ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 495 กรรมตามทัน
ตอนที่ 495 กรรมตามทัน
[สุราเพลิงหยกน้ำแข็งลึกลับ] เป็นสุราที่เทพสุราจั่วปั๋วเยี่ยนใช้สมุนไพรล้ำค่าหลายชนิดหมัก มีฤทธิ์ปรับสมดุลหยินหยาง
หลังจากนำสุราเพลิงหยกน้ำแข็งลึกลับสองขวดที่หมักเสร็จล่วงหน้ามาจากจั่วปั๋วเยี่ยนแล้วกล่าวอำลา พวกเขาก็ออกจากบ้านเทพสุราด้วยกัน
พอออกมาไกลมากแล้ว กลิ่นสุราที่มีเฉพาะในบ้านเทพสุราก็เบาบางจนไม่ได้กลิ่นแล้ว
ทั้งสองต่างคนต่างใช้ท่าร่างอันยอดเยี่ยมของตัวเองวิ่งตะบึงไปยังทิศทางหนึ่ง น้องดาบเจียดเวลาบอกกับเยี่ยเว่ยหมิงว่า “มือปราบหน้าเหม็น มีเรื่องบางอย่างที่เราต้องคุยกันล่วงหน้า ภารกิจที่ข้ารับมา แม้จะใช้สุราเพลิงหยกน้ำแข็งลึกลับแลกวิชากำลังภายในที่เป็นระดับสุดยอดวิชาได้ แต่ถ้าไม่เคยทำภารกิจย่อยใดๆ มาก่อน เจ้าจะได้สุดยอดวิชาหรือเปล่าข้าก็ไม่แน่ใจแล้ววนะ”
“เข้าใจแล้ว!” เยี่ยเว่ยหมิงเอ่ยรับคำเตือนที่หวังดีของอีกฝ่ายไปอย่างนั้น แต่กลับถามอย่างแปลกใจว่า “ไม่เจอกันมาสักพัก วิชาตัวเบาของเจ้าก้าวหน้าขึ้นไม่น้อยเลย เจ้าเรียนวิชาตัวเบาระดับสูงมาใหม่หรือ”
น้องดาบพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ข้าทำภารกิจ ได้วิชาตัวเบาระดับสูงที่ชื่อว่า ‘ย่ำจอกข้ามน้ำ’ มาใหม่ ที่จริงในภารกิจเทศกาลสารทจีนก่อนหน้านี้ ข้าก็ได้วิชาตัวเบานี้มาแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นข้ากำลังสะสมค่าตบะเพื่อเพิ่มกำลังภายใน จึงไม่ได้เพิ่มเลเวลมัน จึงแสดงท่าร่างนี้ออกมาไม่ชัดเจนนัก”
พอพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ น้องดาบก็นึกอะไรขึ้นได้ นางจึงเปลี่ยนประเด็นสนทนา ถามเยี่ยเว่ยหมิงว่า “ดูจากกลยุทธ์ที่เจ้าให้ข้าก่อนหน้านี้ เจ้าน่าจะรักษาวิชา ‘กระบี่จงชง[1]’ ไว้ได้อย่างราบรื่นเลยสินะ ที่จริงข้าสงสัยมาตลอดว่าประสิทธิภาพของ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ เป็นอย่างไรกันแน่ เจ้าแสดงให้ข้าดูหน่อยเป็นอย่างไร”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วชูนิ้วกลางให้น้องดาบอย่างให้ความร่วมมือ
น้องดาบงงทันที “ปราณกระบี่ล่ะ”
“ค่าสเตตัสยังไม่พอ ตอนนี้ยังปล่อยปราณกระบี่ไม่ได้”
“แล้วเจ้าฉวยโอกาสชูนิ้วกลางใส่ข้าหรือ” น้องดาบโมโห
“อย่าใส่ใจรายละเอียดพวกนั้นเลย” เยี่ยเว่ยหมิงเปลี่ยนประเด็นสนทนาอย่างไม่ลังเล “ว่าแต่เจ้าเถอะ ใช้ ‘กระบี่ส้าวเจ๋อ’ แลกอะไรดีๆ มาแล้วสินะ นำออกมาให้ข้าเปิดหูเปิดตาหน่อยสิ”
“ข้าใช้ ‘กระบี่ส้าวเจ๋อ’ แลกมาได้ภารกิจเดียวเอง แต่ภารกิจนั่นยังไม่เริ่มเลย ถ้าถามว่าเริ่มเมื่อไร ก็ต้องรอให้ระบบประกาศอีกที”
น้องดาบกล่าวอย่างจนใจ “ดังนั้น สถานการณ์ของเราสองคนต่างกันไม่มาก แม้จะได้ผลตอบแทนเยอะในภารกิจนี้ แต่เป็นเหมือนเงาดอกไม้ในกระจกกับเงาจันทร์ในน้ำ ตอนนี้ยังนำมาเพิ่มความสามารถตัวเองไม่ได้”
สำหรับคำอุปมา ‘เงาดอกไม้ในกระจกกับเงาจันทร์ในน้ำ’ จากปากน้องดาบ เยี่ยเว่ยหมิงไม่กล้าเห็นด้วย
เขาเชื่อว่าต้องมีสักวันที่เขาจะใช้งาน ‘กระบี่จงชง’ ได้
เงาร่างสีแดงกับสีน้ำเงินวิ่งตะบึงอยู่บนทุ่งหญ้ากว้างโล่ง หลังจากผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ทั้งสองก็มาถึงตีนเขาของยอดเขาที่ตั้งตระหง่านแห่งหนึ่ง
พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นยอดเขาสูงประมาณสามสิบจั้ง ผนังรอบๆ โล้นเป็นมันวาว มีกอหญ้าแห้งขึ้นแซมระหว่างซอกหินเป็นหย่อมๆ
“ทุกจุดที่มีหญ้าแห้ง รอบๆ จะนูนขึ้นมาเล็กน้อย มีแต่คนที่วิชาตัวเบาเลเวลสูงเท่านั้น ถึงจะอาศัยสิ่งเหล่านั้นเป็นตัวส่งแรงได้” ขณะที่พูดน้องดาบก็มองเยี่ยเว่ยหมิงอย่างท้าทายปราดหนึ่ง แล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เรามาแข่งวิชาตัวเบากันดีไหม ใครขึ้นถึงยอดหน้าผาก่อนคนนั้นชนะ คนแพ้ต้องรับผิดชอบเรื่องอาหารเที่ยง”
พอพูดจบ ก็ไม่รอให้เยี่ยเว่ยหมิงตอบ นางใช้ท่าร่าง ‘เทพท่องร้อยแปรเปลี่ยน’ ไต่หินขึ้นไปบนยอดหน้าผาแล้ว
หน้าผาแห่งนี้ ล้วนเป็นบททดสอบที่ดูถูกไม่ได้สำหรับผู้เล่นทุกคนที่อยากจะปีนให้ถึงยอด
ต่อให้เป็นน้องดาบ นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเจอความท้าทายนี้เช่นกัน แม้วิชาตัวเบากับความสามารถนางเทียบกับวันเก่าไม่ได้แล้ว แต่เมื่อเจอกับหน้าผาแบบนี้ ก็ยังไม่กล้าประมาทง่ายๆ
จำได้ว่าครั้งแรกที่มาที่นี่ นางถึงขั้นพลาดตกตายไปครั้งหนึ่ง
แต่ตอนนี้พอได้ปีนอีกครั้ง ก็พบว่าง่ายกว่าครั้งก่อนมากจริงๆ
แม้จะพูดไม่ได้ว่าง่ายเหมือนเดินบนพื้นราบ แต่ถ้าระวังสักหน่อย ก็น่าจะไม่มีอันตรายเรื่องก้าวพลาด
ทว่าตอนที่น้องดาบปีนขึ้นมาได้ครึ่งทาง กำลังดีใจเพราะคิดว่าวันนี้จะต้องได้กินของอร่อยฝีมือเยี่ยเว่ยหมิง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงพูดหยอกที่มีเลศนัยของเยี่ยเว่ยหมิงดังมาจากข้างหลัง “สู้ๆ นะ!”
น้องดาบได้ยินแล้วตกใจ เกือบก้าวพลาดตกลงไปแล้ว
นางรีบใช้วิชา ‘กรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม’ ขยุ้มกรงเล็บทั้งห้าจับหน้าผาหินเอาไว้ เมื่อหันหลังกลับไปมองก็พบว่าเจ้าแดงสัตว์เลี้ยงของเยี่ยเว่ยหมิงกำลังบินขึ้นไปบนยอดหน้าผา กรงเล็บคมสองข้างของมันกำลังคว้าวัตถุที่มีลักษณะพิเศษบางอย่าง
วัตถุนี้ดูจากภายนอกมีโครงสร้างเป็นทรงกลม แต่ทั้งตัวถักจากไม้เถา ด้านบนสุดเป็นคานพาดให้เจ้าแดงเกาะได้ ส่วนด้านล่างดูเหมือนเก้าอี้ไม้ไผ่ที่นั่งสบายมาก
เยี่ยเว่ยหมิงก็กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนนั้น เอนกายอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายสุดๆ ทั้งยังโบกมือพร้อมยิ้มให้นางอย่างเจ้าเล่ห์
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงนำสัตว์เลี้ยงมาใช้เหมือนเฮลิคอปเตอร์ จู่ๆ น้องดาบก็รู้สึกแย่ขึ้นมา
จะว่าไปแล้ว เจ้าเล่นได้กวนบาทาขนาดนี้ คนที่บ้านเจ้ารู้บ้างหรือเปล่า
แล้วเก้าอี้ที่สวยกริบขนาดนั้น มียี่ห้อด้วยหรือเปล่า
แต่ถึงแม้อยากจะแขวะขนาดไหน แต่นางกลับได้แต่มองยานพาหนะพิเศษของเยี่ยเว่ยหมิงบินสูงขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็ปีนหน้าผาต่อไปอย่างจนใจ
ถึงแม้นางจะอยากกระโดดเข้าไปขอติดรถกับเยี่ยเว่ยหมิง ซึ่งด้วยพลังของเจ้าแดง ดึงคนเพิ่มอีกคนก็ไม่มีปัญหาแน่นอน แต่ปัญหาคือยานพาหนะพิเศษของเยี่ยเว่ยหมิงมีที่นั่งสำหรับคนเดียว ถ้านางกระโดดเข้าไป นางจะนั่งตรงไหน
นั่งบนตัวเยี่ยเว่ยหมิง?
ขอร้องล่ะ! ท่าทางแบบนั้นทำให้โดนแบนง่ายมาก จากนั้นทุกคนก็จะจบเห่ไปด้วยกัน
ตอนที่น้องดาบปีนถึงยอดหน้าผา ก็พบว่าเยี่ยเว่ยหมิงยืนมือไพล่หลังรออยู่นานแล้วจริงๆ
ยังไม่ทันรอให้น้องดาบพูดอะไร เยี่ยเว่ยหมิงก็เป็นฝ่ายพูดก่อนแล้วว่า “ไม่ต้องกังวล เรื่องอาหารเที่ยงข้าจัดการแล้ว”
น้องดาบได้ยินแล้วดีใจ จากนั้นถามอย่างโมโหต่อ “นี่เจ้าสงสัยในฝีมือการทำอาหารของข้าหรือ”
“เปล่า!” เยี่ยเว่ยหมิงตอบอย่างมีเหตุผล “ข้าแค่สงสัยว่าเจ้าเคยเรียนทักษะการทำอาหารหรือเปล่า”
น้องดาบพูดไม่ออก ตัดสินใจว่าจะไม่พัวพันกับคำถามที่น่าอึดอัดนี้อีก นางตะโกนเสียงดังว่า “เจ้าน้องชาย ข้าเจอวิธีรักษาโรคประหลาดที่เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อนของเจ้าแล้ว!”
“ใครกัน มาส่งเสียงโวยวายอยู่บนหน้าผาหมัวเทียนของข้า” เจ้าน้องชายที่น้องดาบเรียกไม่ได้ตอบ แต่กลับมีเสียงที่ทรงพลังของชายชราดังมาจากที่ไกลๆ
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เยี่ยเว่ยหมิงกลับตัวสั่นทันที เหมือนนึกขึ้นได้ถึงเรื่องน่ากลัวบางอย่าง รีบถามน้องดาบว่า “น้องชายที่เจ้ามาหา ชื่อว่าอาจ่งเหรอ”
“ไม่ใช่!” น้องดาบตอบตรงๆ ว่า “เขาชื่อว่าโก่วจ๋าจง”
มารดาเจ้าเถอะ…
ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงเกิดอารมณ์ชั่ววูบ อยากจะเรียกเจ้าแดงออกมาพาตนหนีเสียตอนนี้เลย แต่ภาพตรงหน้าพลันเลือนราง เงาร่างสูงใหญ่ที่คุ้นเคยมาปรากฏตรงหน้าทั้งสองแล้ว
กลับเห็นชายชราซูบผอมคนนี้กำลังยิ้มอย่างมีเลศนัยขณะมองมาทางเยี่ยเว่ยหมิง
[1] กระบี่จงชงคือกระบี่ที่ยิงออกจากนิ้วกลาง