ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 82 ใครเห็นด้วย ใครคัดค้าน
ตอนที่ 82 ใครเห็นด้วย ใครคัดค้าน
เมื่อเอ่ยถึงตำรากระบี่พิชิตมาร เฟยอวี๋ที่นั่งอยู่ข้างกายถังซานไฉ่รู้ว่านี่คือโอกาสดีที่จะกุเรื่องขึ้นมาหลอกลวง ก็เลยชิงพูดก่อนทุกคน “ตามคำบอกเล่าของโหยวโหยว ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ นี้เป็นพยานวัตถุของตระกูลหลิน ต้องการให้โหยวโหยวส่งต่อให้สำนักมือปราบเทพ แต่ระบบกลับไม่ได้แจ้งเตือนว่าเจ้ารับภารกิจที่เกี่ยวข้องใช่ไหม”
โหยวโหยวพยักหน้า
เฟยอวี๋พูดต่อไปว่า “เช่นนั้นตามที่ข้าวิเคราะห์ ที่จริงตอนนี้พวกเรามีสองทางเลือก”
ขณะที่พูด เขาก็ยื่นนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว “หนึ่ง คือส่งมันให้โหยวจิ้น หรือไม่ก็หวงโส่วจุน ทำเช่นนี้ทุกคนก็จะได้ผลประโยชน์แน่นอน แต่ข้อเสียก็คือหากแบ่งรางวัลเฉลี่ยกันหกคนแล้วรางวัลจะน้อยมาก รางวัลที่ตกอยู่ในมือทุกคนในตอนสุดท้าย ไม่มากเท่าตำราลับสุดยอดวิชาหนึ่งเล่มแน่นอน”
จากนั้น เฟยอวี๋ก็ชูสองนิ้ว “ส่วนวิธีการที่สองก็คือ พวกเราไม่ส่งมอบสิ่งของนี้ขึ้นไป แต่ให้ใครสักคนที่อยู่ตรงนี้ใช้เงินซื้อไว้ เงินที่เหลือแบ่งเฉลี่ยให้ทุกคนเท่ากัน ทำเช่นนี้อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่าในบรรดาพวกเราจะมีคนที่ได้เรียนสุดยอดวิชานี้ ส่วนคนอื่นๆ ก็ยังได้ผลประโยชน์เหมือนเดิม”
พูดจบก็ยักไหล่ สายตาไปหยุดอยู่บนตัวซานเย่ว์ “หัวหน้าทีมคิดว่าอย่างไร”
ซานเย่ว์ที่เดิมทีเริ่มรอดูอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นว่าจู่ๆ ความสนใจของทุกคนมารวมอยู่ที่ตัวเอง นางก็รู้สึกอึดอัดไปทั้งตัวทันที รีบหันไปทางเยี่ยเว่ยหมิงเหมือนร้องความช่วยเหลือ แต่กลับเห็นเขาจ้องอ่านเนื้อหา ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ บนโต๊ะอย่างไม่ละสาย เหมือนไม่สนใจประเด็นที่คนอื่นกำลังเจรจากันเลย
“อาหมิง…”
ซานเย่ว์กำลังจะเอ่ยเตือนเขาว่าตอนนี้กำลังประชุมกันอยู่ ไม่ใช่เวลามานั่งเหม่อลอย แต่กลับถูกเยี่ยเว่ยหมิงโบกมือหยุดไว้ ส่วนสายตาของเขาก็ยังจ้องเนื้อหาบนตำราลับเหมือนเดิม
การกระทำที่แปลกพิลึกของเยี่ยเว่ยหมิงได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนแล้วเช่นกัน ถึงขั้นว่ามีคนเริ่มมองบนตำราลับด้วยสายตาฉงยสนเท่ห์แล้วด้วย และในตอนนี้เอง ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็อ่านตัวอักษรตัวสุดท้ายบนตำราลับหมดแล้ว เสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นตรงเวลา
[ติ๊ง! คุณอ่านศึกษา ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ อย่างละเอียด เรียนรู้เคล็ดกระบี่พิชิตมารสำเร็จแล้ว และได้รับค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่พิชิตมาร 5000 แต้ม
แต่ ‘เคล็ดกระบี่พิชิตมาร’ จะสามารถฝึกได้หลังจากเฉือนความเป็นชายทิ้ง คุณจะเฉือนความเป็นชายทิ้งหรือไม่]
[ใช่/ปฏิเสธ]
[ปฏิเสธ!]
เยี่ยเว่ยหมิงปฏิเสธอย่างรวดเร็วฉับไว ไม่ชักช้าแม้แต่น้อย
การที่ปฏิเสธความยั่วยวนของสุดยอดวิชาเคล็ดกระบี่ได้อย่างใจกว้างขนาดนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าเขาเป็นคนเด็ดเดี่ยวขนาดไหน
แน่นอน หากเขาไม่รู้ข้อมูลจากอินปู้คุยมาก่อนว่า ‘เฉือนความเป็นชายทิ้ง’ หมายความว่าอย่างไร ประโยคนี้ก็จะมีแรงจูงใจมากขึ้นแล้ว
[ติ๊ง! คุณล้มเลิกการเรียน ‘เคล็ดกระบี่พิชิตมาร’ ตำรากระบี่จะถูกเก็บรักษาไว้ หักค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่พิชิตมาร 5000 แต้มที่คุณได้รับก่อนหน้านี้ครึ่งหนึ่ง กลายเป็นค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ 2500 แต้ม กรุณาเลือกว่าจะใช้กับเคล็ดกระบี่รายการไหน]
[เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน!]
เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงตัดสินใจเลือก ค่าประสบการณ์ของเคล็ดกระบี่ฉวนเจินก็เพิมขึ้นเยอะมากทันที กอปรกับก่อนหน้านี้ตอนที่เขากับสะพานสวรรค์น้อยใช้กระบี่คู่ผนึกรวมเอาชนะอวี๋ชางไห่ เคล็ดกระบี่ชุดนี้ก็ได้รับค่าประสบการณ์ไปแล้วไม่น้อย ตอนนี้เมื่อเพิ่มขึ้นอีก ค่าประสบการณ์ของเคล็ดกระบี่จึงกลายเป็น 8312/10000
อยู่ห่างจากการอัปเลเวลเคล็ดกระบี่อีกไม่ไกลแล้ว!
หลังจากได้รับประโยชน์มหาศาลในขณะที่เทพไม่เห็นผีไม่รู้ เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้ค่อยๆ เก็บสายตากลับมาจากจีวรล้ำค่า แล้วยิ้มบางๆ พร้อมกล่าวว่า “ก่อนจะตัดสินใจแผนการแบ่ง ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ ข้ามีคำถามหนึ่งอยากจะถามทุกคนก่อน หากจะฝึกจนได้ผลลัพธ์อัศจรรย์ ต้องโบกดาบเฉือนความเป็นชายทิ้ง รู้หรือเปล่าว่าข้อความ ‘เฉือนความเป็นชายทิ้ง’ บนเงื่อนไขการฝึกหมายความว่าอะไร”
…
ทุกคนได้ยินแล้วส่ายหน้าพร้อมกัน เฟยอวี๋ก็ยิ่งถามเหมือนท้าทายว่า “พูดอย่างนี้ แสดงว่าเจ้ารู้?”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า แล้วกล่าวอย่างสบายๆ “โดนตอน ตัดอวัยวะเพศ”
“อะไรนะ!”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘ตัดอวัยวะเพศ’ ถังซานไฉ่ที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ มองไปยังจีวรล้ำค่าอีกครั้งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ไม่ผิดหรอก” เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า “จากข้อมูลที่ข้ารู้มา เดิมทีเคล็ดกระบี่พิชิตมารก็ถูกเขียนขึ้นโดยขันทีคนหนึ่งของราชวงศ์ก่อนดังนั้นหากผู้ชายต้องการฝึก ก็ต้องเฉือนทิ้ง ส่วนผู้หญิง…”
ขณะที่พูด สายตาของเยี่ยเว่ยหมิงก็กวาดมองสาวงามทั้งสามคน “พวกเจ้าจะลองดูหน่อยไหม”
ผู้หญิงทั้งสามส่ายหน้าพร้อมกัน ถึงขนาดนั้นว่าเอนกายไปข้างหลังเล็กน้อยโดยจิตใต้สำนึก สื่อว่าขอขีดเส้นแบ่งกับเคล็ดกระบี่ไร้คุณธรรมนี้ให้ชัดเจน
“พอกล่าวเช่นนี้ วิธีการจัดการ ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ ก็ไม่จำเป็นต้องหารือกันต่อแล้ว” เมื่อให้โหยวโหยวเก็บจีวรล้ำค่าอีกครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงก็เปิดประเด็นใหม่ที่มีความหมายที่แท้จริงทันที “เรื่องที่ควรค่าแก่การเจรจาในวันนี้จริงๆ ก็คือจะแบ่งไอเทมที่ดรอปจากอวี๋ชางไห่กับสี่ปัญญาชนแห่งชิงเฉิงอย่างไร”
ส่วน ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ นี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นหลุมกับดักใหญ่!
ทุกคนล้วนมาเล่นเกม ไม่ว่าใครก็ไม่อยากสละศักดิ์ศรีด้านไหนทิ้งเพื่อให้ตัวเองเก่งขึ้นเมื่ออยู่ในเกม
ต่อให้เป็นแค่ศักดิ์ศรีเมื่ออยู่ในเกมก็ตาม!
ดังนั้น หลังจากรู้ถึงความเป็นพิษเป็นภัยของเคล็ดกระบี่นี้ ทุกคนก็ล้มเลิกความคิดใดๆ ที่มีต่อมันทันที
ตามคำแนะนำของเยี่ยเว่ยหมิง ทุกคนย้ายความสนใจไปยังไอเทมที่ดรอปได้จากอวี๋ชางไห่และลูกศิษย์ทันที
เนื่องจากการตายของซานเย่ว์ก่อนหน้านี้ ทำให้โหมดแบ่งสรรไอเทมในทีมเปลี่ยนจากแบ่งโดยหัวหน้าทีมกลายเป็นแบ่งสรรตามค่าผลงาน และโหมดแบ่งสรรแบบนี้ก็เหมาะกับการรวมทีมของคนแปลกหน้า ไม่เหมาะกับทีมที่สนิทกันอยู่แล้ว
ยกตัวอย่างเช่นการสังหารอวี๋ชางไห่ครั้งนี้
แม้กำลังหลักจะเป็นกระบี่คู่ผนึกรวมของเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อย แต่หากไม่มีทุกคนดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อช่วยถ่วงเวลาให้พวกเขา ก็เกรงว่ากระบี่คู่ผนึกรวมของพวกเขาคงถูกอวี๋ชางไห่โจมตีพังไปตั้งแต่ช่วงปรับค่าสเตตัสแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาจะได้ใช้โบนัสสเตตัสจากการกินเนื้อหมาป่าเพื่อปรับค่าสเตตัสให้ใกล้เคียงสะพานสวรรค์น้อย จนแสดงประสิทธิภาพสูงสุดของกระบี่คู่ผนึกรวมออกมาได้
อิงตามวิธีการคำนวณของระบบ ของดีที่ดรอปจากอวี๋ชางไห่กลับเข้าไปอยู่ในกระเป๋าเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยทั้งหมดแล้ว หากพวกเขาฮุบของไว้โดยไม่พูดอะไรเลยจริงๆ ก็จะกลายเป็นปัญหาเรื่องความซื่อสัตย์แล้ว
แม้คนอื่นจะไม่พูดอะไร แต่หลังจากนี้ก็ไม่ต้องพูดเรื่องการทำงานร่วมกันอีกแล้ว
เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงเอ่ยถึงปัญหาการแบ่งไอเทม สะพานสวรรค์คริสตัลก็ฮึกเหิมทันที หันกลับมาถามเขาว่า “เจ้าคิดว่าควรจะทำอย่างไรดี”
น้องสะพานสวรรค์น้อยนิสัยดี ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดเพราะต้องนำของที่อยู่ในมือออกมา เพียงแต่คนที่นางถามกลับทำให้เฟยอวี๋รู้สึกไม่พอใจมาก
ที่แท้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ทำตัวเองให้กลายเป็นศูนย์กลางของทีมอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้ตัว ถึงขนาดว่าสะพานสวรรค์น้อยที่เข้าทีมมาด้วยฐานะเพื่อนของซานเย่ว์ก็ยังมองข้ามหัวหน้าทีมหุ่นเชิดอย่างซานเย่ว์ไปแล้ว หันไปถามเยี่ยเว่ยหมิงโดยตรง
นี่ไม่สอดคล้องกับผลลัพธ์ที่เขาคาดคะเนไว้เลย!
ขนาดสะพานสวรรค์น้อยยังเป็นเช่นนี้ ส่วนความคิดของคนอื่นๆ ตรงนี้เป็นอย่างไร ก็ยิ่งไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เฟยอวี๋ก็ยังชิงตอบก่อนเยี่ยเว่ยหมิง เขาลองถามซานเย่ว์ว่า “หัวหน้าทีม เจ้าคิดว่าอย่างไร”
ที่เขาถามอย่างนี้ แน่นอนว่าไม่ได้เฝ้ารอให้ซานเย่ว์เสนอความเห็นอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อเขาอยู่แล้ว แต่เพียงต้องการเตือนทุกคนว่า หัวหน้าทีมที่แท้จริงนั่งอยู่ตรงนี้ต่างหาก พวกเจ้าอย่ามาทำตัวเป็นแขกแย่งบทบาทของเจ้าภาพ อย่างน้อยก็ต้องไว้หน้ากันบ้าง!
ทว่าคำตอบของซานเย่ว์กลับทำให้ศิษย์พี่รองที่หวังจะกู้สถานการณ์รู้สึกผิดหวังอีกครั้ง “ข้าเชื่อฟังอาหมิง”
มารดาเจ้าเถอะ!
เฟยอวี๋จึงเลิกดันทุรังเสียเลย ทำได้เพียงคล้อยตามคนที่เหลือ ย้ายสายตาไปที่ตัวเยี่ยเว่ยหมิง เพียงแต่สายตาของเขาดูคับแค้นใจนิดหน่อย…
คำตอบของเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนผิดหวังเช่นกัน “ข้าแนะนำให้แบ่งเท่าๆ กัน ทุกคนนำสิ่งที่ตัวเองได้ออกมาให้หมด จากนั้นพวกเราก็ประมูลทีละชิ้น รวมทั้งเงินที่ได้มาก็ต้องแบ่งเท่ากันด้วย”
หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง ก็พูดเสริมอีกว่า “ก่อนหน้านี้โหยวโหยวทำเรื่องที่พวกเรามองข้ามให้สำเร็จแล้ว ทำให้ภารกิจนี้สำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ข้าเคยบอกแล้วว่าจะนำ ‘รองเท้าชิงเหลียง’ เป็นรางวัลให้นาง ของนี้ย่อมไม่อยู่ในรายการประมูลขาย”
“ข้าพูดจบแล้ว ใครเห็นด้วย ใครคัดค้าน”