ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 581 หนึ่งกระบี่สะท้านฟ้า
ตอนที่ 581 หนึ่งกระบี่สะท้านฟ้า
พอเห็นว่าเยี่ยเว่ยหมิงกับเชิญร่ำสุรากำลังเผชิญหน้ากับ ‘ค่ายกลฟ้าดาวเหนือ’ แต่ก็ยังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานได้เหมือนไม่เป็นอะไร ท่านเซียนไม่นอนดึกที่อยู่ฝั่งเจ็ดศิษย์แห่งสำนักฉวนเจินก็ไม่ปลื้มทันที
เขาตบพัดกระดูกเหล็กที่ฝ่ามือซ้ายเบาๆ พัดที่เดิมทีกางอยู่หุบลงทันที จากนั้นก็คลี่พัดขึ้นมาอีก ชี้ทั้งสองพร้อมบอกว่า “ถือโอกาสตอนที่ยังวางมาดอวดเก่งได้อวดเสียให้พอ อย่างไรเสียหากเปิดใช้งาน ‘ค่ายกลฟ้าดาวเหนือ’ เมื่อไร พวกเราก็จะยืนอยู่ในจุดที่ไม่แพ้แล้ว ถึงตอนนั้นพวกเจ้าคงไม่มีอารมณ์มาอวดเก่งหรอก”
“ยืนอยู่ในจุดที่ไม่แพ้?” พอได้ยินคำพูดโอ้อวดไร้ยางอายของอีกฝ่าย เยี่ยเว่ยหมิงก็แขวะกลับทันที “ไม่ๆๆๆ พวกเราต่างหากคือฝ่ายที่อยู่ในจุดที่ไม่แพ้ ไม่เชื่อเจ้าก็คอยดู”
พอเยี่ยเว่ยหมิงพูดจบ โหยวโหยวที่ยืนอยู่หลังทีมเจ็ดประหลาดแห่งเจียงหนานก็พลันกระโดดขึ้นมา ตอนที่ตัวลอยอยู่กลางอากาศ นางก็เรียกเสี่ยวไป๋ที่เป็นสัตว์ขี่ของนางออกมาแล้ว
โหยวโหยวที่ขี่บนหลังนกอินทรีควบคุมมันให้บินพุ่งขึ้นฟ้า หลังจากบินสูงขึ้นหนึ่งร้อยเมตรถึงได้หยุดอยู่ที่ตำแหน่งนั้น
พอเห็นฉากนี้ ท่านเซียนไม่นอนดึกก็รู้สึกแย่ไปทั้งตัวแล้ว
สงสัยจุดที่ไม่แพ้อย่างแท้จริงคงจะเป็นบนฟ้าสินะ?
อีกฝ่ายมีนก ขอเพียงหลบอยู่บนฟ้าไม่ยอมลงมา ต่อให้ ‘ค่ายกลฟ้าดาวเหนือ’ ของพวกเขาจะร้ายกาจแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางทำอะไรคนผู้นั้นได้
ซึ่งมาตรฐานการตัดสินแพ้ชนะในการต่อสู้เป็นทีม ก็คือสมาชิกของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องแพ้หมดทุกคน…
หรือพูดได้อีกอย่างว่า ตราบใดที่ในกระบวนทัพของฝ่ายตรงข้ามยังมีหนึ่งคนที่ยังไม่ตาย การต่อสู้สนามนี้ก็ไม่มีทางจบลงได้เลย!
จะว่าไป การกระทำอย่างเจ้าก็เรียกว่าไร้ยางอายได้แล้วนะ
ส่วนหนิวจื้อชุนที่อยู่ตรงตำแหน่งอำนาจฟ้าก็ยกมือปิดหน้าอย่างจนใจ การเล่นแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่โหยวโหยวคิดได้แน่นอน นี่มันลักษณะของเยี่ยเว่ยหมิงชัดๆ!
ตอนที่พวกเขากำลังคิดว่าฝ่ายเจ็ดประหลาดแห่งเจียงหนานคิดจะให้โหยวโหยวถ่วงเวลา สู้กันจนตัดสินแพ้ชนะไม่ได้ บนฟ้ากลับมีจุดสีดำพลันปรากฏขึ้น แล้วขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว
ฟิ้ว!
เสียงแหลมเล็กของวัตถุเสียดสีกับอากาศ เดิมทีเบามากจนแทบไม่ได้ยิน แต่มันกลับดังชัดขึ้นเรื่อยๆ พอเงยหน้ามอง ในดวงตาของเจ็ดศิษย์แห่งสำนักฉวนเจินก็ฉายแววตื่นตะลึงพร้อมกัน
ที่แท้โหยวโหยวที่อยู่สูงขึ้นไปร้อยเมตรก็ควักหินขนาดใหญ่ที่หนักสองร้อยชั่งกว่าออกมาจากกระเป๋า ยังไม่ทันรอให้อินทรีขาวเสี่ยวไป๋แบกรับน้ำหนัก นางก็ปรับมุมแล้วคลายมือเบาๆ…
หินสองร้อยชั่งที่ตกจากฟ้าสูงร้อยเมตรหมายความว่าอะไร
ถึงอย่างไรผู้เล่นสำนักฉวนเจินที่เคยเรียนวิชาฟิสิกส์ขั้นพื้นฐานมาก่อนก็ไม่กล้าอาศัย ‘ค่ายกลฟ้าดาวเหนือ’ ดันทุรังรับไว้
เมื่อสิ้นเสียงบัญชาการของท่านเซียนไม่นอนดึก เจ็ดศิษย์แห่งสำนักฉวนเจินก็ถอยหลังพร้อมกัน
ตั้งแต่ต้นจนจบ รูปทัพของ ‘ค่ายกลฟ้าดาวเหนือ’ กลับไม่เสียระเบียบเลยแม้แต่น้อย
เห็นได้ชัดว่าวิธีการโยนวัตถุจากฟ้าสูงเพื่อฝ่าค่ายกลเป็นเรื่องที่เพ้อฝัน
แต่พวกเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่เคยออกความคิดที่ไร้เดียงสาขนาดนี้เช่นกัน ก้อนหินที่โหยวโหยวโยนออกมา หากจะบอกว่าเป็นการโจมตี เปลี่ยนเป็นบอกว่าคือการส่งสัญญาณดีกว่า
ตอนที่หินก้อนใหญ่สัมผัสกับพื้น ก็ถึงเวลาที่ทุกคนลงมือฝ่าค่ายกลแล้ว!
เมื่อฝ่ายสำนักฉวนเจินถอยออกจากขอบเขตภัยคุกคามของหินที่ตกจากฟ้า ดวงตาที่ฉ่ำเยิ้มเหมือนน้ำของเชิญร่ำสุราก็กวาดมองบนตัวของฝ่ายตรงข้ามทีละคน พร้อมยกมุมปากเผยรอยยิ้มน้อยๆ ที่มิอาจสังเกตเห็นได้
ยืนยันจากสายตาแล้ว บรรลุข้อตกลงลับ!
เพื่อไม่เปิดเผยข้อตกลงที่น่าละอายของกันและกัน สายตาของเชิญร่ำสุราไม่ได้หยุดมองบนตัวเขานาน แต่มองแบบเดียวกับที่มองคนอื่น กวาดสายตาผ่านตัวไต้อวี๋ผิง แล้วไม่นานสายตาก็หยุดอยู่บนตัวติงติงที่อยู่ตรงตำแหน่งโยกประกายแต่สายตากลับฉายแววสังหารเข้มข้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
สำหรับข้อตกลงระหว่างเชิญร่ำสุรากับไต้อวี๋ผิง หนึ่งในกุญแจสำคัญก็อยู่บนตัวติงติงนั่นเอง!
ถ้าในระหว่างที่ประมือกัน ไต้อวี๋ผิงเผยจุดอ่อนตรงๆ โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย แล้วถูกเชิญร่ำสุราโจมตีสังหาร ขอเพียงไม่ใช่คนตาบอด ไม่ว่าใครก็มองออกทั้งนั้นว่ามีปัญหาแน่นอน!
ต่อให้เป็นคนตาบอด แต่ก็ใช่ว่าจะมองไม่ออก
อย่างไรเสีย นักสืบอย่างเคอเจิ้นเอ้อจะมองไม่เข้าใจสักนิดเชียวหรือ
เมื่อถึงตอนนั้น ไต้อวี๋ผิงคงไม่ต้องทำมาหากินแล้ว
ต้องทราบไว้ว่า การประลองสนามนี้มีการถ่ายทอดสดทั้งเซิร์ฟ!
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แม้แต่เชิญร่ำสุราที่ทำข้อตกลงลับกับเขาก็จะได้รับผลกระทบด้านลบที่ร้ายแรงมากเช่นเดียวกัน ถึงขั้นทำให้เกิดรอยร้าวในมิตรภาพระหว่างเขาและฉางซิงอวี่ได้
ดังนั้นต่อให้เป็นการล้มมวย แต่ก็ต้องทำให้สมจริงสักหน่อย
ต่อให้จงใจเผยจุดอ่อน แต่จุดอ่อนนี้ก็ต้องเผยอย่างสมเหตุสมผล!
สำหรับจุดนี้ พวกเขายอมรับร่วมกันแล้วตอนคุยกันในป่าลมหยินเมื่อวาน
อีกประเดี๋ยวพอหินตกลงพื้น เชิญร่ำสุราก็จะโจมตีติงติงให้ถึงแก่ความตายทันที
ตอนนี้ไต้อวี๋ผิงก็จะ ‘ว้าวุ่นใจ’ ไปสละชีวิตปกป้องนางโดยไม่สนใจค่ายกล จากนั้นก็จะตายอยู่ภายใต้กระบี่ของเชิญร่ำสุราอย่าง ‘กล้าหาญไร้ที่เปรียบ’ ทำให้เชิญร่ำสุราสร้างวีรกรรมฝ่าค่ายกลสำเร็จได้อย่างราบรื่น ทั้งไต้อวี๋ผิงยังได้สร้างความรู้สึกดีๆ ให้นางฟ้าในดวงใจอีกด้วย
หลังจากสู้กันแล้ว เขาก็จะนำกระบี่ล้ำค่าจากเชิญร่ำสุรามามอบให้ติงติงที่กำลังกลุ้มใจเรื่องขาดอาวุธเหมาะมือ อาศัยเรื่องนี้สร้างความรู้สึกดีๆ ถึงขั้นเอาชนะใจสาวงามได้เลย
ส่วนเชิญร่ำสุรา หลังจากจ่ายเป็นกระบี่ยาวระดับอาวุธล้ำค่าหนึ่งเล่มและอย่างอื่นอีกนิดหน่อย ก็จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ชนะเลิศอันดับหนึ่งของการประลองครั้งสุดท้ายนี้อย่างสมเหตุสมผล ได้โอกาสเพิ่มเลเวลทักษะสามครั้ง ได้รางวัลลับชิ้นสุดท้ายของการประลอง
ส่วนผลกระทบด้านลบจากการทำแบบนี้?
นั่นก็ยิ่งจัดการง่าย
มีแต่ต้องทำอย่างนี้เท่านั้น ภาพลักษณ์ที่ไต้อวี๋ผิงทิ้งไว้ให้บรรดาผู้ชมเห็นก็จะเป็นเพียงคนเพ้อรักหรือไม่ก็สุนัขตามจีบหญิง ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่คนต่ำทรามที่ขายทีมเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ควรค่าที่จะได้รับความเห็นใจ
บนพื้นฐานของคาแรกเตอร์นี้ พอถึงเวลานั้นค่อยประกาศว่าตัวเองเสียใจ สุดท้ายก็จบด้วยประโยค ‘หากย้อนเวลาได้อีกครั้ง ข้าก็จะเลือกทำเหมือนเดิม’ เท่านี้ก็จะล้างบาปได้ภายในชั่วพริบตาเดียว
ส่วนคนอื่นๆ ในทีมจะคิดอย่างไร นั่นสำคัญด้วยหรือ
ตอนที่คนหมู่มากเริ่มเห็นใจเขา อย่าบอกนะว่าท่านเซียนไม่นอนดึกกับพวกหนิวจื้อชุนจะฆ่าเขาให้ตายจนเลเวลเหลือศูนย์ได้
ส่วนการร่วมงานกันในภายหลัง?
ขอร้องล่ะ! ในบรรดาพวกเขา เกรงว่าคนที่อยากให้โอกาสร่วมงานกันต่อในภายหลังคงมีไม่เยอะแล้ว
แผนการทั้งหมดสมบูรณ์แบบ ถึงอย่างไรเชิญร่ำสุราก็รู้สึกว่ามันไม่มีช่องโหว่อยู่เลย
ทว่าบางครั้ง การจะทำบางอย่างให้สำเร็จ ใช่ว่าพึ่งแผนการอันสมบูรณ์แบบอย่างเดียวแล้วจะทำได้
เพราะเจ้าต้องเอาชนะคู่ต่อสู้ของเจ้าให้ได้ก่อน!
บึ้ม!
ในที่สุดหินก้อนใหญ่ก็ตกลงพื้น สะเทือนจนถนนทั้งสายสั่นคลอน
ขณะเดียวกันนี้เอง เยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่ข้างกายเชิญร่ำสุรากลับพุ่งนำทีมออกไปก่อนแล้ว ขณะที่เคลื่อนย้ายร่างกายอย่างรวดเร็ว เสียงโซนิค บูมที่แสบแก้วหูก็ดังขึ้นกลางอากาศ
ขณะเดียวกันนี้เอง เขาเรียกกระบี่อาญาสิทธิ์ให้มาปรากฏอยู่ในฝ่ามือขวาแล้ว
แต่ที่แตกต่างจากเมื่อก่อนก็คืออาวุธที่ซ่อนอยู่ภายใต้เปลือกนอกที่เป็นกระบี่อาญาสิทธิ์ไม่ใช่กระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงที่เขาใช้งานบ่อยอีกแล้ว แต่เป็นกระบี่ยาวที่ยืมมาจากสะพานสวรรค์น้อย กระบี่ยาวระดับอาวุธล้ำค่าที่มีผลเพิ่มกำลังภายในหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์…กระบี่ไร้โลหิต!
ระหว่างที่เขาพุ่งไปข้างหน้า บนตัวเขาพลันปะทุพลังปราณที่ร้อนแผดเผากลุ่มหนึ่งออกมา
หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน…เปิดใช้งาน!
ครู่ต่อมาหลังจากเปิดใช้งานหยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน เท้าขวาของเยี่ยเว่ยหมิงกลับเหยียบบนหินก้อนใหญ่ที่เพิ่งตกกระแทกพื้นพอดี
แกร๊ก!
ก้อนหินที่แม้จะตกลงจากฟ้าสูงก็ยังไม่แตก ไม่น่าเชื่อว่าโดนเขาเหยียบเบาๆ กลับแตกแล้ว
ขณะเดียวกัน พลังปราณบนตัวเยี่ยเว่ยหมิงก็ปะทุออกมาอีกครั้ง เยอะกว่าก่อนหน้านี้ไม่ใช่แค่สิบเท่า!
มารสวรรค์ทลาย…เปิดใช้งาน!