ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 48 เหยี่ยวเทพทรงพลัง
ตอนที่ 48 เหยี่ยวเทพทรงพลัง
อะไรนะ
เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยเว่ยหมิง ถังซานไฉ่ก็ตะลึงขึ้นมาทันที
ในฐานะยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนักถังเหมิน เขาย่อมรู้เช่นกันว่าในสำนักมีสกิลสร้างกับดักกลไก เพียงแต่ตอนนี้ผู้เล่นยังเข้ามาในเกมได้ไม่นาน ไม่ว่าจะเป็นค่าผลงานสำนัก เงิน หรือค่าตบะก็ล้วนไม่พอให้เรียนทักษะพื้นฐานทั้งหมดในสำนักได้ ต่อให้ถังซานไฉ่เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดในสำนักถังเหมิน แต่ก็ไม่มีทางศึกษาจนครบทุกด้านอยู่ดี
เพียงแต่ตัวเขาเองแม้จะไม่ได้เรียนวิชากลไก แต่เขาก็เคยเห็นศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักใช้มาก่อน เขาถามใจตัวเองแล้วพบว่าตัวเองมีความรู้เรื่องกับดักดีกว่าผู้เล่นส่วนใหญ่ในเกม
แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับรู้เรื่องนี้ดีเหมือนกัน!
เขาไม่เพียงแค่มีเคล็ดกระบี่แข็งแกร่งอหังหาร ไม่น่าเชื่อว่ายังสังเกตเห็นกับดักเร็วกว่าถังซานไฉ่หนึ่งก้าวด้วย ถึงขั้นอธิบายได้ชัดเจนขนาดนี้อีก สิ่งนี้ทำให้ถังซานไฉ่อดตกตะลึงไม่ได้
เจ้าหมอนี่ ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย!
ขณะกำลังตกตะลึง ถังซานไฉ่ก็เคลื่อนไหวเช่นกัน เห็นเขาพลิกมือขวา ปล่อยหินตั๊กแตนบินออกมาจากนิ้วก้อนหนึ่ง ตามด้วยสะบัดมือหนึ่งที หินตั๊กแตนบินก้อนนั้นกลายเป็นลำแสงสีดำหนึ่งสายทันที กระทบบนเส้นลวดที่ซ่อนอยู่ในพงหญ้าอย่างแม่นยำไร้เทียมทาน
แปะ!
ภายใต้การโจมตีนี้ เส้นลวดขาดพร้อมส่งเสียงดัง ตามติดด้วย…
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!…
ลูกดอกหน้าไม้นับไม่ถ้วนยิงออกจากที่ลับ ในจำนวนนั้นมีไม้ไผ่ที่ถูกเหลาให้แหลมสิบกว่าแท่ง ชั่วขณะนั้นบริเวณใกล้เส้นลวดก็ถูกปกคลุมไปด้วยอาวุธลับนานาชนิด
อาวุธลับชนิดต่างๆ ยิงต่อเนื่องเป็นเวลาสิบวินาที ยิงจนป่าเขียวชอุ่มมีอาวุธเกลื่อนกลาดไปหมด
เยี่ยเว่ยหมิงกับถังซานไฉ่เห็นฉากนี้แล้วรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ลองสมมติถึงฉากที่อีกประเดี๋ยวตัวเองจะตกอยู่ในขอบเขตใจกลางที่โดนอาวุธลับปกคลุม…อย่างไรเสีย เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่รู้สึกว่าเคล็ดกระบี่มังกรร่อนล่อหงส์ของเขาจะต้านทานไหว
ส่วนถังซานไฉ่…ไม่ต้องพูดถึงก็ได้!
ถ้าคิดจะรับมือกับกับดักนี้อย่างไม่สะทกสะท้าน อย่างน้อยก็ต้องมีความสามารถเท่าจางชุ่ยซานให้ได้ก่อนละมั้ง
เพื่อที่จะลอบสังหารเสี่ยวไป๋ขายน้ำเต้าหู้คนเดียว เตรียมฉากแบบนี้ไว้มันเกินไปหน่อยหรือเปล่า
แบบนี้แม่งเกินไปจริงๆ!
นี่ระบบจะทำให้วุ่นวายยังไงกันแน่
ขณะกำลังแขวะและตกตะลึงในใจ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังไม่ลืมส่งคำเชิญตั้งทีมให้ถังซานไฉ่ หลังจากถังซานไฉ่กดยอมรับแล้ว ก็ตรวจดูวิธีการแบ่งสรรในทีมทันที
แบ่งสรรค่าผลงาน?
ขณะรู้สึกผิดคาดนิดหน่อย บนใบหน้าถังซานไฉ่ก็เผยรอยยิ้มเล็กน้อย แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขาพึงพอใจกับวิธีการแบ่งสรรแบบนี้มาก
ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ โหมดการแบ่งสรรรางวัลของทีมจะมีให้เลือกหลายแบบ การแบ่งสรรค่าผลงานเป็นหนึ่งในวิธีแบ่งที่ค่อนข้างเหมาะกับการตั้งทีมกับคนนอก ไอเทมดรอปจากศัตรูจะแบ่งตามอัตราส่วนค่าผลงานของผู้เล่นในทีมได้ ค่าผลงานนี้ไม่ได้รวมแค่การทำดาเมจเท่านั้น แต่เป็นตัวเลขรวมของดาเมจหลายด้านที่ได้รับ
วิธีการคำนวณค่าผลงานสำนักค่อนข้างซับซ้อน ยกตัวอย่างเช่นส่วนที่ได้รับดาเมจ หากเป้าหมายโจมตีของศัตรูคือคุณ เช่นนั้นดาเมจโจมตีที่ได้รับก็จะคิดเป็นส่วนของคุณ ไม่ว่าคุณจะต้านหรือหลบหลีกการโจมตีได้ก็ตาม
พอเป็นแบบนี้ก็รับประกันความยุติธรรมในการแบ่งสรรได้แล้ว ทั้งยังป้องกันไม่ให้สมาชิกในทีมกินแรงเพื่อนด้วย สิ่งเดียวที่รับประกันไม่ได้ก็คือ ไอเทมในห่อที่จัดสรรให้แต่ละคนอาจไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการ
มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่มือกระบี่ได้รับนวม หรือผู้เล่นที่ฝึกหมัดมวยก็ได้รับกระบี่ล้ำค่า
ดังนั้นวิธีการแบ่งแบบนี้ใช้งานไม่ได้จริงกับทีมที่คุ้นเคยกัน เหมาะเพียงทีมชั่วคราวที่ไร้พื้นฐานความเชื่อใจระหว่างกันอย่างเยี่ยเว่ยหมิงกับถังซานไฉ่
“หึ! นึกไม่ถึงว่าเหยี่ยวเทพทรงพลังที่ไร้เทียมทานในปีนั้น ตอนนี้ต้องอาศัยให้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมสองคนคอยปกป้อง ช่างน่าเศร้าจริงๆ! น่าขำนัก!”
ท่ามกลางเสียงที่เต็มไปด้วยการเหยียดหยามและเหน็บแนม เงาคนสามคนโผล่มาจากป่าอย่างรวดเร็ว ข้างหน้าหนึ่งข้างหลังสอง ห้อมล้อมทั้งสามคนเอาไว้
คนที่พูดเหยียดหยามก่อนหน้านี้ ก็คือชายหน้าดำที่ขวางอยู่ตรงหน้าทั้งสอง บนแก้มเขามีไฝดำเม็ดหนึ่ง สีหน้ามีกลิ่นอายชั่วร้ายเข้มข้นมาก สองมือกำลังกอดกระบี่ล้ำค่า มุมปากเผยยิ้มลำพองใจ สายตามองอยู่บนตัวเสี่ยวไป๋น้ำเต้าหู้ “นึกถึงตอนนั้น พรรคที่ข้าตั้งถูกเจ้าปราบหมดสิ้น ตัวข้าเองก็ยิ่งถูกเจ้าไล่สังหารพันลี้ เกือบเอาชีวิตไปทิ้งไว้ในมือของเจ้า”
“นึกไม่ถึงว่าน้ำลมหมุนเวียนเปลี่ยนผัน[1] ข้าหลินจื้อเพ่ยกลับมาอีกแล้ว!”
เมื่อได้ฟังบทเกริ่นนำอันก้าวร้าวเต็มเปี่ยมของผู้มาเยือน ถังซานไฉ่ก็มองเสี่ยวไป๋น้ำเต้าหู้ด้วยสายตาแปลกๆ อย่างอดไม่ได้ “ท่าน? เหยี่ยวเทพทรงพลัง?”
เสี่ยวไป๋น้ำเต้าหู้กลับไม่แยแสคำถามของถังซานไฉ่ สายตาจริงจังเผชิญกับสายตาหยอกล้อของหลินจื้อเพ่ย “ข้าไม่เคยคิดจะเอาชีวิตของเจ้ามาก่อนเลย เพียงคิดจะจับเจ้าไปดำเนินคดีเท่านั้น”
“เหลวไหล!” หลินจื้อเพ่ยกล่าวอย่างมีโทสะ “ก่อนหน้านั้นข้าสังหารคนไปหลายสิบคน หากตกอยู่ในมือของจวนขุนนาง ยังมีเหตุผลอะไรให้รอดชีวิต”
เสี่ยวไป๋น้ำเต้าหู้แสยะยิ้ม “พูดพร่ำอยู่ตั้งนาน เจ้ายังไม่รู้สินะว่าบาปของตัวเองมิอาจอภัยได้”
ขณะที่พูด สายตาก็ย้ายไปมองสองคนข้างหลัง “จีไหลเหย่ภมรเด็ดดอกไม้ ผีพนันเก๋ออ๋างโส่ว หลินจื้อเพ่ยผู้ลือนามแปดทิศอย่างเจ้าก็มา สี่หัวโจกค่ายดอกบัว นอกจากโฉวป้าที่โดนประหารไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้พวกเจ้าจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ มาตกอับอยู่ในเมืองลั่วหยางโดยแท้”
ตามที่เสี่ยวไป๋น้ำเต้าหู้ประกาศชื่อสามคนนี้ออกมาทีละคน เหนือศีรษะของพวกเขาก็มีข้อมูลที่สอดคล้องกันปรากฏขึ้น
[หลินจื้อเพ่ย
ฉายายุทธภพ ‘ผู้ลือนามแปดทิศ’ ทักษะยุทธ์แข็งแกร่ง ทำความชั่วไว้มากมาย เจ้าบ้านใหญ่ค่ายดอกบัว
เลเวล: 35
พลังชีวิต: 16500/16500
กำลังภายใน: 8000/8000]
……
[จีไหลเหย่
โจรราคะผู้โด่งดัง ฉายายุทธภพ ‘ภมรเด็ดดอกไม้’ เจ้าบ้านรองค่ายดอกบัว
เลเวล: 29
พลังชีวิต: 9600/9600
กำลังภายใน: 4300/4300]
……
[เก๋ออ๋างโส่ว
ติดพนัน ฆ่าคนมานับไม่ถ้วน เจ้าบ้านสี่ค่ายดอกบัว
เลเวล: 23
พลังชีวิต: 5900/5900
กำลังภายใน: 3100/3100]
……
ข้อมูลค่าสเตตัสของ BOSS ทั้งสามปรากฏขึ้น แปลว่าทั้งสองฝ่ายเข้าสู่สถานะต่อสู้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงถึงขั้นสังเกตเห็นทันทีว่าแม้แต่เสี่ยวไป๋น้ำเต้าหู้ที่อยู่ในกระบวนทัพฝ่ายตัวเอง เหนือศีรษะก็ปรากฏข้อมูลค่าสเตตัสเหมือนสามคนนั้นเช่นกัน
[ไป๋จ่านจี (พิการบาดเจ็บ)
อดีตมือปราบเลื่องชื่อของสำนักลิ่วซ่านเหมิน ฉายายุทธภพ ‘เหยี่ยวเทพทรงพลัง’ ปลีกตัวออกจากยุทธภพหลังจากได้รับบาดเจ็บ อาศัยขายน้ำเต้าหู้เลี้ยงชีพ
เลเวล: 30
พลังชีวิต: 23400/23400
กำลังภายใน: 15900/15900]
……
ดูจากค่าสเตตัส คนขายน้ำเต้าหู้โหดขนาดนี้เลยเหรอ
ตอนนี้ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงลอบทำร้ายเขา เหตุใดจึงสร้างกับดักที่น่ากลัวขนาดนี้ขึ้นมา
เจ้าหมอนี่มีความสำคัญจริงๆ!
ถึงขนาดว่าต่อให้เตรียมกับดักอย่างนั้นไว้ แต่จะสร้างภัยคุกคามต่อ BOSS ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ไหวเหรอ
ถังซานไฉ่ดูพลังของทั้งสองฝ่ายเปรียบเทียบกันแวบหนึ่ง แล้วอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วถาม “พี่ใหญ่เสี่ยวไป๋ เห็นค่าสเตตัสของท่านแข็งแกร่งขนาดนี้ ทำไมมีแค่เลเวลสามสิบเองล่ะ”
เสี่ยวไป๋น้ำเต้าหู้…อ๋อ ไม่สิ ตอนนี้น่าจะเป็นเหยี่ยวเทพทรงพลังไป๋จ่านจีแล้ว ไป๋จ่านจีได้ยินแล้วยิ้มเจื่อน แต่ก็ยังอดทนอธิบายให้ทั้งสองฟังว่า “ที่จริงในยุทธภพนี้ วิธีการที่ตรงไปตรงมาที่สุดในการตัดสินว่าใครอ่อนแอหรือแข็งแกร่งก็คือดูที่เลเวล เพราะเลเวลคือสิ่งที่สะท้อนศักยภาพรวมของคนคนหนึ่งได้โดยตรง เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่เลเวลเท่ากัน หากใครมีความสามารถเหนือกว่าสักสกิลหนึ่ง ก็จะมีข้อด้อยที่สอดคล้องกัน มีเพียงเลเวลเท่านั้น ถึงจะแสดงคุณสมบัติภาพรวมของผู้ฝึกยุทธ์ได้”
หลังจากชะงักไปชั่วครู่ เขาก็กล่าวเสริมอีกว่า “แน่นอน มาตรฐานที่ข้ากล่าวไว้ข้างต้น ไม่รวมผู้เล่นอย่างพวกเจ้า”
เมื่อพูดจบ ไป๋จ่านจีก็ถลันตัวไปหาหลินจื้อเพ่ยที่กระโจนมาตรงหน้าแล้ว พร้อมตะโกนเตือนเสียงดังว่า “จอมยุทธ์น้อยถังซานไฉ่ น้องเยี่ยเว่ยหมิง ข้าถ่วงหลินจื้อเพ่ยไว้ได้ครู่เดียวเท่านั้น พวกเจ้าสองคนรีบจัดการคู่ต่อสู้ที่เหลือให้เร็วที่สุด แล้วรีบมาสนับสนุนข้า”
เมื่อได้ยินคำเตือนของไป๋จ่านจี เยี่ยเว่ยหมิงกับถังซานไฉ่ก็รู้สึกพูดไม่ออกพร้อมกัน
พวกเราสองคนเป็นผู้เล่นเลเวลสิบกว่า แต่นายจะให้พวกเราท้าทาย BOSS เลเวลยี่สิบกว่างั้นเหรอ ทั้งยังให้รีบจัดการคู่ต่อสู้ด้วย
ทำไมนายไม่บินขึ้นฟ้าไปซะเลยล่ะ
และตอนนี้เอง ไป๋จ่านจีก็ออกแรงสองเท้าเหยียดทะยานขึ้นฟ้าแล้ว จากนั้นก็กลับหัวพุ่งลงมา พร้อมใช้ฝ่ามือตบไปที่จุดไป่ฮุ่ยกลางกระหม่อมหลินจื้อเพ่ย
[1] น้ำลมหมุนเวียนเปลี่ยนผัน 风水轮流转 น้ำลมหรือเรียกอีกอย่างฮวงจุ้ย หมายถึงสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง ไม่มีใครโชคดีไปตลอดหรือโชคร้ายไปตลอด