไซซีกุมหว่างคิ้ว!
ตำแหน่งตรงหว่างคิ้ว ไม่เพียงแค่เป็นหนึ่งในจุดที่อันตรายถึงชีวิตบนร่างกายมนุษย์ ตอนที่เผชิญหน้ากับการโจมตี นี่คือจุดสำคัญที่สร้างความตื่นตกใจต่อการมองเห็นมากที่สุด
อย่างไรเสีย ตำแหน่งนี้ก็อยู่ใกล้ดวงตาที่สุด!
ตอนแรกความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้คนหนาวถึงกระดูกแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ตามด้วยเห็นกระบี่ยาวของเยี่ยเว่ยหมิงจะออกมาตรงหน้าตัวเอง เถียนเอ๋อร์ตกใจจนหน้าถอดสีทันที
นางร้องตกใจพร้อมรีบถอยหลังไป
แต่ต่อให้นางถอยเร็ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ช้าเช่นกัน ไม่ว่านางจะเพิ่มความเร็วอย่างไรเพื่อดึงระยะห่างกับ กระบี่แสงทอง แต่กระบี่แสงทองในมือเยี่ยเว่ยหมิงกลับรักษาระยะห่างสามชุ่น[1]กับหว่างคิ้วของนางตลอด
ไม่ไกล แต่ก็ไม่ใกล้
ที่จริง ขอเพียงเถียนเอ๋อร์หยุดถอยตอนนี้แล้วชนกระบี่แสงทอง เยี่ยเว่ยหมิงก็จำเป็นต้องเก็บกระบี่และถอยหลัง
เพราะตามที่ตกลงกันไว้ เขาไม่อาจทำให้ศิษย์ของสำนักสุสานโบราณมีอันตรายถึงชีวิตระหว่างต่อสู้ได้ แต่ด้วยพลังโจมตีของเยี่ยเว่ยหมิงในปัจจุบัน เขาไม่คิดว่าในสำนักสุสานโบราณจะมีผู้เล่นคนไหนที่ถูกการโจมตีคริติคอลของเขาครั้งเดียวแล้วรอดชีวิตได้
ต่อให้เป็นสะพานสวรรค์น้อยก็ทำไม่ได้!
นี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมเขารักษาระยะห่างของปลายกระบี่เอาไว้ที่สามชุ่นตลอด
เพราะระยะห่างนี้ ทำให้เขาอาศัยการตอบสนองเยี่ยมยอดของตัวเองเก็บกระบี่กลับมาทันเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น
ถ้าระยะสั้นกว่านี้ แม้แต่เขาก็ไม่กล้ารับประกันว่าจะไม่พลาดพลั้ง
หลักการไม่ได้ซับซ้อน ต่อให้ไม่ใช่คนฉลาดมาก ขอเพียงไหวตัวทันสักหน่อยก็จะเข้าใจทันที
แต่ปัญหาก็คือเยี่ยเว่ยหมิงไม่ให้เวลาเถียนเอ๋อร์ไตร่ตรองเลยสักนิด เมื่อเห็นการโจมตีที่อันตรายถึงชีวิตจ่อมาถึงตรงหน้า น้องสาวคนนี้ก็ได้แต่ถอยโดยสัญชาตญาณ ในหัวมีเพียงความคิดเดียว นั่นก็คือหลบกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวที่อยู่ตรงหน้าให้ได้!
ยิ่งไปกว่านั้นผลจาก ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ก็ทำให้นางตกใจจนขนลุกไปทั้งตัว จะยังมีความสามารถในการไตร่ตรองปัญหาอย่างใจเย็นอีกหรือ
ทว่า ความรู้สึกกลัวแบบนี้มาเร็วไปเร็ว ผ่านไปไม่ถึงสองวินาที เยี่ยเว่ยหมิงก็เก็บกระบี่แสงทองแล้ว และความรู้สึกที่ทำให้คนจิตหวาดผวาก็หายไปตามด้วยเช่นกัน
ตอนที่แม่นางเถียนเอ๋อร์ถึงสติกลับมาได้ กลับพบว่าตัวเองถอยหลังออกไปอยู่นอกวงแล้ว
เถียนเอ๋อร์ OUT!
จนกระทั่งตอนนี้ ผึ้งหยกที่เถียนเอ๋อร์เรียกเพิ่งจะบินออกมาในป่าด้านหลังท่ามกลางเสียงหึ่งๆ ที่ชวนให้หนังศีรษะชาวาบ จากนั้นก็บินเลี้ยวกลับไปโดยไม่หยุดพักเลยสักนิด
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ ลาร่ากับครอฟท์ก็มองสะพานสวรรค์น้อยด้วยสายตาโกรธเคืองทันที
ส่วนสะพานสวรรค์น้อยก็เก็บขวดใบเล็กที่ใส่ยาผึ้งหยกเอาไว้เหมือนไม่รู้ไม่ชี้แล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “ตอนนี้ตัดสินแพ้ชนะได้แล้ว ข้าขัดขวางไม่ให้ผึ้งหยกพวกนั้นมารบกวนพี่ใหญ่เยี่ยทำภารกิจ คงจะไม่ผิดกฎกระมัง”
“สะพานสวรรค์คริสตัลทำถูกต้อง” ไม่ให้โอกาสผู้หญิงสองคนนั้นเถียงกลับเลย ท่านยายซุนที่อยู่ข้างๆ ชิงตัดสินเรื่องนี้ก่อนแล้ว จากนั้นหันมาพูดกับเยี่ยเว่ยหมิงว่า “พ่อหนุ่มน้อย บททดสอบแรกเจ้าทำสำเร็จอย่างงดงามมาก”
เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มถ่อมตัวแล้วกุมหมัดคารวะ “ท่านยายซุนโปรดออกโจทย์ด่านที่สองขอรับ”
“เฮ้อ…” ท่านยายซุนถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วบอกว่า “อย่างที่ข้าบอกไว้ก่อนหน้านี้ ปลาขาวบึงหนาวหนึ่งร้อยตัวพวกนั้น เดิมทีใช้เพิ่มความสามารถให้ลูกศิษย์ในสำนัก พอเจ้าเอาไปตัวหนึ่ง ศิษย์ของสำนักนี้ก็จะได้ลดลงตัวหนึ่ง เรื่องนี้สะพานสวรรค์คริสตัลรับแรงกดดันไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้นหากเจ้าอยากจะนำปลาขาวบึงหนาวไป ก็ต้องชดเชยให้สอดคล้องกัน”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า ในเมื่อเขาต้องการปลาขาวบึงหนาว ก็ไม่อาจแลกเปลี่ยนโดยขอผลตอบแทนเกินกว่าต้นทุนที่จ่ายได้ จึงถามตามตรงว่า “ไม่ทราบว่าท่านยายซุนต้องการให้ข้าชดเชยอย่างไร”
“เรื่องนี้จะว่าไปก็ค่อนข้างยาก เพียงแต่…เฮ้อ ยายแก่คนนี้จะพูดตรงๆ แล้วกัน”
สำหรับภารกิจด่านที่สอง แม้ท่านยายซุนจะรู้สึกว่าเอ่ยปากลำบาก แต่สุดท้ายก็ยังบอกว่า “ข้าไม่สนว่าเจ้าจะใช้วิธีการอะไร จะดรอปจากการฆ่ามอนสเตอร์ก็ได้ ก็ใช้เงินซื้อมาก็ดี หรือจะทำภารกิจก็ตามใจ ก็เพียงเจ้ามอบตำราลับ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ให้ข้าสักเล่ม ก็นับว่าเจ้าผ่านแบบทดสอบด่านที่สองแล้ว…
…และตำราลับ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ เล่มนี้ ก็จะถูกนำมาเป็นรางวัลของสำนักเช่นกัน เพื่อทดแทนปลาขาวบึงหนาวตัวที่หนึ่งร้อย จะนำมาเป็นรางวัลให้ลูกศิษย์ที่ทำภารกิจปลาขาวครั้งที่หนึ่งร้อย”
เมื่อได้ยินดังนั้น บรรดาศิษย์สาวของสำนักสุสานโบราณรอบๆ ที่เดิมทีไม่พอใจเยี่ยเว่ยหมิง ตอนนี้สายตาที่พวกนางมองเขาเปลี่ยนเป็นเฝ้าคอยแล้ว
สุสานโบราณเดิมทีก็ไม่ได้ใหญ่ จำนวนคนเยอะกว่าชั้นเรียนในโรงเรียนนิดหน่อยเท่านั้น พวกนางในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นย่อมเคยเห็นประสิทธิภาพอันน่ากลัวของกระบี่คู่ผนึกรวมจากสะพานสวรรค์น้อยมาแล้ว
เมื่อเทียบกันแล้ว ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ที่เป็นพื้นฐานของการฝึกกระบี่คู่ผนึกรวมมีแรงดึงดูดต่อสาวๆ พวกนี้มากกว่า ดึงดูดกว่าปลาขาวบึงหนาวที่เพิ่มค่าสเตตัสได้นิดหน่อย
แม้แต่ลาร่ากับครอฟท์ที่ต่อต้านอย่างรุนแรงก่อนหน้านี้ ตอนนี้ปฏิกิริยาของพวกนางก็เหมือนกับศิษย์สาวคนอื่นๆ เช่นกัน
กล่าวได้ว่า ขอเพียงเยี่ยเว่ยหมิงทำภารกิจที่สองสำเร็จ ชื่อเสียงบารมีของสะพานสวรรค์น้อยที่สำนักสุสานโบราณก็จะไม่ลดลง กลับเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ
สำหรับเรื่องนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ย่อมยินดีที่จะได้เห็นมันเกิดขึ้น จึงนำตำราลับ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ที่ได้จากตัวจ้าวจื้อจิ้งก่อนหน้านี้ออกมาเสียเลย แล้วพูดกับท่านยายซุนพร้อมรอยยิ้ม “จะว่าไปก็บังเอิญเหมือนกัน ตำราลับ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ เล่มนี้ บนตัวผู้น้อยมีอยู่พอดี ผู้อาวุโสรับไปเถิด…
…แหะๆ อย่างนี้ถือว่าผู้น้อยผ่านการทดสอบด่านที่สองแล้วหรือเปล่า”
เห็นได้ชัดว่าท่านยายซุนก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าบนตัวเยี่ยเว่ยหมิงมีตำราลับ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ อยู่เล่มหนึ่ง ทั้งยังนำออกมาโดยไม่ลังเลสักนิดเลยด้วย
ต้องทราบไว้ว่า แค่มูลค่าของตำราลับ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ อย่างเดียว ก็อาจไม่ต่ำกว่าปลาขาวบึงหนาวหนึ่งตัวแล้ว!
หลังจากรับตำราลับ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ มาอย่างพึงพอใจ ท่านยายซุนก็กล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ย่อมถือว่าจอมยุทธ์น้อยเยี่ยผ่านบททดสอบด่านที่สองแล้ว แต่สำนักสุสานโบราณก็ไม่เอาเปรียบเจ้าเช่นกัน บททดสอบด่านที่สามนี้ ไม่ว่าจอมยุทธ์น้อยเยี่ยจะเลือกยอมแพ้ หรือบุกด่านไม่สำเร็จ ยายแก่ผู้นี้ก็จะคืนตำราลับจอมยุทธ์น้อยเยี่ย”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วงง แต่เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นเวลานี้พอดี
[ติ๊ง! บททดสอบสุดท้าย จะยอมรับภารกิจหรือไม่]
บททดสอบสุดท้าย:
รับสามฝ่ามือจากผู้ทดสอบโดยไม่ตาย
ระดับภารกิจ: 7 ดาว
รางวัลภารกิจ: ปลาขาวบึงหนาว x1 รางวัลลับของสุสานโบราณหนึ่งชิ้น
บทลงโทษภารกิจล้มเหลว: ถูกผู้ทดสอบไล่สังหาร 3 วัน ระหว่างนั้นไปฟื้นชีพที่สำนักมือปราบเทพไม่ได้ นั่งรถม้าไม่ได้
รับภารกิจหรือไม่?
รับ/ปฏิเสธ
ภารกิจที่ง่ายขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าถูกตัดสินให้เป็นภารกิจเจ็ดดาว?
ในขณะที่กำลังสงสัย ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงหันไปมองท่านยายซุนอีกครั้ง กลับเห็นข้อมูลเลเวลและค่าสเตตัสปรากฏขึ้นเหนือศีรษะนาง
[ท่านยายซุน]
บ่าวรับใช้ของสำนักสุสานโบราณ
เลเวล: 66
พลังชีวิต: 210000/210000
กำลังภายใน: 130000/130000
……
ทั้งยังให้ตนรับสามฝ่ามือของนางโดยไม่ตายอีก?
ต่อให้สู้กันขึ้นมาจริงๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่คิดว่าคนที่ตายจะเป็นเขา
อย่าบอกนะว่า ยายเฒ่าคนนี้กำลังอ่อนข้อให้ข้า
[1] ชุ่น 寸 1 ชุ่นเท่ากับ 1.312 นิ้ว