ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 441 ภารกิจย่อย
ตอนที่ 441 ภารกิจย่อย
“เฮ้อ…” พอได้ยินคำถามของเยี่ยเว่ยหมิง ปาเทียนสือก็ถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่งแล้วบอกว่า “ข้ากับหัวเฮ่อเกิ้นได้รับบัญชาให้นำทหารไปขุดอุโมงค์เชื่อมไปยังห้องศิลาที่ขังองค์ชาย เดิมทีเตรียมจะช่วยองค์ชายออกมาเงียบๆ แต่คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายกลับรู้แผนของพวกเราแล้วมาปิดทางเข้าอุโมงค์ไว้ แล้วรมควันพิษเข้ามา…
…ทหารที่เคราะห์ร้ายสามสิบกว่าคน สิ้นชีพอยู่ภายใต้ควันพิษนั่น”
ขณะที่กำลังโคจรกำลังภายในขับพิษเงียบๆ ปาเทียนสือก็เล่าเรื่องที่เขาและหัวเฮ่อเกิ้นประสบที่หุบเขาว่านเจี๋ย “ข้ากับหัวเฮ่อเกิ้นมีกำลังภายในช่วยประคองสภาพร่างกาย โชคดีพิษไม่เข้าสู่ร่างกายลึกมาก จากนั้นพวกเราเพิ่งจะกลั้นหายใจพุ่งออกมาจากทางใต้ดิน ก็เจอผู้เล่นสามคนก่อนหน้านี้ร่วมมือกันลอบโจมตี เหล่าหัวฝ่าออกไปเพื่อที่จะคุ้มครองข้า…”
ปาเทียนสือส่ายหน้า ไม่ได้พูดให้จบประโยค แต่เยี่ยเว่ยหมิงกับซานเย่ว์เคยได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบมาแล้ว มีหรือที่จะไม่รู้ว่าผลที่ได้จากเรื่องนี้คืออะไร
ตอนนี้เอง ต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียง ขุนเขาลำธารย่อมพานพบและเซียนสาวน้อยนักกินที่อยู่หลังซานเย่ว์ก็ตามทันแล้วเช่นกัน เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย กลับได้ยินปาเทียนสือพูดต่อว่า “จอมยุทธ์น้อยทั้งหลาย ตอนนี้ข้าต้องกลับเมืองต้าหลี่ทันที รายงานเรื่องที่พวกเราเจอให้ฝ่าบาททราบ เรื่องช่วยองค์ชายออกมา บางทีอาจต้องวางแผนใหม่…
…แต่ก่อนหน้านี้ข้าถูกสามคนนั้นร่วมมือกันโจมตี ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว ไม่ทราบว่าจะรบกวนให้จอมยุทธ์น้อยทั้งหลายคุ้มกันส่งข้ากลับพระราชวังต้าหลี่ได้หรือไม่”
ปาเทียนสือพูดว่าจอมยุทธ์น้อยทั้งหลาย แต่กลับจ้องเยี่ยเว่ยหมิงและซานเย่ว์ด้วยสายตาเฝ้าคอยอยู่ตลอด ส่วนสามคนที่ตามมาทีหลังและไม่ได้ร่วมช่วยเหลือเขากลับไม่มองแม้แต่น้อย “เรื่องนี้สำคัญมาก หากจอมยุทธ์น้อยทั้งหลายยินดีช่วยเหลือ ปาผู้นี้ต้องขอบคุณอย่างหนักแน่นอน”
พอพูดจบก็มีเสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นข้างหูทุกคน
[ติ๊ง! พบภารกิจ ‘คุ้มกันส่งปาเทียนสือ’]
[คุ้มกันส่งปาเทียนสือ]
ปาเทียนสือถูกผู้เล่นไล่ฆ่าที่หุบเขาว่านเจี๋ย ตอนนี้ได้รับบาดเจ็บหนัก ต้องการคนคุ้มกันส่งกลับต้าหลี่เพื่อเข้าเฝ้าต้วนเจิ้งหมิง
ระดับภารกิจ: 5 ดาว
รางวัลภารกิจ: ไม่ทราบ
บทลงโทษภารกิจล้มเหลว: ไม่มี
คุณจะรับภารกิจหรือไม่
รับ/ไม่
……
เมื่อเห็นระบบแจ้งเตือนกะทันหัน พวกเขาก็สบตากันแวบหนึ่ง จากนั้นสายตาก็ไปหยุดอยู่บนตัวเยี่ยเว่ยหมิงที่เพิ่งแสดงฝีมือโจมตีสังหารผู้เล่นสองคนฝ่ายตรงข้าม
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย จากนั้นบอกว่า “ยังไม่ต้องรีบ รอพวกหลิวอวิ๋นตามมาก่อนแล้วคุยพร้อมกันดีกว่า”
เมื่อสมาชิกฝ่ายตัวเองมากันครบแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็กวาดสายตามองบนตัวพวกเขาทีละคน แล้วโน้มน้าวว่า “ตอนนี้ปาซือคงต้องการผู้คุ้มครอง แต่ข้าสงสัยว่าทางฝั่งหุบเขาว่านเจี๋ยเกิดเหตุที่พวกเราไม่คาดคิดแล้ว ต้องมีคนรีบไปสืบดูสถานการณ์ด้วย”
พอพูดถึงตรงนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ชะงักนิดหน่อย จากนั้นมองปฏิกิริยาของทุกคนพร้อมบอกว่า “ดังนั้น คำแนะนำของข้าก็คือแยกกันปฏิบัติการ คุ้มกันส่งปาซือคงแม้จะได้รางวัลภารกิจที่ดี แต่ทางฝั่งหุบเขาว่านเจี๋ยก็อาจจะมีผลตอบแทนที่มากกว่ารอพวกเราอยู่เหมือนกัน ส่วนรายละเอียดว่าจะเข้าร่วมภารกิจไหน ทุกคนต่างคนต่างเลือกเองแล้วกัน”
เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดแบบนี้ ซานเย่ว์ที่แขนกลับมาเป็นปกติแล้วก็ตอบเหมือนอย่างเคย “ข้าเชื่อฟังเจ้า”
ส่วนเพื่อนคนอื่นในทีมก็สบตากันแวบหนึ่ง สุดท้ายหลิวอวิ๋นก็พูดแทนทุกคน “ในเมื่อต้องปฏิบัติการพร้อมกัน พวกเราทั้งหมดก็ยินดีฟังคำสั่งของเยี่ยเว่ยหมิง”
สำหรับผลลัพธ์แบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงหยักกหน้าอย่างพอใจ เสร็จแล้วถึงได้เริ่มแจกจ่ายภารกิจ “สหายหลิวอวิ๋นกับสหายอ้วนชนะฟ้าไม่ถนัดการต่อสู้ แต่คุ้มกันส่งก็ไม่น่าจะมีปัญหามาก ไม่สู้ให้พวกเจ้ากับซานเย่ว์คุ้มกันส่งปาซือคงกลับไปที่ต้าหลี่ ส่วนสหายต้วน สหายขุนเขาลำธารแล้วก็น้องนักกินไปสืบหาความจริงที่หุบเขาว่านเจี๋ยกับข้าเป็นอย่างไร”
เมื่อได้ยินดังนั้น ขุนเขาลำธารย่อมพานพบก็ขมวดคิ้วนิดหน่อย ถามอย่างสงสัยว่า “สหายเยี่ย ข้าไม่ได้สงสัยการตัดสินใจของเจ้านะ แต่ข้ารู้สึกว่าครั้งนี้เจ้าวิเคราะห์อย่างระมัดระวังเกินไปหน่อยหรือเปล่า…
…ก่อนหน้านี้พวกเราจัดการต้วนเหยียนชิ่ง BOSS ใหญ่สุดในเนื้อเรื่องช่วงหุบเขาว่านเจี๋ยได้แล้ว แถมเยี่ยเอ้อร์เหนียงกับเย่ว์เหล่าซานถ้าจะบอกว่าพวกเขาก่อเรื่อง ก็ไม่สู้บอกว่าพวกเขาทำตามคำสั่งต้วนเหยียนชิ่งดีกว่า…
…ในสถานการณ์แบบนี้ ทางฝั่งหุบเขาว่านเจี๋ยจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอะไรที่ต้วนเหยียนชิ่งควบคุมไม่ได้อีกหรือ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ในหัวของเยี่ยเว่ยหมิงก็มีภาพตายตาไม่หลับของอวี๋ชางไห่โผล่ขึ้นมาแวบหนึ่ง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เชิญร่ำสุราที่อยู่ในกระบวนทัพของอีกฝ่าย ข้าไม่ได้เจอเขาเป็นครั้งแรก…
…ถ้าคู่ต่อสู้เป็นเขา ข้ารู้สึกว่าจะระมัดระวังอย่างไรก็ไม่ถือว่าทำเกินไป”
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงยืนหยัดขนาดนี้ ขุนเขาลำธารย่อมพานพบก็ไม่พูดอะไรอีก ต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงบอกว่าตัวเองยินดีทำตามหน้าที่ที่แบ่งให้ เซียนสาวน้อยนักกินกำลังหยอกพังพอนสายฟ้าของนาง เหมือนไม่ค่อยสนใจว่าเพื่อนในทีมกำลังคุยอะไรกัน…
ดังนั้น กลยุทธ์จึงถูกกำหนดขึ้นอย่างนี้แล้ว
จากนั้นเยี่ยเว่ยหมิงก็คุยบางอย่างกับซานเย่ว์เป็นการส่วนตัว แล้วก็ให้นางพา NPC ที่ได้รับบาดเจ็บกับผู้เล่นสองคนที่ไม่ใช่นักรบไปยังเมืองต้าหลี่
ส่วนพวกเยี่ยเว่ยหมิงก็พาจงหลิงตรงไปยังหุบเขาว่านเจี๋ย
ก่อนหน้านี้เยี่ยเว่ยหมิงขอช่องทางการติดต่อจากจงหลิง เพียงเพราะอยากให้นางนัดต้วนเหยียนชิ่งออกมาพูดคุยเป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่อง ‘นอกวัดเทียนหลง ใต้ต้นโพธิ์’…อ่ะแฮ่ม เรื่องเก่าในอดีต
ตอนนี้จัดการต้วนเหยียนชิ่งได้แล้ว เช่นนั้นจงหลิงก็ไม่สำคัญสำหรับภารกิจของพวกเขาอีก
แต่เมื่อพิจารณาว่าถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นกับจงหลิง ก็จะส่งผลต่อคำวิจารณ์สุดท้ายของภารกิจครั้งนี้เช่นกัน เยี่ยเว่ยหมิงจึงผ่อนความเร็วอย่างระแวดระวัง ผู้เล่นสี่คนบวกกับ NPC หนึ่งคนวิ่งเล่นไปทางหุบเขาว่านเจี๋ยตามความเร็วของจงหลิง
ระหว่างทางไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอะไร สิ่งที่ควรค่าให้เอ่ยถึงก็คือ หลังจากพวกเขาผ่านต้นไม้ใหญ่ที่สลักตัวอักษรนอกหุบเขาว่านเจี๋ยต้นนั้นมาแล้ว เดินต่อมาข้างหน้าอีกไม่ไกลก็ถึงทางเข้าหุบเขาว่านเจี๋ยแล้ว
ส่วนทางแคบต่อเนื่องและลานกว้างสามแห่งที่เคยผ่านตอนมาที่นี่ครั้งแรก ตอนนี้กลับไม่เห็นเลย ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
เมื่อเห็นดังนั้น ต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงที่เดิมทีอยู่หลังสุดของทีมจึงรีบสาวเท้าขึ้นมา แล้วถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “หรือพูดได้อีกอย่างว่า เส้นทางที่พวกเราเดินอยู่ตอนนี้ต่างหากคือเส้นทางที่ถูกต้องที่จะเข้าหุบเขาว่านเจี๋ย ส่วนเส้นทางที่เจอสี่คนโฉดก่อนหน้านี้เป็นแค่ทางแยก? แต่ทำไมข้ารู้สึกว่า ทั้งสองครั้งที่เข้ามาในหุบเขามีแค่เส้นทางเล็กๆ ระหว่างป่าเท่านั้น ไม่มีทางแยกอะไรเลย แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน”
“ยังจะเป็นเรื่องอะไรได้ล่ะ” เมื่อได้ยินแบบนั้น ขุนเขาลำธารย่อมพานพบที่ค่อนข้างสนิทกับเขาก็พูดเหมือนไม่ได้ตั้งใจว่า “ก่อนหน้านี้พวกเราเข้าไปในดันเจี้ยนภารกิจไง ง่ายจะตาย”
ต้วนอาทิตย์อัสดงไร้ซุ่มเสียงได้ยินแล้วงงไปชั่วขณะ แต่จากนั้นก็เข้าใจทันที “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ถ้าเจ้าไม่บอก ข้าก็ไม่นึกถึงความเป็นไปได้นี้เลย พอมาคิดดูตอนนี้ ข้าว่าแบบนี้ต่างหากที่สมเหตุสมผลแล้ว”
“ถ้าข้าเป็นพวกเจ้า ในเวลาแบบนี้คงไม่มาถกเถียงถึงปัญหาที่ไม่สำคัญ” ตอนนี้เอง เยี่ยเว่ยหมิงที่เดินมาอยู่ข้างหน้าสุดของทีมพลันเอ่ยว่า “สามคนโฉดดูเหมือนจะเจอปัญหาแล้ว เกรงว่าเรื่องคงจะเป็นไปตามปากของข้าจริงๆ ในหุบเขาว่านเจี๋ยแห่งนี้ เกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงสำคัญที่แม้แต่ต้วนเหยียนชิ่งก็แก้ไขไม่ได้เช่นกัน!”
ทุกคนได้ยินแล้วตกใจ มองไปข้างหน้าพร้อมกัน แต่กลับเห็นว่าตรงจุดที่อยู่ใกล้กับเส้นทางเล็กคดเคี้ยวนอกกลุ่มสิ่งปลูกสร้างแห่งหนึ่ง ต้วนเหยียนชิ่งกำลังนั่งขัดสมาธิ หลับตาสนิทสองข้างโดยไม่พูดอะไร
ส่วนเยี่ยเอ้อร์เหนียงกับเย่ว์เหล่าซาน คนโฉดอีกสองคนก็เฝ้าอยู่ทางซ้ายและขวาของต้วนเหยียนชิ่งไม่ห่าง พอเห็นพวกเยี่ยเว่ยหมิงปรากฏตัวก็เรียกอาวุธออกมาทันที ตั้งท่าเตรียมพร้อมสู้สุดกำลังทุกเมื่อ
เมื่อเห็นฉากนี้ สามคนในทีมก็อึ้งพร้อมกัน
เหมือนสถานการณ์ของเหล่าต้วนจะแย่มากเลยนะ!
เป็นใครกันแน่ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีความสามารถเล่นงานสามคนโฉดแห่งหุบเขาว่านเจี๋ยให้สะบักสะบอมขนาดนี้ หวาดผวาจนแม้แต่ต้นไม้ใบหญ้าก็เห็นเป็นกองทหาร