ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 586 ความทะเยอทะยานของน้องดาบ
ตอนที่ 586 ความทะเยอทะยานของน้องดาบ
สิ่งที่เหนือความคาดหมายของเยี่ยเว่ยหมิงก็คือ คนที่ประมือกันอยู่ในหุบเขาหิมะไม่ใช่ปรมาจารย์ดาบโลหิตกับบุปผาร่วงโรยโปรยตามน้ำอะไรทั้งนั้น แต่เป็นสหายทั้งสองของเขา ฉางซิงอวี่กับน้องดาบ!
ผู้เล่นสองคนนี้แลกดาบแลกทวนกันอย่างดุเดือด ซึ่งผู้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา กลับเป็นชายชราสองคน พวกเขากำลังยืนมองกันอยู่ๆ ห่างประมาณร้อยเมตร
หนึ่งในนั้นเป็นพระทิเบตอายุราวๆ ห้าสิบปี แม้จะแต่งกายเหมือนพระ แต่บนใบหน้ากลับมีกลิ่นอายของความชั่วร้ายที่ไม่ปิดบังเลยสักนิด
บางครั้งก็ยิ้มยิงฟัน ยิ่งทำให้ผู้พบเห็นเหน็บหนาวไปถึงใจ!
ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นชายชราหนวดเคราสั้นที่ดูแข็งแกร่งซื่อตรง บนหลังเสียบทวนสั้นสองเล่ม ลักษณะท่าทางไม่ธรรมดา
มองออกเลยว่าทั้งสองกำลังหวาดกลัวกันและกันเป็นอย่างมาก เพียงแต่ตอนที่กำลังระวังฝ่ายตรงข้าม ก็คอยคุมสถานการณ์ให้ฉางซิงอวี่และน้องดาบด้วยเช่นกัน
คาดว่าชายชราสองคนจะต้องเป็น NPC ปรมาจารย์ดาบโลหิตกับฮวาเถี่ยกั้นที่อยู่ในเนื้อเรื่องอย่างไม่ต้องสงสัย
พอเยี่ยเว่ยหมิงปรากฏตัว ก็ดึงดูดสายตาของทั้งสี่คนมาบนตัวเขาทันที
คนที่รู้ตัวคนแรกคือฉางซิงอวี่ หลังจากเห็นเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว บนใบหน้าของเขาก็เผยความดีใจอย่างบ้าคลั่ง พร้อมตะโกนเสียงดังว่า “สหายเยี่ย ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว รีบมาช่วยข้ากำจัดนางปีศาจน้อยของสำนักดาบโลหิตนี่หน่อย ข้าคนเดียวอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง!…
…หึ ใช้ได้เลยนะนางปีศาจน้อย ไม่น่าเชื่อว่าจะฉวยโอกาสจู่โจมตอนที่ข้ากับสหายเยี่ยทักทายกัน…น่ารังเกียจ!”
ที่แท้ตอนที่ฉางซิงอวี่กับเยี่ยเว่ยหมิงคุยกัน น้องดาบกลับฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายเสียสมาธิบุกโจมตีอย่างดุดัน ฉางซิงอวี่ไม่ทันระวังจึงเสียโอกาสเป็นฝ่ายรุกโจมตี หลังจากดันทุรังต้านไว้หลายกระบวนท่า สุดท้ายน้องดาบก็ยังอาศัยความได้เปรียบก้าวขึ้นมาข้างหน้า ปาดบนแขนซ้ายของเขาหนึ่งดาบ ทั้งยังอาศัยค่าสเตตัส ‘เจตจำนงแห่งดาบ’ สร้างผลเส้นเอ็นขาดสำเร็จ
ส่วนฉางซิงอวี่เป็นนักทวน ทุกกระบวนท่าต้องอาศัยความสมดุลของหยินหยางระว่างสองมือ ต้องออกแรงพร้อมกันถึงจะแสดงประสิทธิภาพอย่างที่ควรจะมีออกมาได้
ตอนนี้แขนข้างหนึ่งติดสถานะเส้นเอ็นขาดแล้ว จึงไม่อาจใช้ทุกกระบวนท่าของวิชาทวนได้อีกต่อไป
สหายฉางอยู่ในอันตราย!
เมื่อเห็นฉากนี้ ชายชราหนวดสั้นที่ยืนอยู่ฝั่งฉางซิงอวี่ก็ยื่นมือคว้าด้ามทวนคู่ที่เสียบไว้ข้างหลังออกมาทันที
ส่วนพระทิเบตที่อยู่อีกฝั่งก็ชักดาบออกจากปลอกเช่นเดียวกัน การกระทำนี้ส่งผลให้ชายชราหนวดสั้นหยุดชะงักทันที จากเดิมทีที่เตรียมจะช่วยฉางซิงอวี่ แต่ตอนนี้ไม่กล้าบุ่มบ่ามแล้ว
อาศัยแค่การกระทำง่ายๆ เช่นนี้อย่างเดียวก็มองออกแล้วว่าตอนนี้ฮวาเถี่ยกั้นขี้ขลาดตาขาวเพราะปรมาจารย์ดาบโลหิตแน่นอน ท่าทางดูเหมือนไม่กลัว แต่ความจริงแล้วไม่กล้าสู้กับอีกฝ่ายเลย
เพียงแต่ทักษะการแสดงของฉางซิงอวี่และน้องดาบมันช่าง…
เยี่ยเว่ยหมิงข่มใจไม่ให้แขวะเพื่อน เขาถลันตัวออกมา พุ่งเข้าไปในสนามรบแล้ว ตอนที่น้องดาบกำลังจะฟันฉางซิงอวี่ มือซ้ายของเขาก็ดีดหนึ่งที ‘ลูกดีดเหล็ก’ ลูกหนึ่งดีดออกมาพร้อมเสียงเสียดสีอากาศ ดีดตรงไปยังขมับซ้ายของน้องดาบ!
กลยุทธ์ล้อมเว่ยช่วยจ้าว![1]
น้องดาบรู้ว่าการโจมตีของเยี่ยเว่ยหมิงร้ายกาจ จึงเลิกล้มความคิดที่จะรีบสู้รีบจบด้วยความจนใจ นางหมุนคมดาบไปรับกับลูกดีดเหล็กที่ยิงมาจากวิชา ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ของเยี่ยเว่ยหมิง
แกร๊ง!
ภายใต้การโจมตีนี้ แม้ลูกดีดเหล็กจะถูกฟันขาดเป็นสองส่วน แต่น้องดาบก็ถอยหลังไปครึ่งก้าวเพราะแรงสะเทือนอันน่ากลัวที่มาพร้อมกัน การโจมตีที่เดิมทีต่อเนื่อง ตอนนี้หยุดชะงักกลางคัน ฉางซิงอวี่ได้โอกาสถอยออกไปไกลสามจั้ง
เมื่อหยุดยั้งไม่ให้น้องดาบโจมตีสังหารฉางซิงอวี่ได้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงกลับพุ่งมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ขวางฉางซิงอวี่ไว้ แม้จะกำลังสบตากับน้องดาบ แต่ปากกลับพูดกับฉางซิงอวี่ว่า “สหายฉาง เจ้าไม่เป็นไรนะ”
“ไม่ต้องห่วง แค่นี้ไม่ตาย!” หลังจากฉางซิงอวี่ตอบอย่างมั่นใจมาก ก็กดเสียงต่ำบ่นทันทีว่า “ทำไมเจ้าเพิ่งมา เพื่อที่จะรอเจ้า ข้ากับน้องดาบสู้กันมาต่อเนื่องสามวันแล้ว…ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
…หากเจ้ายังไม่โผล่มาอีก พลังต่อสู้ของ NPC ทั้งสองก็จะฟื้นกลับมาสู่จุดสูงสุดแบบสู้ชนะไม่ได้โดยสิ้นเชิงแล้ว!…
…ข้าเพิ่งฟื้นตัว พอได้รับข้อความที่น้องดาบทิ้งไว้ก็รีบมาทันทีไม่ใช่หรอกหรือ” เยี่ยเว่ยหมิงตอบด้วยเสียงต่ำเบา “ข้ากลับคาดไม่ถึงว่าเจ้าจะถ่อมาทำภารกิจถึงหุบเขาหิมะเหมือนกัน ไม่น่าเชื่อว่าจะให้ความร่วมมือแสดงละครกับน้องดาบด้วย”
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน น้องดาบกลับถือดาบขวางตรงหน้าอก คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย ทำท่าเหมือนระแวดระวังมาก
ตรงจุดที่ไม่ไกลก็คือปรมาจารย์ดาบโลหิตที่มาคุมสถานการณ์ให้น้องดาบ พอสังเกตเห็นว่าน้องดาบค่อนข้างหวาดกลัวเยี่ยเว่ยหมิงก็เอ่ยปากก่อนว่า “หนึ่งดาบ บุรุษย่อมถอยได้เมื่อตกอยู่ในฝ่ายเสียเปรียบ วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกเราไปกันเถอะ ”
พอพูดจบก็ใช้ท่าร่างถอยออกไปไกล ส่วนน้องดาบก็ขยิบตาให้เยี่ยเว่ยหมิง จากนั้นก็หันตัวเดินตามไป
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นสถานการณ์แล้วพูดกับฉางซิงอวี่ทันทีว่า “สหายฉาง เจ้ากลับไปรักษาบาดแผลตรงที่พักก่อน ข้าจะไปจัดการนางปีศาจน้อยแล้วค่อยกลับมาหาเจ้า”
พอพูดประโยคนี้จบ เขาก็ใช้ท่าร่างไล่ตามไปยังทิศทางที่น้องดาบหนีไป
“นางปีศาจน้อย จะหนีไปไหน เก่งนักก็อยู่ต่อสิ มาสู้กับข้าสักสามร้อยยก!”
ในเมื่อพวกเจ้าสองคนชอบแสดงละคร เช่นนั้นพี่ก็จะร่วมแสดงกับพวกเจ้า
ชีวิตเปรียบเสมือนละคร ข้าอยากจะเห็นนักว่าปีนี้รางวัลออสการ์จะตกอยู่ที่ใคร
เยี่ยเว่ยหมิงภายนอกกำลังไล่ตามอย่างรวดเร็ว แต่ความจริงกลับกำลังควบคุมความเร็วของตัวเองอยู่ ไม่ได้ตามไปสู้ตายกับน้องดาบในทันที แต่ผ่อนความเร็วให้อยู่ข้างหลังทั้งสองอย่างช้าๆ
หลังจากตามไปได้ระยะหนึ่ง ระยะห่างระวังทั้งสองฝ่ายก็หดเหลือประมาณสามจั้งแล้ว
“หึ! มือปราบหน้าเหม็น เจ้าอย่าบีบคั้นกันเกินไปนัก ข้าไม่กลัวเจ้าหรอกนะ”
พอน้องดาบรู้ตัวว่าเยี่ยเว่ยหมิงตามทัน ก็แสร้งทำเป็นถูกบีบคั้นจนร้อนรน ตวาดเสียงแหลมพร้อมควงดาบ ดาบจันทราหิมะเงินวาดเป็นเส้นโค้งอันสมบูรณ์แบบกลางอากาศ ปาดไปทางลำคอของเยี่ยเว่ยหมิง
แสงตะวันรอน!
เยี่ยเว่ยหมิงกลับหมุนกระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงในมือหนึ่งที ฟันจากข้างนอกเข้ามาข้างใน ใช้ท่า ‘จิบสุรา’ ใน ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ กดคมดาบของน้องดาบที่ฟันเข้ามาได้อย่างเหมาะเจาะ พร้อมกดเสียงต่ำถามว่า “จะว่าไปแล้ว ทำไมเจ้าถึงร่วมมือกับข้ากำจัดปรมาจารย์ดาบโลหิตทิ้ง เขาเป็นอาจารย์ของเจ้าไม่ใช่หรือ”
“ก็เพราะอาจารย์ท่านนี้ หากสังหารแล้วไม่ต้องแบกรับความกดดันทางจิตใจอย่างไรเล่า ข้าถึงได้เลือกเข้าสำนักดาบโลหิต” หลังจากตอบอย่างรวดเร็ว น้องดาบก็พลันออกแรงที่แขนสองข้าง ดันกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงออกไป “ไปตายซะ”
หลังจากดาบและกระบี่แยกออกจากกัน ทั้งสองก็ต่างคนต่างใช้ท่าไม้ตายสู้กันอีกครั้ง ระหว่างที่สู้กัน เยี่ยเว่ยหมิงก็อดขมวดคิ้วซักถามไม่ได้ว่า “เจ้าไม่ถูกลงโทษที่ทรยศสำนักหรือ”
แกร๊ง! แกร๊ง! แกร๊ง!
ระหว่างที่ดาบและกระบี่ชนกัน ทั้งสองก็แก้ท่าไม้ตายของอีกฝ่ายได้อีกหลายครั้ง น้องดาบกดเสียงต่ำตอบว่า “เพราะกฎของสำนักดาบโลหิตก็คือใครแข็งแกร่งกว่าคนนั้นมีอำนาจ ขอเพียงลูกศิษย์ในสำนักสู้ชนะอาจารย์ได้ เช่นนั้นเขาก็จะกลายเป็นเจ้าสำนักคนใหม่ของสำนักดาบโลหิต…
…แต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือ เจ้าสำนักดาบโลหิตแก้กฎในวิหารใหญ่ของสำนักได้ตามอำเภอใจ”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วเข้าใจทันที “เจ้าก็เลยเตรียมจะใช้ประโยชน์จากเนื้อเรื่องช่วงหุบเขาหิมะ ฉวยโอกาสทรยศตอนที่เขาถูกขังอยู่ในแผนที่พิเศษ แบบนี้เจ้าก็ไม่ต้องเสี่ยงว่าเขาจะหนีออกไปแล้วไล่เจ้าออกจากสำนักแล้ว?”
แกร๊ง! แกร๊ง! แกร๊ง!
“ใช่แล้ว!” น้องดาบขยิบตาตอบ “ตราบใดที่ปรมาจารย์ดาบโลหิตกลับไปแก้กฎที่สำนักดาบโลหิตไม่ได้ก่อนที่จะถูกข้าสังหาร เช่นนั้นการที่ข้าสังหารเขาก็สอดคล้องกับการท้าสู้ข้ามเลเวลที่เป็นกฎของสำนักพอดี หลังจากข้ากลายเป็นเจ้าสำนักแล้ว กฎสำนักทุกอย่างก็จะอยู่ในการตัดสินใจของข้าหมดแล้วไม่ใช่หรอกหรือ…
…นี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมก่อนหน้านี้ข้าไม่อาจลงมือสังหารคนอื่นๆ ของสำนักดาบโลหิตได้ ก็เพราะกลัวจะไปกระตุ้นให้ตาแก่หนังเหนียวนั่นให้เปลี่ยนกฎสำนักล่วงหน้าน่ะสิ”
แกร๊ง! แกร๊ง! แกร๊ง!
“ช่างแยบยล!” คารวะเป็นอาจารย์ก่อน แล้วค่อยสังหารอาจารย์ทีหลัง หลังจากดรอปวิทยายุทธ์ทั้งหมดแล้วก็ค่อยมาเป็นเจ้าสำนัก ความคิดแยบยลอัศจรรย์ระดับนี้ แม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังอดกดไลก์ให้ไม่ได้ “เช่นนั้นทำไมพวกเจ้ายังไม่ลงมืออีก”
คำว่า ‘พวกเจ้า’ ที่เยี่ยหมิงเอ่ยถึง ย่อมหมายถึงนางกับฉางซิงอวี่อยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ทั้งสองรวมหัวกันแสดงละคร เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกเดียวกัน
เช่นนั้นปัญหาก็เกิดแล้ว อิงตามคำบรรยายของเนื้อเรื่อง ปรมาจารย์ดาบโลหิตแม้จะเก่งกว่าฮวาเถี่ยกั้นแต่ความสามารถก็มีจำกัด พวกเขาสองคนร่วมแรงกัน หากร่วมมือกับฮวาเถี่ยกั้น การสังหารปรมาจารย์ดาบโลหิตน่าจะไม่ใช่เรื่องยากมากกระมัง?
น้องดาบได้ยินแล้วยิ้มเจื่อน “ฮวาเถี่ยกั้นนั่นเชื่อถือไม่ได้น่ะสิ!…
ถ้ามีเพียงพวกเราสองคน ตอนนี้จะสู้ชนะปรมาจารย์ดาบโลหิตได้อย่างไร ต้องรู้ไว้นะว่าค่าสเตตัสของเขาคือ BOSS ใหญ่เลเวลร้อยสามสิบ หลังจากได้รับบาดเจ็บสาหัส เลเวลตกอยู่ที่หนึ่งร้อยสิบห้า ไม่ใช่คนที่พวกเราปะทะด้วยซึ่งๆ หน้าได้ ไม่อย่างนั้นข้ายังจะรอถึงตอนนี้ไปทำไม…艾琳小說
…แต่เจ้าก็ออกมาช้าเกินไป! เพื่อรักษาความสมดุลอันน้อยนิดนี้ ข้ากับฉางซิงอวี่นัดสู้กันทุกวัน วันนี้นับเป็นวันที่สามแล้ว…
…ใช้เวลาสามวันนี้ กำลังภายในกับพลังต่อสู้ของ NPC สองคนนั้นฟื้นตัวกลับมาพอสมควรแล้ว”
ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ! เสียงต่อสู้ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้เป็นเสียงหมัดเท้าชนกัน
“นั่นเพราะพวกเจ้ายังไม่เจ้าเล่ห์…ไม่เข้าใจว่าจะหลอกใช้ประโยชน์ที่เหลือของยอดฝีมืออย่างฮวาเถี่ยกั้นอย่างไรน่ะสิ” เยี่ยเว่ยหมิงกลอกตา เกิดแผนการในใจแล้ว “ฟังข้านะ พวกเราทำอย่างนี้ได้ บลาๆๆ…”
ทั้งสองคุยกันไปพลางสู้กันไปพลาง แต่กระบวนท่าก็หวาดเสียวเช่นกัน
อย่างไรเสีย ปรมาจารย์ดาบโลหิตนอกจากจะไม่ใช่คนโง่แล้ว ยังเป็นหัวละครโหดที่เจ้าเล่ห์สุดๆ ด้วย ถ้าแกล้งสู้กันปลอมๆ เกินไป เขาจะไม่เห็นพิรุธอะไรเชียวหรือ
แต่ยังดีที่เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบเป็นยอดฝีมือในหมู่ผู้เล่นปัจจุบันกันทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างคุ้นเคยกันที่สุด เข้าใจชัดเจนว่าขีดจำกัดด้านศักยภาพของอีกฝ่ายอยู่ตรงไหน ตราบใดที่ไม่ใช้ท่าไม้ตายที่เป็นภัยคุกคามต่ออีกฝ่ายจริงๆ ต่อให้โจมตีจริงก็ไม่ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บอยู่ดี
ก่อนหน้านี้ที่ฉางซิงอวี่ได้รับบาดเจ็บ ก็เป็นเพียงละครฉากหนึ่งที่พวกเขาร่วมมือกันเท่านั้น
พอฟังเยี่ยเว่ยหมิงอธิบายแผนการจบ น้องดาบก็เริ่มมองเขาด้วยสายตาหยอกล้อ “สมกับเป็นเจ้าจริงๆ แม้แต่แผนการพรรค์นี้ก็คิดออกมาได้…
…ระวังหน่อยแล้วกัน ปรมาจารย์ดาบโลหิตตามหลังเจ้ามาแล้ว ท่าทางเตรียมลอบโจมตีเจ้าด้วย…
…จะว่าไป พวกเราจะฉวยโอกาสโจมตีกลับสักยกดีไหม”
[1] กลยุทธ์ล้อมเว่ยช่วยจ้าว 围魏救赵 หมายถึงกลยุทธ์ที่ดึงกำลังพลให้กระจัดกระจาย ทำให้ศัตรูห่วงหน้าพะวงหลัง