ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 640 ข้อความประหลาด
ตอนที่ 640 ข้อความประหลาด
นี่ก็คือความมั่นใจของผู้คงแก่เรียน!
หากเปลี่ยนเป็นยอดฝีมือคนอื่นที่อยู่ตรงนี้ ก็ไม่มีใครกล้าโอ้อวดเหมือนเขาแน่นอน
หากเป็นยอดฝีมือบู๊ลิ้มทั่วไป เมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ จะต้องเลือกวิชาที่ถนัดมาสักวิชาสองวิชา จากนั้นก็บอกเยี่ยเว่ยหมิงว่าเจ้าได้โชคใหญ่แล้ว ข้ากำลังจะสอนวิชาที่ยอดเยี่ยมให้เจ้า บลาๆๆ
แต่พอเป็นหวงเย่าซือ ก็ถามโดยตรงเลยว่าเจ้าอยากเรียนอะไร ข้าสอนให้เจ้าได้ทั้งนั้น!
ทำให้การอวดเก่งดูสูงขึ้นหลายระดับทันที!
ว่ากันตามตรง เยี่ยเว่ยหมิงค่อนข้างสนใจของที่อยู่บนตัวหวงเย่าซือจริงๆ
ยกตัวอย่างเช่นตำราอาหาร สูตรยา วิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย เขาสนใจทุกอย่างมาก
แต่หากเทียบกับสิ่งเหล่านี้ เขาก็ยังรู้สึกว่าการรักษา ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ของตัวเองไว้ก่อนเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า เขาจึงกุมหมัดคารวะหวงเย่าซือ แล้วบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงของตัวเองออกมาตรงๆ “ข้าหวังว่าประมุขเกาะหวงจะปล่อยเฒ่าทารกโจวปั๋วทงไป”
“ปล่อยโจวปั๋วทง?”
หวงเย่าซือได้ยินแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนหันไปมองอี้เติงที่มีสีหน้าเมตตาอ่อนโยน ในใจลึกๆ ก็เข้าใจทันที “ในเมื่อเป็นเจตนาของอี้เติงไต้ซือ เช่นนั้นข้าทำตามที่เจ้าบอกก็สิ้นเรื่องแล้ว”
[ติ๊ง! คุณทำภารกิจระดับเจ็ดดาว ‘ประลองยุทธ์เลือกคู่’ สำเร็จ ได้รับสิทธิ์ในการครอบครอง ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ถาวร!]
ในที่สุด ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ของข้าก็ได้รับการเติมเงินเร็จ เปลี่ยนจากทดลองใช้เจ็ดวันเป็นแบบถาวร เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกพอใจมาก
สมบูรณ์แบบ!
ตอนนี้เอง หวงเย่าซือกลับหันไปมองสะพานสวรรค์น้อย “แม่นางน้อย ในฐานะรองชนะเลิศของการประลองครั้งนี้ ระหว่าง ‘กระบี่เทพบุปผาโรย’ กับ ‘ฝ่ามือตัดอากาศ’ เจ้าเลือกมาอย่างหนึ่ง ข้าจะชี้แนะทักษะยุทธ์ที่เจ้ามีตอนนี้ให้ เจ้าจะเลือกวิชาไหน”
“เอ่อ คือ…” สะพานสวรรค์น้อยลังเลนิดหน่อย จากนั้นบอกว่า “ที่จริงผู้อาวุโสโจวปั๋วทงอยู่ในถ้ำของค่ายกลดอกท้อมาสิบห้าปีแล้ว เขาเบื่อตั้งนานแล้ว ข้าอยากให้เขาออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ดังนั้น ข้าหวังว่าท่านจะปล่อยเขา”
หวงเย่าซือได้ยินแล้วหลุดขำ “โจวปั๋วทงมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ข้าจะปล่อยเขาสองครั้งได้เชียวหรือ เจ้าเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเถอะ”
เมื่อสิ้นเสียงของหวงเย่าซือ เห็นได้ชัดว่าสะพานสวรรค์น้อยอึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็จับภาพแจ้งเตือนจากระบบส่งในช่องแชททีมทันที [ ติ๊ง! คุณทำภารกิจระดับเจ็ดดาว ‘ประลองยุทธ์เลือกคู่’ สำเร็จ ได้รับสิทธิ์ครอบครอง ‘วิชาต่อสู้ซ้ายขวา’ ถาวร นอกจากนี้ เนื่องจากโจวปั๋วทงได้รับอิสระแล้ว คุณจึงเลือกเงื่อนไขอย่างอื่นมาเป็นรางวัลภารกิจได้]
หรือพูดได้อีกอย่างว่า รางวัลของรองชนะเลิศอย่างสะพานสวรรค์น้อย ไม่น่าเชื่อว่าจะดีกว่าผู้ชนะเลิศอย่างเยี่ยเว่ยหมิงนิดหน่อย นอกจาก ‘วิชาต่อสู้ซ้ายขวา’ แล้ว ยังเลือกรางวัลอย่างอื่นได้ด้วยงั้นหรือ
เพียงเพราะว่าเยี่ยเว่ยหมิงใช้รางวัลของตัวเองเพื่อทำภารกิจที่นางได้รับเหมือนกันแทนนางให้สำเร็จ?
จะไปเรียกร้องความยุติธรรมนี้จากไหน!
สำหรับเรื่องที่ถูกคนเอาเปรียบเช่นนี้ เยี่ยเว่ยหมิงตอบกลับนางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เสริมด้วยคำว่า “ยินดีด้วย!”
“อย่าเพิ่งรีบยินดีสิ” สะพานสวรรค์น้อยรีบซักไซ้ “พี่ใหญ่เยี่ย ช่วยข้าตัดสินใจหน่อย ข้าควรจะเลือกอย่างไรดี”
เยี่ยเว่ยหมิงลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นวิเคราะห์ว่า “โครงสร้างทักษะยุทธ์ของเจ้าตอนนี้นับว่าประสบความสำเร็จโดยสมบูรณ์แล้ว ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ‘เคล็ดกระบี่ดรุณีหยก’ ‘วิชาห่านทอง’ ‘คัมภีร์ดรุณีหยก’ ‘วิชาต่อสู้ซ้ายขวา’ ก่อเป็นโครงสร้างของตัวเองแล้ว เจ้ามี ‘เคล็ดกระบี่ดรุณีหยกใจพิสุทธิ์’ ค่อยหลอมรวมวิชาพวกนั้นให้กลายเป็นหนึ่งเดียว ส่วนประสิทธิภาพของมัน เมื่อครู่นี้เจ้าก็สัมผัสเองกับตัวแล้ว…
…ตัวเจ้าในตอนนี้ นอกเสียจากจะเจอวิชากำลังภายในระดับสูงขึ้นไป หรือกระทั่งสุดยอดวิชา ไม่เช่นนั้นการเรียนมากเกินไปก็อาจไม่ใช่เรื่องดี ในเมื่อเลือกเองได้แล้ว ข้าแนะนำว่าเจ้าควรเลือกวิชาที่ต้องการใช้ค่าประสบการณ์เยอะที่สุด แล้วให้เขาชี้แนะเพื่อเพิ่มเลเวล”
สะพานสวรรค์น้อยได้ยินแล้วพยักหน้าทันที “ได้เลย ขอบคุณมากพี่ใหญ่เยี่ย”
เมื่อพูดจบ ก็หันไปมองหวงเย่าซือ “ประมุขเกาะหวง ข้าคิดดีแล้ว ในเมื่อข้าเลือกรางวัลพิเศษได้เช่นนั้นก็หวังว่าประมุขเกาะหวงช่วยชี้แนะ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ให้ข้าสักหน่อย”
เมื่อได้ยินสะพานสวรรค์น้อยเลือกแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ชูนิ้วหัวแม่มือให้นางในช่องทีมทันที
เมื่อครู่นี้เฒ่าทารกก็บอกไว้แล้วว่าตอนนี้ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ของสะพานสวรรค์น้อยอยู่ที่เลเวลเก้า ถ้าทำให้หวงเย่าซือชี้แนะถึงเลเวลสิบได้ เช่นนั้นก็ประหยัดค่าประสบการณ์ได้ห้าล้านแต้มเต็มๆ!
ไม่ปรานีจริงๆ!
เมื่อได้ยินคำขอของสะพานสวรรค์น้อย หวงเย่าซือกลับหน้าบึ้งทันที “หากข้าเข้าใจ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ถึงระดับนั้นได้ ในงานวิจารณ์ที่หัวซานครั้งแรก คงไม่ถูกหวังฉงหยางชิงอันดับหนึ่งในใต้หล้าและ ‘คัมภีร์เก้าอิม’ ไป เจ้าปลี่ยนเถอะ!”
สะพานสวรรค์น้อยได้ยินแล้วแลบลิ้นอย่างทะเล้น “หากไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็หวังว่าประมุขเกาะจะชี้แนะ ‘วิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย’ ให้ข้าสักหน่อย”
“แบบนี้ย่อมได้” ระหว่างที่พูด หวงเย่าซือก็หยิบตำราลับออกมาเล่มหนึ่ง โยนให้สะพานสวรรค์น้อยพร้อมบอกว่า “นี่คือสิ่งที่ข้าเข้าใจเกี่ยวกับ ‘วิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย’ เจ้านำไปเรียนรู้เอาเองแล้วกัน”
ขณะที่พูด เขาก็มองไปยังเยี่ยเว่ยหมิงที่มีท่าทางอ่อนแอปราดหนึ่ง “เจ้าเด็กแสบนี่ ตอนสู้กับพี่เฟิงก่อนหน้านี้ฝืนใช้วิชาต้องห้าม ตอนนี้ถูกวิชาย้อนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส เจ้ารีบพยุงเขาเข้าห้องไปพักเถิด”
พอสะพานสวรรค์น้อยได้ยินว่าเยี่ยเว่ยหมิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็ไม่สนใจแล้วว่าจะขยายมูลค่าของรางวัลให้สูงสุดได้หรือไม่ ประคองเยี่ยเว่ยหมิงเดินไปทางเขตที่พักทันที
กระทั่งทั้งสองเดินไปไกลแล้ว หวงเย่าซือถึงได้โล่งอกเสียที
ในที่สุดก็ไล่บรรบุรุษทั้งสองออกไปได้แล้ว!
ตราบใดที่เยี่ยเว่ยหมิงไม่เล่นตุกติกอะไรอีก เช่นนั้นต่อไปทุกอย่างก็จะแสดงตามบทที่เขาเขียนไว้ได้แล้ว
ทว่าเขากลับไม่รู้ว่าตอนนี้ร่างกายของโอวหยางเฟิงบาดเจ็บหนักขนาดไหน!
แม้กระทั่งเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่สังเกตเห็นว่ากระบี่เล่มสุดท้ายที่ใช้ ‘มารสวรรค์ทลาย’ โจมตี โอวหยางเฟิงที่วิชาพังทลายแล้วหลบไม่พ้น…
……
ผลจากการถูก ‘มารสวรรค์ทลาย’ ย้อนทำร้ายรุนแรงมาก ไม่ใช่สิ่งที่ ‘หยกแหลกลาญทะลวงเขาคุนหลุน’ เทียบติด ต่อให้มีผลการฟื้นฟูพลังชีวิตสองชั้นจาก ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ กับ ‘กระบี่รอยมังกร’ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้
พอกลับมาถึงห้อง เยี่ยเว่ยหมิงก็เข้าสู่สภาวะเก็บตัวทันที ปิดการรับข้อความส่วนตัวทั้งหมด
ถึงขั้นว่าแม้แต่สะพานสวรรค์น้อย เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังให้นางไปเล่นที่อื่นเช่นกัน
จากนั้นก็เก็บตัวอยู่ในห้อง ใช้สมาธิอยู่กับการโคจรวิชาเยียวยาอาการบาดเจ็บของตนเอง
การโคจรวิชาครั้งนี้ ใช้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ
ตอนที่อาการบาดเจ็บภายในจาก ‘มารสวรรค์ทลาย’ ดีขึ้นแล้ว ก็ใช้เวลาไปทั้งสิ้นสองวันครึ่ง
หลังจากเปิดใช้งานฟังก์ชันข้อความส่วนตัว จดหมายสองฉบับก็ปรากฏอยู่ในสายตาทันที
เยี่ยเว่ยหมิงนึกว่าสะพานสวรรค์น้อยส่งคำปลอบใจหรือส่งข้อความอะไรมา ทว่าเมื่อเปิดอ่านข้อความ กลับพบว่าผู้ที่ส่งจดหมายมาคือ NPC ที่เขาคาดไม่ถึงคนหนึ่ง
ส่วนแรกเป็นภาพที่วาดด้วยพู่กันจุ่มน้ำหมึกสีดำอย่างง่ายๆ
ความจริงแล้ว ที่บอกว่าเป็นภาพที่วาดด้วยพู่กัน ก็นับว่าให้เกียรติระดับฝีมือการวาดภาพแล้ว หากจะให้วิจารณ์อย่างเป็นกลาง นี่ก็คือภาพที่ระบายออกมาลวกๆ จากคนที่ใช้พู่กันไม่เป็น
ในภาพเป็นช่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ในช่องสี่เหลี่ยมวาดภาพไว้อย่างสะเปะสะปะ มองออกคร่าวๆ ว่าเป็นดาบเจ็ดเล่ม กำลังฟัน…ไข่ที่มีปีกฟองหนึ่ง?
ซึ่งด้านบนของไข่บินวาดดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ไว้อย่างละดวง
ลงนามด้วยภาพตำลึงทองอย่างง่ายๆ ภาพหนึ่ง
สิ่งที่หาพบได้ยากก็คือรอบตำลึงทองวาดเส้นเล็กๆ เอาไว้ กำลังสื่อว่ามันเปล่งแสงได้?
หลังจากเก็บจดหมายปริศนานี้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็เปลี่ยนมากดเปิดข้อความส่วนตัวอีก พบภาพวาดจากหมึกดำโดยพู่กันของคนคนเดียวกัน
ในภาพดูเหมือนบ้านขนาดใหญ่หลังหนึ่ง แต่ก็ดูเหมือนวัดด้วยเช่นกัน
ตามหลักแล้ว สถานที่สองแห่งนี้มีความแตกต่างกันมาก
แต่เนื่องจากวาดภาพไว้หยาบเกินไป ทำให้คนแยกไม่ออกเลยว่าอะไรเป็นอะไร
ส่วนการลงนาม ก็เป็นตำลึงทองเปล่งแสงเหมือนเดิม!
มารดาเจ้าเถอะ ช่างมีฝีมือเกินไปแล้ว!
เยี่ยเว่ยหมิงกดปิดแถบรายชื่อเพื่อน จากนั้นผลักประตูออกมา เห็นเงาร่างอันงดงามของสะพานสวรรค์น้อยกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ไม่ไกล กำลังจ้องมาที่เขาอย่างเบื่อหน่าย
หลังจากพบว่าเยี่ยเว่ยหมิงออกมาแล้ว สะพานสวรรค์น้อยที่เดิมทีง่วงนอนก็กระปรี้กระเปร่าทันที จากนั้นก็ดีดตัวขึ้นมาจากพื้น แล้วใช้ท่าร่างถลันวูบมาตรงหน้าเยี่ยเว่ยหมิง
“พี่ใหญ่เยี่ย ในที่สุดเจ้าก็ออกมาแล้ว!”
เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มเล็กน้อย ก่อนขมวดคิ้วถาม “ข้าให้เจ้าไปเล่นบนเกาะคนเดียวก่อนไม่ใช่หรือ เจ้าไม่ควรมาเฝ้าอยู่ตรงนี้สิ”
“เจ้าบาดเจ็บหนักขนาดนั้น ข้าจะมีกะจิตกะใจไปเที่ยวเล่นได้อย่างไร” สะพานสวรรค์น้อยส่ายหน้าอย่างค่อนข้างจนใจ จากนั้นเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “แต่การที่เจ้าบาดเจ็บครั้งนี้ กลับทำให้พลาดเรื่องดีๆ ไปเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องดีอะไร” เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วงง
สะพานสวรรค์น้อยอธิบาย “ก่อนหน้านี้หวงหรงมาหาข้าสองครั้ง บอกว่าภารกิจตัดกำลังโอวหยางเฟิงนั่น เจ้าทำสำเร็จได้อย่างสมบูรณ์แบบมาก ในการประลองยุทธ์ ‘เลือกคู่’ หลังจากนั้น โอวหยางเฟิงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกกัวจิ้งโจมตีจนทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายกัวจิ้งใช้วิชามวยปล้ำแบบมองโกลโจมตีตกลงจากต้นไม้ เป็นคนแรกที่ถูกตัดออกจากการแข่งขัน”
นางแบมือขณะที่พูด “ดังนั้น เพื่อแสดงความขอบคุณเจ้า หวงหรงจึงมาหาถึงประตูห้องเพื่อแจกรางวัลภารกิจให้เจ้า อีกทั้งหากอิงตามระดับความสำเร็จในการทำภารกิจของเจ้า รางวัลก็อุดมสมบูรณ์มากเช่นกัน มีให้เลือกหนึ่งในสาม…
…เพียงแต่เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าเองก็เลือกแทนเจ้าไม่ได้ด้วย ตอนนี้นางจึงยังมอบรางวัลให้เจ้าไม่ได้…”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วเผยรอยยิ้มเฝ้าคอย “เช่นนั้นยังจะรออะไรอีก ตอนนี้ข้าออกมาแล้วไม่ใช่หรือ ไปหาหวงหรงเพื่อรับรางวัลภารกิจกันเถอะ!”
“สายไปแล้ว!”
สะพานสวรรค์น้อยได้ยินแล้วอธิบายอย่างจนใจ “หลังจากการประลองสามสนามนั้นจบลง เหมือนโจวปั๋วทงจะก่อเรื่องอะไรอีก ทำให้เรื่องแต่งงานของหวงหรงกับกัวจิ้งที่กำหนดไว้แน่นอนแล้วล้มเหลว…
…หลังจากนั้น นอกจากหวงเย่าซือ ชวีหลิงเฟิงกับชวีหลิงเอ๋อร์แล้ว NPC ทุกคนบนเกาะก็ออกไปหมดแล้ว ในจำนวนนั้นรวมทั้งหวงหรงแล้ว…
…แต่หวงหรงก็ไม่ได้คิดจะผิดสัญญา…
…ก่อนไป นางตั้งใจมาที่นี่ครั้งหนึ่ง แต่พอเห็นเจ้ายังไม่ออกมา จึงฝากข้ามาบอกเจ้า ว่ารางวัลภารกิจจะเก็บไว้ที่นางก่อน หากเจอกันครั้งหน้า เจ้าค่อยเลือกรางวัลภารกิจก็ได้”
ฟังจากคำพูดมากมายของสะพานสวรรค์น้อย เยี่ยเว่ยหมิงก็จับข้อมูลสำคัญได้ทันที
หนึ่งวันหนึ่งคืนที่เขาเก็บตัว ไม่น่าเชื่อว่าสะพานสวรรค์น้อยจะเฝ้าอยู่ข้างนอกตลอด ไม่จากไปไหนเลย!
ความจริงข้อนี้ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกอุ่นใจ แต่เขาไม่ได้พูดออกมาตรงๆ เพียงเก็บไว้ในใจเงียบๆ เท่านั้น “ในเมื่อไม่มีธุระอะไรบนเกาะแล้ว พวกเราก็บอกลาหวงเย่าซือแล้วกลับภาคกลางกันเถอะ”
“ประมุขเกาะหวงเหมือนจะไปแล้วเช่นกัน” สะพานสวรรค์น้อยกล่าวอย่างไม่สบายใจนิดหน่อย
“เจ้าพวกนี้…” เยี่ยเว่ยหมิงเหมือนจะพูดไม่ออกนิดหน่อย แต่กลับโบกมือเหมือนไม่ใส่ใจ “ถ้าอย่างนั้น ไปบอกลาพวกชวีหลิงเฟิงก็เหมือนกัน…
…จากนั้นก็ไปกับข้า ข้าจะพาเจ้าไปออกทีวี”