ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 585 หุบเขาหิมะชายแดนทิเบต
ตอนที่ 585 หุบเขาหิมะชายแดนทิเบต
ท่ามกลางจดหมายกองใหญ่ เก้าส่วนขึ้นไปเป็นคำทักทายตามมารยาทจากเพื่อนชายด้วยกัน รวมทั้งการถามสารทุกข์สุขดิบจากเพื่อนสาวด้วย
ข้อความที่มีความหมายจริงๆ มีเพียงสองข้อความเท่านั้น
ข้อความแรกมาจากสะพานสวรรค์น้อย นอกจากถามไถ่อาการของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว ก็ยังตอบรับคำขอแลกกระบี่ที่เยี่ยเว่ยหมิงขอไว้ก่อนหน้านี้อย่างไม่ลังเล
พูดง่ายๆ ก็คือ หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงใช้งานมันไปครั้งหนึ่งแล้ว ก็พบว่าลักษณะพิเศษของ ‘กระบี่ไร้โลหิต’ สุดยอดมาก เข้ากับลักษณะของเขามากกว่า ส่วนกระบี่ที่อยู่ในมือสะพานสวรรค์น้อยกลับแสดงประสิทธิภาพที่มันควรจะมีได้ยาก ถึงขั้นแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับกระบี่มังกรคำราม
ดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงจึงเสนอว่าจะนำกระบี่ชิงชัยและกระบี่แสงทองไปแลกกระบี่ไร้โลหิต
แต่ข้อเสนอนี้สะพานสวรรค์น้อยเอ่ยเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น นางไม่คัดค้านเรื่องแลกกระบี่ แต่ต้องแลกแบบหนึ่งเล่มต่อหนึ่งเล่ม จะใช้เล่มไหนแลกก็ได้ แต่ต้องขอแลกเพียงเล่มเดียวเท่านั้น
สำหรับเรื่องนี้ เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกจนใจมากเช่นกัน
ถึงอย่างไรสะพานสวรรค์น้อยก็โจมตีด้วยกระบี่คู่ผนึกรวม มีแต่ต้องใช้กระบี่สองเล่มที่ค่าสเตตัสใกล้เคียงกันเท่านั้นถึงจะแสดงประสิทธิภาพที่แท้จริงออกมาได้ หากมีเล่มเดียว ก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปนิดหน่อย
แต่อีกฝ่ายก็ยืนกรานว่าจะไม่เอาเปรียบเยี่ยเว่ยหมิง เขาจึงทำได้เพียงใช้แผนสองเช่นกัน หลังจากพิจารณาแล้วจึงมอบกระบี่ชิงชัยที่มีค่าสเตตัสเข้ากับสะพานสวรรค์น้อยมากกว่าให้
ข้อความที่สองที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงสนใจถูกส่งมาจากน้องดาบ
[มือปราบหน้าเหม็น! กระบี่ที่เจ้าใช้ตอนสุดท้ายของการประลองหอหมอกพิรุณร้ายกาจมาก ปลิดชีพฟ้า ปลิดชีพดิน ปลิดชีพอากาศได้เลย…
…ผลข้างเคียงไม่เบาเลยสินะ…
ดูจากที่เจ้าปิดช่องแชทก็รู้แล้ว เจ้ากำลังเก็บตัวเพื่อเยียวยาตัวเองแน่ๆ…
…ในฐานะสหาย ที่จริงข้าไม่ควรรบกวนเจ้าในเวลานี้ แต่…แต่ถึงอย่างไร ก่อนเปิดช่องแชทเจ้าก็ไม่เห็นอยู่ดี ข้าพูดตรงๆ เลยดีกว่า…
…ภารกิจเนื้อเรื่องทางฝั่งข้า ถ่วงเวลาต่อไปไม่ได้แล้ว เวลาตัดสินความสำเร็จและความล้มเหลวมาถึงแล้ว…
…เยี่ยเว่ยหมิง ถ้าเจ้ายังอยากสังหารปรมาจารย์ดาบโลหิต ทำภารกิจแปดดาวที่เจ้ารับมาจากเหมยเนี่ยนเซิง พอเลิกเก็บตัวแล้วก็ติดต่อข้ามาทันที ยิ่งเร็วยิ่งดี!]…หนึ่งดาบสามเฉือน
เยี่ยเว่ยหมิงลองตอบกลับจดหมาย แต่ระบบเตือนว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในเขตให้บริการ
แต่ไม่นานเยี่ยเว่ยหมิงก็พบว่าก่อนหน้านี้อีกฝ่ายทิ้งจดหมายไว้ให้เขาอีกหนึ่งฉบับ
[ถ่วงเวลาต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ!…
…ตอนนี้ข้าทำได้เพียงเป็นฝ่ายเข้าร่วมเอง อิงตามความเฉื่อยของเนื้อเรื่อง หลังจากพวกเราเข้ามาที่หุบเขาหิมะชายแดนทิเบตแล้ว แผนที่นี้ก็ถูกหิมะถล่มปิดทางเข้าเพียงทางเดียว ทำให้ตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง…
แต่ยังดีที่เจ้าเองก็มีภารกิจที่เกี่ยวข้องติดตัวอยู่ มีสัตว์เลี้ยงบินได้ที่ข้ามภูเขาหิมะที่ปิดตายได้…
…หลังจากเลิกเก็บตัวแล้ว ถ้าข้ายังไม่ออกจากหุบเขาหิมะ เจ้าก็บินมาที่นี่หน่อย พิกัดของตรงนี้คือ××××: ×××× …
หวังว่าเจ้าจะมาทัน]…หนึ่งดาบสามเฉือน
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นจดหมายแล้วตกใจ ระงับการดำเนินเรื่องของภารกิจเนื้อเรื่อง ‘เคล็ดเทียมนครา’ ไม่ไหวแล้ว?
ที่จริงตอนอยู่เมืองจิงโจวก่อนหน้านี้ เยี่ยเว่ยหมิงแชร์ภาพภารกิจแบบภาพโมเสกให้ก็เพื่อดูปฏิกิริยาของน้องดาบที่มีต่อเรื่องนี้
ดูจากความเป็นไปได้ของ NPC ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจ ประกอบกับเป้าหมายภารกิจมีชื่อสี่พยางค์ คนที่พอจะเข้าใจเนื้อเรื่องอยู่บ้าง หากอยากติดต่อไปที่ปรมาจารย์ดาบโลหิตก็ไม่ใช่เรื่องยาก
เช่นเดียวกัน เยี่ยเว่ยหมิงเดาออกว่าน้องดาบถ่วงเวลาตรงจุดเปลี่ยนของเนื้อเรื่องมาตลอดเพราะมีจุดประสงค์บางอย่างแน่นอน
หากถามว่าเขาเดาออกได้อย่างไร
ขอร้องล่ะ! เขารับภารกิจระดับแปดดาวที่ใช้ไปสังหารปรมาจารย์ดาบโลหิตมาแล้ว เขาจะไม่ติดต่อไปหาอินปู้คุยเพื่อถามกลยุทธ์โดยละเอียดของเรื่อง ‘เคล็ดเทียมนครา’ เชียวหรือ
แต่สำหรับ ‘เคล็ดเทียมนครา’ อินปู้คุยเข้าใจเรื่องนี้ไม่ค่อยละเอียดนัก เขาบอกว่าต้นฉบับเดิมของเรื่องนี้ดำมืดและเก็บกดเกินไป ทำให้คนอ่านแล้วรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
ดังนั้นคนที่อ่านนิยายกำลังภายในเป็นงานอดิเรกอย่างเขาจึงอ่านผ่านๆ เพียงรอบเดียวเท่านั้น ไม่มีความปรารถนาที่จะเปิดมันอ่านอีก
ดังนั้น กลยุทธ์เนื้อเรื่อง ‘เคล็ดเทียมนครา’ ที่อินปู้คุยให้มา จึงสั้นกระชับลงมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้
ในนั้นแม้จะเอ่ยถึงหุบเขาหิมะชายแดนทิเบตที่เป็นฉากสำคัญของทั้งเรื่อง แต่เขากลับจำตำแหน่งคร่าวๆ ของหุบเขาหิมะแห่งนี้ไม่ได้ ยังต้องดูตามพิกัดที่น้องดาบส่งมาให้ เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้กำหนดเป้าหมายสุดท้ายได้
เดินผ่านจุดพักม้ามาถึงหมู่บ้านมือใหม่ชื่อต้าสือโข่วที่อยู่ใกล้กับหุบเขาหิมะชายแดนทิเบต เยี่ยเว่ยหมิงเรียกเจ้าแดงและเก้าอี้นั่งส่วนตัวของเขาออกมาทันที ขณะควบคุมเจ้าแดงให้บินตรงเข้าไปในหุบเขาหิมะชายแดนทิเบต เขาก็เริ่มตอบจดหมายทักทายที่ได้รับระหว่างเยียวยาตัวเองทีละฉบับ
หลังจากเขาตอบจดหมายกลับทีละฉบับจนเสร็จ และบอกว่าตนกำลังจะเข้าไปในดันเจี้ยนที่ตัดขาดช่องทางการสื่อสารกับโลกภายนอก เจ้าแดงก็แบกเขามาถึงชายแดนของหุบเขาหิมะแล้ว
[ติ๊ง! พบแผนที่ใหม่ ‘หุบเขาหิมะชายแดนทิเบต’ เนื่องจากแผนที่นี้อยู่ในช่วงภารกิจเนื้อเรื่องพิเศษ ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับภารกิจนี้ไม่มีทางเข้ามาที่นี่ผ่านช่องทางใดๆ ได้]
[ติ๊ง! บนตัวคุณมีภารกิจที่เกี่ยวข้องกับภารกิจหลักเคล็ดเทียมนครา สอดคล้องกับเงื่อนไขที่จะเข้าไป…]
[ติ๊ง! คุณเข้าสู่แผนที่พิเศษ ‘หุบเขาหิมะชายแดนทิเบต’ แล้ว รีบจบภารกิจของคุณ มิเช่นนั้นหากเนื้อเรื่องเปลี่ยนแปลง อาจจะทำให้ภารกิจของคุณไม่มีทางสำเร็จได้อีกเลยตลอดไป]
ท่ามกลางเสียงแจ้งเตือนของระบบต่อเนื่องสามครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงอาศัยการบินของเจ้าแดงเข้าสู่หุบเขาหิมะได้อย่างราบรื่น
เนื่องจากไม่อยากเปิดเผยต่อหน้าคนอื่นว่ามีเจ้าแดง หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงเข้าหุบเขาหิมะแล้ว ก็สั่งให้เจ้าแดงหาที่บินลงทันที
พอเก็บเจ้าแดงและเก้าอี้บินชนิดพิเศษอีกครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มกวาดตามองไปรอบๆ ขณะเดียวกันในหัวก็นึกย้อนถึงเนื้อเรื่องช่วงหุบเขาหิมะที่เอ่ยถึงในกลยุทธ์ของอินปู้คุย
ตัวเอกของเรื่อง ตี๋อวิ๋น หรือคนโชคร้ายที่ติงเตี่ยนช่วยขอความเมตตาให้ในภารกิจจวนว่าการจิงโจวก่อนหน้านี้ ตามต้นฉบับเดิมหลังจากออกจากคุกมาแล้ว ชีวิตผ่านจุดพลิกผันหลายรอบจนมาถึงต้าสือโข่วที่อยู่ห่างจากตรงนี้ไม่ไกล ก็ดันถูกเข้าใจผิดว่าเป็นหลวงจีนชั่วของสำนักดาบโลหิต สุ่ยเซิงหนึ่งใน ‘สองจอมยุทธ์กระดิ่งกระบี่’ จึงปล่อยม้าให้เตะขาเขาหัก ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
ตอนนี้ปรมาจารย์ดาบโลหิตปรากฏตัวแล้ว เขาเข้าใจผิดว่าตี๋อวิ๋นที่แต่งหน้าเป็นหลวงจีนน้อยคือลูกศิษย์ของศิษย์สำนักดาบโลหิตเช่นกัน ทั้งยังถูกใจความงามของสุ่ยเซิง ตอนที่ช่วยชีวิตตี๋อวิ๋นไว้ก็ได้จับตัวสุ่ยเซิงไปด้วย มีเจตนา…หึหึหึ
การกระทำเช่นนี้ ทำให้สี่พิสดารทักษิณผู้โด่งดังในยุทธภพ หรืออีกชื่อคือกลุ่ม ‘บุปผาร่วงโรยโปรยตามน้ำ’ ไล่ตามโจมตีเขา
เพราะสุ่ยไต้ พี่สี่ของกลุ่ม ‘บุปผาร่วงโรยโปรยตามน้ำ’ ก็คือบิดาของสุ่ยเซิงที่ถูกลักพาตัวไป
หากเทียบพละกำลังอันป่าเถื่อน ไม่ว่าใครในสี่พิสดารทักษิณก็มีศักยภาพไม่ด้อยไปกว่าปรมาจารย์ดาบโลหิต สี่รุมหนึ่งเดิมทีก็เป็นสถานการณ์ที่ได้เปรียบกว่าอยู่แล้ว อยากให้แพ้ก็คงยาก
ผลปรากฏว่าปรมาจารย์ดาบโลหิตที่อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย กลับใช้กลยุทธ์ต่างๆ นานา ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ต่อสู้อันโชกโชนของตัวเองกับความได้เปรียบของชัยภูมิบนพื้นหิมะจนถึงขีดสุด ไม่น่าเชื่อว่าสุดท้ายก็โจมตีพวกสี่พิสดารทักษิณทีละคนจนแพ้เหมือนบุปผาร่วงโรยโปรยตามน้ำ!
สติปัญญาด้านการต่อสู้ระดับนี้ แม้ในผลงานทั้งหมดของอาจารย์กิมย้งก็หาพบได้น้อยมากเช่นกัน
แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่พลังอภินิหารพ่ายแพ้แก่ฟ้าลิขิต!
แม้ปรมาจารย์ดาบโลหิตจะเจ้าเล่ห์อย่างไร แต่สุดท้ายก็ยังพ่ายแพ้อยู่ภายใต้รัศมีของตัวเอกที่เก่งทุกอย่าง ตอนที่กำลังเหนื่อยล้าอ่อนแรง ตี๋อวิ๋นที่กำลังสิ้นหวังก็โจมตีกลับด้วยการเตะให้ตาย
ข้อความที่น้องดาบส่งมาค่อนข้างรีบร้อน ไม่ได้บอกถึงประเด็นสำคัญอย่างละเอียด แต่เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าแนวโน้มการดำเนินเรื่องตอนนี้คงไม่แตกต่างกับต้นฉบับเดิมมาก
ถึงอย่างไร เรื่องที่เขาทำก่อนหน้านี้ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินเรื่องในภายหลัง
ก่อนหน้านี้เยี่ยเว่ยหมิงสังหารหลิงทุ่ยซือ และให้เจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องสืบคดีใหม่ทั้งหมด ถือว่าคืนความบริสุทธิ์ให้ตี๋อวิ๋น
แต่ตี๋อวิ๋นจะปลอมตัวเป็นหลวงจีนของสำนักดาบโลหิตหรือไม่ จะเจอกับเรื่องราวเดียวกับต้นฉบับเดิมหรือไม่ ตัวเขาจะบริสุทธิ์หรือไม่ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่น้อย!
ตราบใดที่เขายังเป็นผู้สืบทอดวิชาเพียงคนเดียวของ ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ และ ‘เคล็ดกระบี่เทียมนครา’ เช่นนั้นเขาก็หลบไม่พ้นระลอกคลื่นแห่งยุทธภพที่ซัดมาจากของสองสิ่งนี้
หุบเขาหิมะชายแดนทิเบต แผนที่นี้ไม่เล็ก สภาพทางภูมิศาสตร์ก็ซับซ้อนมากเช่นกัน เยี่ยเว่ยหมิงใช้ท่าร่าง ‘ชั่วอึดใจหมื่นลี้’ วิ่งอยู่ในหุบเขาหิมะครู่หนึ่ง สุดท้ายถึงถูกดึงดูดความสนใจจากเสียงต่อสู้อันดุเดือด
พอตามไปดู ก็เห็นยอดฝีมือวิชาทวนท่านหนึ่งกับนักดาบท่านหนึ่งกำลังวัดพลังฝีมือกันอย่างดุเดือด
ผู้ที่ถือทวนคือขุนพลน้อยชุดขาวที่สวมเกราะเงินและหมวกเงิน ในมือมีพลังอำนาจราวกับกลืนภูเขาและแม่น้ำได้
ผู้ที่ใช้ดาบกลับเป็นสาวน้อยชุดแดงที่เอวบางร่างน้อย ภายนอกดูเหมือนตุ๊กตาที่ไร้พิษภัย แต่วิชาดาบกลับโหดจนทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกหวาดกลัว!
ฉางซิงอวี่กับน้องดาบ พวกเขาสองคนมาสู้กันอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร