ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 400 มอบความพ่ายแพ้ให้ข้าสักครั้ง
ตอนที่ 400 มอบความพ่ายแพ้ให้ข้าสักครั้ง
เยี่ยเว่ยหมิงแม้จะไหวตัวเร็ว แต่ควันดำบนเตียงหินกลับเร็วกว่า!
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงส่งเสียงตะโกนเตือนก็เห็นควันดำกลุ่มนั้นม้วนลงมากวาดผ่านบนตัวทุกคนที่อยู่ตรงนั้นไม่เว้นสักคนเดียว!
เมื่อควันดำนั่นโผล่มา เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกวิงเวียนเหมือนฟ้าหมุนทันที แต่ชั่วพริบตาเดียวก็กลับมาได้สติเหมือนเดิม
เพียงแต่ฉากทั้งหมดที่เจอเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าพลิกดินแล้ว
เขาพบว่าตัวเองถูกส่งมาอยู่ในหุบเขากว้างโล่งแห่งหนึ่งตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ รอบด้านมีแต่หน้าผาสูงชัน ในหุบเขามีภูเขาและแม่น้ำ ทิวทัศน์งดงามมาก
ตรงจุดที่อยู่ห่างจากเขาไม่ไกล มีกระท่อมหญ้าคาทรุดโทรมมากหลังหนึ่ง ไม่รู้เหมือนกันว่ายังมีคนอาศัยอยู่หรือไม่
พอเยี่ยเว่ยหมิงหันมองซ้ายมองขวา ก็เห็นคนอื่นในทีมมาโผล่อยู่ข้างกายแล้วเช่นกัน ทว่าการปรากฏตัวของสหายร่วมทีม นอกจากจะไม่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงสงบใจแล้ว กลับทำให้เขาเริ่มร้อนรนด้วยซ้ำ
สถานการณ์ของเพื่อนในทีมที่เหลือก็เหมือนกับเยี่ยเว่ยหมิงทุกอย่าง อินปู้คุยถามอย่างสงสัยว่า “สหายเยี่ย ก่อนหน้านี้เจ้าไม่เคยบอกพวกเรามาก่อนนี่ว่าเตียงหินนี่มีฟังก์ชันส่งตัวได้”
“ฟังก์ชันส่งตัวบ้าอะไรกัน!” ท่ามกลางสายตาตั้งคำถามของเพื่อนร่วมทีม เสียงของเยี่ยเว่ยหมิงเฝื่อนฝืดนิดหน่อย “ข้ารู้สึกว่า ครั้งนี้พวกเราสร้างปัญหาแล้ว สร้างปัญหาใหญ่แล้ว!”
“ฮ่าๆ เจ้าเด็กนี่ช่างน่าสนใจ!” ตอนเสียงหัวเราะที่ทั้งแก่หง่อมทั้งเบิกบานดังขึ้น ประตูของกระท่อมหญ้าคาก็ถูกผลักออกจากด้านใน จากนั้นพวกเขาก็เห็นชายชราชุดเทาผมขาวคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องหิน
อีกฝ่ายกวาดสายตามองพวกเยี่ยเว่ยหมิงทีละคน พร้อมทั้งบอกว่า “ยินดีต้อนรับสู่เขตลับของตู๋กู หวังว่าพวกเจ้าจะไม่ทำให้ตาแก่คนนี้ผิดหวัง”
เมื่อเห็นชายชราปรากฏตัว น้องดาบที่มีไหวพริบที่สุดในบรรดาพวกเขาก็พลันถอยหลังหนึ่งก้าว มือขวากุมด้ามดาบจันทราหิมะเงินแล้วถามด้วยน้ำเสียงสงสัยว่า “ที่นี่คือที่ไหนกันแน่ แล้วเจ้าเป็นใคร”
ชายชราได้ยินแล้วกลับขมวดคิ้ว “นางหนูคนนี้ดูกระฉับกระเฉง แต่หัวสมองกลับไม่มีปฏิภาณเท่าเจ้ามือปราบคนนั้น เมื่อครู่นี้ข้าก็บอกไปชัดเจนแล้วว่า ‘ยินดีต้อนรับสู่เขตลับของตู๋กู’ แต่เจ้ากลับมาถามข้าว่าที่นี่ที่ไหน เจ้าไม่คิดว่าน่าขำไปหน่อยหรือ”
น้องดาบถูกชายชราเถียงกลับจนพูดไม่ออก นางไม่ได้ต้องการจะถามเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ถูกอีกฝ่ายจับช่องโหว่เรื่องคำพูดเข้า นอกจากยอมรับว่าตัวเองโชคร้าย ก็ไม่มีวิธีการอื่นแล้ว
ส่วนชายชราคนนั้นหลังจากเถียงน้องดาบแล้วก็ย้ายสายตาไปที่เยี่ยเว่ยหมิงอีก “ส่วนที่ถามว่าเขตลับของตู๋กูคืออะไรกันแน่ เจ้าเข้าใจว่าการมีอยู่ของมันใกล้เคียงกับ ‘เขตลับไผ่เขียว’ ก็ได้”
พอเยี่ยเว่ยหมิงได้ยิน สีหน้ากลับข่มขืนขึ้นเรื่อยๆ เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วบอกว่า “เป็นอย่างนี้จริงๆ ด้วย”
ขณะที่ทุกคนกำลังสงสัย ก็เห็นเยี่ยเว่ยหมิงพลันเปลี่ยนสีหน้าจากท้อใจกลับมามีชีวิตชีวาในชั่วพริบตาเดียว เขากุมหมัดคารวะชายชราพร้อมบอกว่า “ผู้น้อยเยี่ยเว่ยหมิงจากสำนักมือปราบเทพ คำนับผู้อาวุโสตู๋กูฉิวไป้!”
จนกระทั่งตอนนี้ พวกเพื่อนในทีมที่เดิมทีสงสัยอยู่ในใจถึงได้แน่ใจฐานะของชายชราแล้ว เขาก็คืออสูรกระบี่ฉิวไป้ผู้อยู่ในข้อมูลแนะนำของเตียงหินก่อนหน้านี้!
แม้ในบรรดาพวกเขา นอกจากอินปู้คุยแล้วก็ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อของตู๋กูฉิวไป้มาก่อน แต่ดูจากประสิทธิภาพอันน่าทึ่งของเตียงหินที่เกิดขึ้นหลังจากเขามาตายในท่านั่งสมาธิก็เดาได้แล้วว่าตู๋กูฉิวไป้เก่งกว่า BOSS เจ้าสำนักหลายคนไม่รู้ตั้งกี่เท่า
เมื่อนึกเชื่อมโยงกับควันดำอันคุ้นเคยที่ลอยขึ้นมาจากเตียงหินก่อนหน้านี้ ทุกคนก็ตระหนักได้ทันทีว่าการปรากฏตัวของตู๋กูฉิวไป้ต้องเกี่ยวข้องกับภารกิจกิจกรรมสารทจีน ‘คนผียังไม่สิ้นวาสนา’ แน่นอน!
เพียงแต่ตู๋กูฉิวไป้ผู้นี้ร้ายกาจกว่าผีทุกตนที่พวกเขาเคยเจอในภารกิจก่อนหน้านี้เยอะมาก ดังนั้นวิธีการปรากฏตัวจึงโดดเด่นและไม่เหมือนใคร!
ผีตนอื่นต้องไปปรากฏตัวเพื่อพบกับผู้เล่น แต่ตู๋กูฉิวไป้ผู้นี้กลับดึงผู้เล่นเข้ามาพบตนเอง
แม้จะฟังดูไม่ต่างกันมาก แต่ระดับความโอ้อวดของสองวิธีการนี้กลับต่างกันมาก!
ตอนนี้พวกเขากลับได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงกล่าวอย่างใจเย็นว่า “‘เขตลับไผ่เขียว’ ที่ผู้อาวุโสตู๋กูฉิวไป้เอ่ยถึงก่อนหน้านี้ เป็นมิติจิตสำนึกแห่งหนึ่ง ประเภทที่ฆ่ามอนสเตอร์ตายแล้วก็ไม่ดรอปอุปกรณ์ ถ้าทั้งหมดเป็นอย่างที่ผู้อาวุโสตู๋กูบอกจริงๆ เช่นนั้นทุกคนก็ไม่ต้องกังวลมากเกินไป”
ทุกคนได้ยินแล้วเบาใจขึ้นนิดหน่อย แต่คาดไม่ถึงว่าตู๋กูฉิวไป้กลับบอกว่า “แม้จะเป็นเขตลับเหมือนกัน เป็นมิติจิตสำนึกเหมือนที่เจ้าบอก แต่กติกาของ ‘เขตลับของตู๋กู’ มีจุดที่แตกต่างกับกติกาของ ‘เขตลับไผ่เขียว’ เพราะ ‘เขตลับไผ่เขียว’ มีไว้ถ่ายทอดเคล็ดกระบี่วีรสตรี แต่ ‘เขตลับของตู๋กู’ กลับมีไว้เเป็นสถานที่ท้าสู้ตามความปรารถนาของตาแก่คนนี้!…
…ดังนั้น ถ้าตายในเขตลับ พวกเจ้าก็ไม่เพียงแค่จะเกิดความเสียหาย แต่จะเสียหายมากกว่าตายตอนอยู่ข้างนอกด้วย” ตู๋กูฉิวไป้กล่าวสิ่งที่น่าตกใจ “บทลงโทษของการตายในเขตลับนี้ก็คือ เลเวลลดหนึ่งเลเวล วิทยายุทธ์เลเวลสูงสุดที่ไม่ได้อยู่ในระดับสมบูรณ์จะถูกลดลงหนึ่งระดับ ทั้งยังเป็นวิชาที่ต้องใช้ค่าประสบการณ์สูงด้วย”
คำพูดของตู๋กูฉิวไป้ราวกับกระบี่คมที่ยากรับมือ พอเอ่ยปากพูดก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นท้อใจไปแล้วครึ่งหนึ่ง
แต่ทันทีหลังจากนั้น พวกเขากลับเผยสีหน้าตื่นเต้นอยากลองต่อสู้
อิงตามกติกาของเกม ยิ่งจ่ายเยอะก็ยิ่งได้รับผลตอบแทนเยอะ และความเสี่ยงที่ต้องแบกรับในภารกิจก็จัดเป็นหนึ่งในสิ่งที่ต้องจ่ายเช่นกัน
ถ้ามองจากบางมุม พวกเขาก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากตู๋กูฉิวไป้ที่นี่มากขึ้นเหมือนกันไม่ใช่หรอกหรือ
อย่างไรเสีย ถ้าอิงตามกติกากิจกรรม ‘คนผียังไม่สิ้นวาสนา’ หลังจากผู้เล่นเจอผีแล้วก็จะมีสองทางให้เลือก ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับตู๋กูฉิวไป้เสมอไป
ทว่าในบรรดาคนที่อยู่ตรงนี้ กลับมีสามคนที่ไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนคนอื่น
และสามคนนี้ก็คืออินปู้คุยที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ต้นฉบับเดิม รวมทั้งเยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบที่เคยเห็นสมบัติตกทอดของตู๋กูมาแล้ว พอจะเข้าใจชีวประวัติและปณิธานในชีวิตของตู๋กูฉิวไป้อยู่บ้าง
สำหรับผีตนอื่น การทำความปรารถนาสุดท้ายให้สำเร็จกับการสู้กับพวกเขาถือเป็นทางเลือกที่ตรงข้ามกันเหมือนทิศใต้กับทิศเหนือ แต่สำหรับตู๋กูฉิวไป้ นี่ถือเป็นเรื่องเดียวกัน!
ตอนนี้สายตาของบรรดาเพื่อนในทีมมองไปยังเยี่ยเว่ยหมิงพร้อมกัน เขาเป็นคนที่มีความสามารถที่สุดในสายตาเพื่อนๆ แต่เขากลับทำสิ่งที่ทุกคนคิดไม่ถึง
เห็นเขากุมหมัดคารวะตู๋กูฉิวไป้อีกครั้ง แล้วบอกว่า “ถ้าเดาไม่ผิด ผู้อาวุโสคงจะปรากฏตัวขึ้นเพราะผู้น้อย บททดสอบของท่านควรจะเป็นข้าคนเดียวเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับสหายเหล่านี้ของข้า ผู้อาวุโสได้โปรดเข้าใจและปล่อยพวกเขาไปก่อนได้หรือไม่”
สำหรับคำขอที่สมเหตุสมผลของเยี่ยเว่ยหมิง ตู๋กูฉิวไป้ปฏิเสธอย่างอ้อมค้อมว่า “ไม่ได้”
“ข้าจะบอกความจริงให้พวกเจ้ารู้ก็ได้ กลุ่มของพวกเจ้า แม้อยู่ในโหมดตั้งทีมแต่ยังหาสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดเพื่อทำกิจกรรมนี้ให้สำเร็จได้ ทั้งยังได้รับผลตอบแทนมากเกินไปในช่วงกิจกรรม ถึงได้กระตุ้นให้เกิดภารกิจบททดสอบที่มีระดับความยากสูงเช่นนี้ เพื่อลดทอนผลตอบแทนที่พวกเจ้าได้รับในภารกิจนี้อย่างไรล่ะ…
…แน่นอนว่าหากพวกเจ้าทำความปรารถนาของข้าให้สำเร็จได้ ก็จะได้รับรางวัลที่สอดคล้องเช่นเดียวกัน”
ตอนนี้สายตาของตู๋กูฉิวไป้กวาดมองทั้งเจ็ดคน พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “จอมยุทธ์ทั้งหลายโปรดทำความปรารถนาทั้งชีวิตของข้าให้เป็นจริง มอบความพ่ายแพ้ให้แก่ข้า!”