ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 39 ฤดูกาลเก็บเกี่ยว
ตอนที่ 39 ฤดูกาลเก็บเกี่ยว
ไม่ต้องถามเลย เจ้าหนุ่มที่ทำการค้าแบบนี้ได้ นอกจากเจียวไท่หลางที่โลภเงินแล้วยังจะมีใครอีก
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงวิ่งมาทางตัวเอง เจียวไท่หลางก็หัวเราะแห้งๆ “เพื่อการค้าขายครั้งนี้ ข้าสิ้นเปลืองเวลาอันมีค่าบนเกาะนี้ไปเกือบสิบนาทีเชียวนะ เก็บเจ้าเพิ่มห้าสิบเหรียญเงิน ไม่ถือว่าเกินไปหรอกกระมัง”
เยี่ยเว่ยหมิงไม่มีเวลามาสิ้นเปลืองคำพูดกับเขา กดเปิดหน้าต่างแผงร้านค้าเสียเลย หลังจากแน่ใจแล้วว่าของกับราคาไม่มีปัญหา จึงกดซื้อทันที
หนึ่งเหรียญทองห้าสิบเหรียญเงินถูกหักออกในพริบตาเดียว ในมือเยี่ยเว่ยหมิงมีกระบี่เหล็กกล้าเพิ่มขึ้นมาหนึ่งเล่ม ยังคงเป็นกระบี่กากๆ ที่เพิ่มพลังโจมตียี่สิบแต้มเหมือนก่อนหน้านี้
แต่ต่อให้เป็นกระบี่กากอย่างไร มันก็ยังเป็นกระบี่อยู่ดี!
สำหรับมือกระบี่คนหนึ่ง การที่ในมือมีกระบี่กับในมือไร้กระบี่นั้น ความหมายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เมื่อเห็นจ้างเย่ว์ไล่ตามมาอีก เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง โบกมือใช้ท่า ‘แพะเคี้ยวโบตั๋น’ ทักทายอีกฝ่ายเสียเลย
ส่วนพ่อค้าอย่างเจียวไท่หลาง พอทำการซื้อขายเสร็จก็ถอยกลับไปอยู่ที่เดิมทันที
อันที่จริง เจ้าหมอนี่ก็รู้ชัดในการกระทำของตัวเอง เขาขายกระบี่ให้เยี่ยเว่ยหมิง ทำลายเรื่องดีของจ้างเย่ว์ ก็ย่อมถือว่าล่วงเกินอีกฝ่ายไปแล้ว ในขณะเดียวกัน ระหว่างที่ซื้อขายเขาขึ้นราคาโหดๆ กับเยี่ยเว่ยหมิงด้วย เขาย่อมไม่หวังว่าเยี่ยเว่ยหมิงจะซาบซึ้งใจต่อเขาเพราะเรื่องนี้อยู่แล้ว
เมื่อการต่อสู้จบลง ไม่ว่าใครจะรอดชีวิตจนถึงตอนสุดท้าย เขาก็คงไม่ได้รับผลดีอะไรแน่
แต่เขาก็ไม่ได้ถือสาอะไรกับเรื่องนี้ การเห็นเงินเป็นพระเจ้าคือหนึ่งในคุณสมบัติชั้นสูงที่พ่อค้าเก่งๆ ควรมี เมื่อเห็นสองคนตรงหน้าสู้กันอย่างสูสี ตัดสินแพ้ชนะไม่ได้เสียที เขาก็ไม่คิดจะอยู่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ต่อแล้ว เขากำหนดให้ตัวเองเป็นพ่อค้าคนหนึ่งในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ไม่ใช่คนเก็บขยะ[1]ประทังชีวิต
ดังนั้นเขาจึงเลือกทำตัวไหลลื่นเหมือนทาน้ำมันไว้ที่ฝ่าเท้า!
เพียงแต่ก่อนจะไป เขาก็ยังไม่ลืมตะโกนบอกทั้งสองว่า “ทั้งสองล้วนเป็นยอดฝีมือในเกม วันหลังหากมีอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ก็นำไปขายที่ร้านอุปกรณ์หลานพ่างจื่อเมืองลั่วหยางได้ อุปกรณ์สีขาวขั้นต่ำสิบเหรียญเงิน อุปกรณ์สีฟ้าเริ่มที่หนึ่งเหรียญทอง ส่วนราคาโดยละเอียดต้องดูที่ค่าสเตตัสของอุปกรณ์ ในร้านของข้ามีผู้ประเมินสินค้าเฉพาะทาง เชื่อว่าให้ราคาที่พวกเจ้าพอใจได้”
หลังจากโฆษณาเสร็จแล้ว ก็ไม่รอให้ทั้งสองตอบอะไรเช่นกัน เผ่นแน่บไปทางท่าเรือราวกับควันแล้ว
ทว่ายังไม่ทันรอให้วิ่งไปถึงท่าเรือ ระหว่างทางก็ถูกกระบี่ยาวที่หลบอยู่หลังต้นไม้โผล่มาแทงทะลุคอ ถูกโจมตีติดคริติคอลโดยไม่ทันระวัง!
จากนั้นก็เห็นร่างของอินปู้คุยถลันออกมาจากหลังต้นไม้ ฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายยังไม่รู้ตัว แทงกระบี่ต่อเนื่องอีกหลายครั้ง ทำให้พ่อค้าเจ้าเล่ห์ไร้มโนธรรมหลายเป็นแสงสีขาวไปแล้ว
บนกลางไหล่เขา พอเยี่ยเว่ยหมิงที่กำลังปะทะเดือดกับจ้างเย่ว์ได้เห็นฉากนี้ ก็แอบส่ายหน้าทอดถอนใจ
อันที่จริง แม้พฤติกรรมขึ้นราคาเกินจริงของเจียวไท่หลางจะน่าแค้น แต่หากไม่มีกระบี่เหล็กกล้าเล่มนี้ เขาก็หาทางแก้ไขสถานการณ์ไม่ได้ในเร็วๆ นี้แน่ เขาจึงไม่ได้โกรธแค้นอะไรอีกฝ่ายเลยจริงๆ
ส่วนวิธีการ PK โดยไม่พูดพร่ำทำเพลงของอินปู้คุย เยี่ยเว่ยหมิงอยากจะบอกกับเขาเพียงว่า…
ทำได้สวย!
ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่ายอดฝีมือในใต้หล้าไม่ได้มีเพียงเยี่ยเว่ยหมิงคนเดียว เพราะความสามารถของจ้างเย่ว์ก็ดูถูกไม่ได้เช่นกัน พอทั้งสองได้ประมือกัน ก็โจมตีกันไปโจมตีกันมาสามสิบกว่ารอบแล้ว ในระหว่างนั้นแลกเลือดกันไปหลายครั้ง แต่กลับไม่มีใครเป็นฝ่ายเหนือกว่าอยู่ดี
พอหลบกระบี่ที่แฉลบผ่านคอจากเยี่ยเว่ยหมิงได้ ครั้งนี้จ้างเย่ว์ก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากว่า “ถือแค่กระบี่เส็งเคร็งเล่มเดียว ถ้าคิดจะเอาชนะข้าก็ไม่ง่ายหรอก วันนี้พวกเราพอแค่นี้ก่อนเป็นอย่างไร”
เยี่ยเว่ยหมิงไม่หยุดโจมตีเลย พร้อมพูดดูถูกอีกฝ่ายว่า “เจ้าคิดว่าจะเจ็บตัวไปพร้อมกับข้าจริงหรือ”
“แล้วไม่ใช่หรอกหรือ” จ้างเย่ว์ถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
เด็กน้อยผู้น่าสงสาร เนื่องจากตำแหน่งที่ยืนต่อสู้ เขาจึงมองไม่เห็นเหตุการณ์ที่อินปู้คุยลอบจู่โจมกำจัดเจียวไท่หลางทิ้งเลย และยิ่งไม่เห็นด้วยว่าหลังจากอินปู้คุยกำจัดเจียวไท่หลางเสร็จ ก็ตามสังหารมาทางพวกเขาแล้ว
ดังนั้น อินปู้คุยที่อยู่ข้างหลังจ้างเย่ว์จึงตอบคำถามแทนเยี่ยเว่ยหมิง “แน่นอนว่าไม่ใช่ เจ้าคิดว่านายน้อยผู้นี้ไม่อยู่แล้วสินะ!”
ขณะที่พูด อินปู้คุยก็แทงกระบี่ออกมาแล้ว ร่วมมือกับเยี่ยเว่ยหมิงโจมตีขนาบจ้างเย่ว์!
อาวุธไม่ดีแล้วยังไงล่ะ?
ฉันมีเพื่อนร่วมทีมดีก็แล้วกัน!
เดิมทีมีเพียงเยี่ยเว่ยหมิงคนเดียว จ้างเย่ว์ก็ยังพอดันทุรังสู้กับเขาอย่างสูสีได้ แต่ตอนนี้มีอินปู้คุยเพิ่มมาอีกคน ทำให้เขาเริ่มลนลานทันที
จ้างเย่ว์รู้อยู่แก่ใจว่าหากสู้แบบหนึ่งต่อสอง ตัวเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาแน่ แล้วท่าร่างของเขาก็ดันเทียบเยี่ยเว่ยหมิงไม่ติด ต่อให้หนีก็หนีไม่ทัน ภายใต้ความจนใจนี้ เขาทำได้เพียงเอ่ยปากอีกครั้ง “ทั้งสองท่าน อย่าทำเกินไปนักเลย หากข้าตายที่นี่ ภารกิจที่ติดตัวมาก็จะล้มเหลว ความพยายามเมื่อสองวันก่อนก็จะหายไปหมด พวกท่านคิดจะผูกเงื่อนตายความแค้นกับข้าจริงๆ ใช่ไหม”
เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่สนใจสิ่งนั้นเลยสักนิด “นี่เจ้าเพิ่งรู้หรือ แล้วตอนที่เจ้าไล่สังหารพวกเราก่อนหน้านี้ เหตุใดจึงคิดไม่ได้ล่ะ”
ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงกับอินปู้คุยก็ไม่เพียงแค่ไม่หยุดมือ กลับเร่งโจมตีด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นหนึ่งนาที พลังชีวิตของจ้างเย่ว์ก็ถูกทั้งสองโจมตีซ้ำไปซ้ำมาจนหมด แล้วสุดท้ายก็ถูกเยี่ยเว่ยหมิงใช้ท่า ‘ไซซีกุมดวงใจ’ โจมตีจนกลายเป็นแสงสีขาวไปแล้ว
ดรอปได้กระบี่ยาวเล่มหนึ่งกับหยกพกชิ้นหนึ่ง รวมทั้ง…ซาลาเปาหนึ่งซึ้ง?
หลังจากเก็บไอเทมที่ดรอปได้จากจ้างเย่ว์เข้ากระเป๋าจนหมดแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้ส่งลิงก์ไอเทมให้อินปู้คุย ที่ทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะอยากฮุบของพวกนี้ไว้คนเดียว แต่ของที่ดรอปจากตัวผู้เล่นกับของที่ดรอปจาก BOSS นั้นต่างกัน ไม่มีขั้นตอนการตรวจคลำศพแบ่งของอะไรทั้งนั้น ต้องนำของมาไว้ในมือก่อนถึงจะดูค่าสเตตัสของมันได้
[กระบี่ชิงจู๋ (ทองคำ): กระบี่ล้ำค่าที่สร้างขึ้นจากตำราพิษของแดนม้ง
พลังโจมตี +150
ท่าร่าง +5
ดาเมจธาตุพิษ +5]
……
[หยกพกเหอเถียน (สีฟ้า): หยกพกที่สร้างจากหยกเหอเถียน มีผลเยียวยาพลังชีวิต
พลังชีวิตสูงสุด +100
กำลังภายในสูงสุด +50]
……
[ซาลาเปาไส้ผักเนื้อ: ซาลาเปาไส้ผักเนื้ออันเลื่องชื่อจากเมืองหยางโจว รสชาติอร่อยสดใหม่ ค่าความหิว -20]
“ปัดโธ่ ไม่ยุติธรรม! ศิษย์สำนักใหญ่สายธรรมะอย่างข้ายังต้องกินหมั่นโถวเป็นประจำ แต่เจ้าหนุ่มไร้คุณธรรมนั่นกลับได้กินซาลาเปา?!” เมื่อได้เห็นค่าสเตตัสของไอเทมดรอปสามชิ้นแสดงตรงหน้า ไม่น่าเชื่อว่าอินปู้คุยจะมัวสนใจแต่สิ่งนี้
อินปู้คุยไม่เอ่ยถึงเรื่องแบ่งของเลย แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับแกล้งเลอะเลือนไม่ได้ เข้าประเด็นเลยว่า “ราคาตลาดของกระบี่ชิงจู๋ตอนนี้คงประมาณห้าสิบเหรียญทอง หยกพกเหอเถียนแม้จะเป็นเพียงอุปกรณ์สีฟ้า แต่ก็เป็นเครื่องประดับที่หายาก ราคาน่าจะประมาณยี่สิบเหรียญทอง พวกเราแบ่งคนละครึ่งเท่าๆ กัน ใครเอากระบี่ไปคนนั้นออกเงิน เจ้าจะเอาอันไหน”
ทว่าเมื่อได้ยินข้อเสนอของเยี่ยเว่ยหมิง อินปู้คุยกลับตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าต้องการหยกพก”
เป็นคำตอบที่อยู่ในความคาดหมาย เยี่ยเว่ยหมิงส่งคำขอซื้อขายให้อินปู้คุยทันที จากนั้นก็นำหยกพกเหอเถียนกับเงินสิบห้าเหรียญตำลึงทองใส่ไว้บนนั้น
ตามราคาอุปกรณ์ที่คำนวณเมื่อคู่นี้ ราคารวมของอุปกรณ์สองชิ้นก็คือเจ็ดสิบเหรียญทอง ทุกคนต้องได้ไอเทมไปเฉลี่ยคนละสามสิบห้าเหรียญทอง เยี่ยเว่ยหมิงเก็บกระบี่ชิงจู๋ไว้ ก็ย่อมต้องจ่ายส่วนต่างให้อีกฝ่ายอีกสิบห้าเหรียญทอง
ทว่าเมื่ออินปู้คุยได้เห็นเนื้อหาการซื้อขายแล้ว กลับยกเลิกการซื้อขายทันที “ตอนนี้เกมเพิ่งจะเริ่ม คิดว่าสิบห้าเหรียญทองคงถือเป็นทรัพย์สินทั้งตัวของยอดฝีมืออย่างสหายเยี่ย ข้าไม่เอาเงินของเจ้าหรอก ขอเพียงเจ้ามอบซาลาเปานั้นให้ข้า แล้วก็ลงนามว่า ในภายหลังหากข้าประสบปัญหาอะไร เจ้าก็จะยื่นมือช่วยข้าหนึ่งครั้ง แค่นี้ก็พอแล้ว”
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า “เราเป็นสหายกัน เมื่อถึงยามจำเป็นขอเพียงเจ้าเรียกข้า สหายก็ย่อมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว แม้จะเป็นพี่น้องแท้ๆ ก็ยังต้องคิดบัญชีให้ชัดเจนเลย เงินพวกนี้เจ้าต้องรับไว้”
ด้วยการยืนหยัดในสัจธรรมของเยี่ยเว่ยหมิง อินปู้คุยทำได้เพียงรับหยกพกและเหรียญทองไว้ แน่นอนว่ายังมีซาลาเปาหนึ่งซึ้งที่เขาสนใจด้วย จากนั้นก็หยิบออกมาชิ้นหนึ่งแล้วเริ่มกัดกินคำใหญ่อย่างไม่ลังเล ขณะที่กินก็พูดเสียงอู้อี้ไปด้วยว่า “ช่วงแรกที่เข้าเกมมา ข้าเสียดายที่จะใช้จ่ายเงินมาโดยตลอด เลยไม่ได้กินของคาวมาตั้งหลายวัน ในที่สุดวันนี้ก็ได้กินไส้ซาลาเปาแล้ว ไม่ง่ายเลยนะ!”
“สหายเยี่ยจะเอาสักสองชิ้นไหม”
ขณะมองท่าทางอีกฝ่ายกินมูมมากคำใหญ่ เยี่ยเว่ยหมิงก็เผยรอยยิ้มอบอุ่นบางๆ ะกล่าวว่า “ขอบคุณนะ”
“ขอบคุณข้าทำไม”
เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มโดยไม่ตอบอะไร เพียงยื่นมือชี้ไปตรงจุดที่เจียวไท่หลางถูกกำจัดก่อนหน้านี้ แล้วบอกว่า “เจ้าก็รู้ ข้าในฐานะที่เป็นมือปราบคนหนึ่ง เรื่องบางเรื่องถ้าจะให้ทำเองก็ไม่ค่อยเหมาะสม”
“เจ้าหนุ่มนี่ช่างจอมปลอม!”
หลังจากแกล้งด่าปนเสียงหัวเราะ อินปู้คุยกุมหมัดอำลาเยี่ยเว่ยหมิง ขึ้นเรือกลับเขาอู่ตังไปส่งภารกิจแล้ว
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็หันตัวกลับเข้ามา มองศพที่เกลื่อนภูเขาแวบหนึ่ง ในดวงตาเริ่มฉายประกายตื่นเต้นดีใจ
ฤดูกาลเก็บเกี่ยวมาถึงอีกแล้ว!
[1] คำเรียกผู้เล่นเกมที่คอยตามเก็บไอเทมดรอปของผู้เล่นคนอื่น