ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) - บทที่ 11 ไล่ออกจากบ้าน ต้อนรับลูกเขยใหม่
เมืองซงไห่หลายวันที่ผ่านมา ค่อนข้างไม่สงบ
ทุกคนต่างรู้ดี บริษัทบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งได้ย้ายมาที่เมืองซงไห่ ประธานยังอายุน้อยอย่างมาก และลึกลับอย่างมาก บริษัทโฆษณานับไม่ถ้วนมาที่หน้าประตู ขอความร่วมมือ
ใต้แบนเนอร์ว่านเซียง มูวีมีหลายโครงการ ไม่เพียงแต่ทำละครและภาพยนตร์เท่านั้น แต่ยังมีรายการวาไรตี้อีกสองรายการด้วย 《ฉันเป็นดาราดัง》และ《สุดยอดชายหญิง》 เพียงแค่สร้างหนังหนึ่งเรื่อง ทรัพยากรต่างๆ ที่จำเป็นมีเยอะอย่างมาก มีผู้ที่ให้ความร่วมมือมากมาย
ความร่วมมือมีเจรจาสำเร็จ และมีเจรจาไม่สำเร็จ แต่บริษัทบางส่วนเพียงแค่มีอำนาจนิดหน่อย ไม่มากก็น้อยล้วนแล้วได้รับความร่วมมือของโครงการบ้างเล็กน้อย
แต่ว่าเถ้าแก่ใหม่คนนี้ลึกลับเกินไปแล้ว ระดับสูงสุดที่ออกมาเจรจาเกี่ยวกับความร่วมมือคือเสิ่นเจียเหวินรองประธานของว่านเซียง มูวี จนถึงตอนนี้ล้วนแล้วไม่มีใครเคยเห็นประธานใหม่คนนี้ กระทั่งคนในบริษัทที่เคยเห็นประธานใหม่คนนี้ล้วนแล้วมีไม่มาก
แต่ว่า พวกเขาเพียงแค่แปลกใจเท่านั้น ประธานใหม่เป็นใครไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา เพียงแค่เจรจาความร่วมมือสำเร็จก็พอแล้ว
เพียงแต่ มีคนมีความสุขบ้างมีคนทุกข์บ้าง!
ช่วงเย็นของวันถัดมา วิลล่าตระกูลเจียง คุณยายจัดประชุมฉุกเฉินอย่างกะทันหัน
คนในครอบครัวเกือบร้อยคน ในเวลานี้รวมตัวอยู่ด้วยกันทั้งหมด
“คุณยาย ว่านเซียง มูวีนี้ ทำเกินไปแล้ว!” เจียงเฉิงเย่ยิ่งคิดยิ่งโมโห โกรธจนใบหน้าแดงก่ำ : “ผมไปเจรจาความร่วมมืออย่างจริงใจ คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะขับไล่ผม! เห็นได้ชัดว่าว่านเซียง มูวีดูถูกตระกูลเจียงของพวกเรา!”
เจียงเฉิงเย่โกรธแน่นอน แม้ว่าจะมีบริษัทโฆษณาจำนวนมากที่เจรจาความร่วมมือไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อยก็ได้เจอหน้าผู้รับผิดชอบ เป็นเพราะอิทธิพลและทรัพยกรทางบริษัทของพวกเขาไม่เพียงพอ หรือทั้งสองฝ่ายไม่พอใจกับการแบ่งผลประโยชน์ เลยทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ
แล้วเขาล่ะ? ยังไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งของตระกูลเจียงออกมาเลย ปรากฏว่าอีกฝ่ายขับไล่ตัวเองออกไปโดยตรง!
สิ้นสุดเสียงของเจียงเฉิงเย่ ลูกหลานของตระกูลเจียงพยักหน้าทีละคน แม้ว่าเจียงเฉิงเย่จะพูดด้วยน้ำเสียงของความโกรธ กลับเป็นความจริง เพราะว่าว่านเซียง มูวีมีอำนาจนี้ คนอื่นเขาดูถูกตระกูลเจียงจริงๆ ตระกูลเจียงทำได้แค่กล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูด!
“พอได้แล้ว” คุณยายเจียงโบกมือ : “ฉันได้ยินมาว่า ประธานคนใหม่ของว่านเซียง มูวี เพิ่งอายุยี่สิบกว่าปี สามารถนั่งตำแหน่งแบบนี้ได้ แน่นอนว่ามีความสามารถ คนอื่นเขายังหนุ่มยังแน่น มีความเย่อหยิ่งเป็นทุน เพียงแต่ ในเมื่อมีบริษัทอื่นสามารถเจรจาความร่วมมือได้สำเร็จ อย่างนั้นบ่งบอกได้ว่าประธานคนนี้ ก็ไม่ใช่ว่าดูถูกบริษัทในซงไห่ของพวกเราทั้งหมด แม้ว่าทัศนคติของพวกเขาจะไม่ดี ยังคงต้องไปหาความร่วมมือกับพวกเขาต่อ”
“การเริ่มต้นของทุกสิ่งนั้นยากลำบาก เพียงแค่สามารถเอามาได้หนึ่งโครงการ นอกจากนี้ร่วมมือกันอย่างมีความสุข ในอนาคตจะต้องมีความร่วมมือมากขึ้นแน่นอน พวกเราไม่สามารถปล่อยโอกาสนี้หลุดไปได้ พวกคุณมีใครยินดีไปไหม?” ระหว่างที่คุณยายเจียงวิเคราะห์ เงยหน้ามองดูคนข้างล่าง
ทุกคนต่างพยักหน้า สิ่งที่คุณยายเจียงพูดนั้นสมเหตุสมผลอย่างมาก แต่ต่างมองหน้ากัน กลับไม่มีใครยินดีไปเจรจาความร่วมมืออีก คนอื่นล้วนแล้วขับไล่เจียงเฉิงเย่แล้ว ยังจะไปขอความร่วมมืออีก ใครจะยินดีไปอีกล่ะ?
เจียงเฉิงเย่เหลือบมองเจียงเยว่ถงที่มีใบหน้าเย็นชา จู่ๆก็เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มของการเยาะเย้ย ลุกขึ้นพูด : “คุณยาย เอาแบบนี้ให้เจียงเยว่ถงไปลองดู? เธอแต่งงานกับสามีที่ไร้ค่าคนหนึ่ง แต่งงานมาสามปี ความอดทนต้องดีอย่างมากแน่นอน”
“เจียงเฉิงเย่ คุณ!” เจียงเยว่ถงเงยหน้าขึ้นทันที เธอรู้ว่าเจียงเฉิงเย่มักจะชอบหาเรื่อง ครั้งที่แล้วฉินเฟยทำให้เขาขุ่นเคือง คนถ่อยคนนี้เป็นคนที่จดจำความแค้นได้ดีจริงๆ!
“ผมทำไม?” เจียงเฉิงเย่เหลือบมองเจียงเยว่ถงหนึ่งที พูดเยาะเย้ย : “คุณก็เป็นคนของตระกูลเจียง บริษัทเครื่องแต่งกายที่คุณจัดการ ช่วงที่ผ่านมาขาดทุนตลอด คิดว่าผมไม่รู้เหรอ? บริษัทกำลังไปได้ไม่ดีก็แล้วไป ให้คุณออกแรงเพื่อตระกูลเจียงยังจะหาข้ออ้างต่างๆนาๆอีก?”
ระหว่างที่พูด เจียงเฉิงเย่วิ่งไปด้านข้างคุณยาย พูดประจบสอพอ : “ผมขอแนะนำให้มอบภารกิจเจรจาความร่วมมือนี้ให้เจียงเยว่ถงจัดการ ไม่ว่าจะพูดยังไงเธอถือได้ว่าเป็นทายาทของตระกูลเจียงของพวกเรา ประการแรกนี่คือการแสดงความเคารพนับถือต่อว่านเซียง มูวี ประการที่สอง ยังสะท้อนถึงความจริงใจและความอุตสาหะของพวกเราอีกด้วย คุณยาย คุณคิดว่ายังไง?”
คุณยายเจียงพยักหน้า ท่ามกลางลูกหลานหลายคนในครอบครัว เธอรักเจียงเฉิงเย่มากที่สุด ตอนนี้ได้ยินการวิเคราะห์ของเขา มองไปทางเจียงเยว่ถงทันที : “ถงถง ภารกิจนี้มอบให้เธอ พรุ่งนี้ไปเจรจาความร่วมมือที่ว่านเซียง มูวีตรงเวลา”
“คุณยาย ฉัน…..” เจียงเยว่ถงอ้าปาก สุดท้ายกัดริมฝีปากและก้มหน้าลง : “รับทราบ”
เมื่อเห็นเจียงเยว่ถงตอบตกลง คุณยายเจียงค่อยพยักหน้าอย่างพอใจ โบกมือ : “เอาล่ะ แยกย้ายกันได้แล้ว”
สิ้นสุดเสียง หลายร้อยคนลุกขึ้นทีละคนและจากไปอย่างรวดเร็ว ภายในใจของแต่ละคนพูดว่าโชคดีอย่างลับๆ โชคดีคนที่ถูกเลือกไม่ใช่พวกเขา
“คนไร้ค่า ใครให้เขาไปทำให้เจียงเฉิงเย่ขุ่นเคือง ตอนนี้ดีแล้วสินะ!” เสิ่นหัวลุกขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชา ที่ปากยังคงอดไม่ได้ที่จะด่า : “คนไร้ค่า เป็นตัวซวยจริงๆเลย”
ช่วงเวลาประชุม เสิ่นหัวไม่พูดตลอด ท้ายที่สุดแล้วเธอเป็นคนว่างงานคนหนึ่ง สำหรับเรื่องของความร่วมมือระหว่างบริษัทเหล่านี้แล้วเธอก็แทรกแซงไม่ได้ ยิ่งกว่านั้น เธอเป็นแค่ลูกสะใภ้ของตระกูลเจียง ล้วนแล้วไม่ใช่คนหลักของตระกูลเจียง
“ที่บริษัทยังมีงาน ฉันขอไปบริษัทก่อน” สำหรับคำด่าของคุณแม่ เจียงเยว่ถงไม่ได้พูดอะไร
จากมุมมองของเธอ เรื่องนี้โทษฉินเฟยไม่ได้ด้วยซ้ำ เป็นเพราะเจียงเฉิงเย่เป็นคนคิดเล็กคิดน้อย
หัวใจหวั่นไหว ยังไงสะก็แค่ถูกคนนอกปฏิเสธ ให้คนเยาะเย้ยไม่กี่ประโยคก็พอแล้ว สามปีที่ผ่านมา คำเยาะเย้ยที่ตัวเองได้รับยังไม่มากพออีกเหรอ?
……
ช่วงเย็นหนึ่งทุ่มกว่า ฉินเฟยไปซื้อผักที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต กลับมาบ้านด้วยความเหนื่อยล้า
แม้ว่าจะเหนื่อยล้า แต่สุขใจอย่างมาก หลายวันมานี้ เป็นหลายวันที่มีความสุขที่สุดและสุขใจที่สุดในสามปีที่ผ่านมา
แต่เมื่อเวลาที่ฉินเฟยเดินออกมาจากลิฟต์ เมื่อเห็นสิ่งของกองหนึ่งที่กองอยู่ตรงหน้าบ้าน ตะลึงทันที!
ประตูบ้าน มีสิ่งของกองอยู่เยอะแยะมากมาย เสื้อผ้า รองเท้า แก้ว กระทั่งมีผ้าเช็ดตัวและแปรงสีฟันของเขา ล้วนแล้วถูกโยนอยู่ที่ประตู!
สีหน้าของฉินเฟยเปลี่ยนอย่างมาก รีบเปิดประตูเข้าไปในบ้าน
ในบ้านมีแม่ยายเสิ่นหัวอยู่คนเดียว ภรรยาเจียงเยว่ถงไม่อยู่บ้าน หรือบางทียังทำงานโอทีอยู่ที่บริษัท
หัวใจของฉินเฟยจมลง สุดท้ายค่อยๆผ่อนคลายลงทีละนิด นี่น่าจะเป็นความคิดของแม่ยายคนเดียว ไม่ใช่ความคิดของเจียงเยว่ถง
แต่เห็นได้ชัดอย่างมาก เสิ่นหัววางแผนที่จะฉีกหน้าอย่างสมบูรณ์ ขับไล่เขาออกจากบ้าน บังคับให้ตัวเองหย่ากับเจียงเยว่ถง!
“หือ ฉินเฟยนายมาได้พอดีเลย” สีหน้าของเสิ่นหัวแดงเล็กน้อย เดาว่าน่าจะเหนื่อยจากการโยนของมาทั้งคืน มองมาทางฉินเฟยโดยมือเท้าเอว ใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ : “นายเห็นของที่อยู่ตรงประตูแล้วใช่ไหม แม้ว่าของเหล่านี้จะซื้อด้วยเงินของบ้านพวกเรา แต่ฉันจะมอบให้นายด้วยความเมตตา รีบขนของแล้วไสหัวออกไปสะ พรุ่งนี้นายหย่ากับเจียงเยว่ถง”
“นี่ก็เป็นความคิดของเจียงเยว่ถงเหรอ?” ฉินเฟยไม่สนใจสิ่งของเหล่านั้น ส่งเสียงถาม
“ใช่! เพียงแต่ลูกสาวของฉันเป็นคนใจอ่อน ไม่สะดวกที่จะพูดออกมาตรงๆ ดังนั้นเลยอยู่ที่บริษัท ให้ฉันมาจัดการเรื่องนี้” เสิ่นหัวหัวเราะหนึ่งที น้ำเสียงดูถูก ราวกับว่าไม่อยากเจอฉินเฟยอีก : “รีบไสหัวไปสะ ที่นี่ไม่ใช่บ้านของนายอีกแล้ว ไสหัวออกไป!”
ครั้งนี้เสิ่นหัวตั้งใจแน่วแน่จริงๆแล้ว เธอรู้ว่าลูกสาวใจอ่อน ครั้งนี้ที่เจียงเยว่ถงไปทำงานโอทีที่บริษัท ดังนั้นเลยทำให้เธอตัดสินใจแบบนี้ เพราะว่าจากมุมมองของเสิ่นหัว ครอบครัวของพวกเขาถูกคนในตระกูลดูถูกตลอด ทั้งหมดเป็นเพราะการมีอยู่ของฉินเฟย!
แม้ว่าเจียงเฟิ่งหยุนจะเป็นลูกชายคนที่สามของตระกูลเจียง แต่ยังคงมีแต่คนดูถูกครอบครัวของพวกเขา เสิ่นหัวกลับไม่เคยบ่นเจียงเฟิ่งหยุน กลับเอาเรื่องนี้ไปไว้บนหัวของฉินเฟิง
เพราะว่าบ้านของเธอมีลูกเขยที่ไร้ค่าคนหนึ่ง ดังนั้น ครอบครัวของพวกเขากลายเป็นตัวตลกของตระกูลในช่วงสามปีที่ผ่านมา! เพราะการมีอยู่ของฉินเฟย เลยถูกคนอื่นดูถูก ถูกคนอื่นรังแก!
……
ฉินเฟยถูกขับไล่ออกจากบ้าน เขาราวกับว่าเสียจิตวิญญาณไป ฟุ้งซ่านอย่างมาก เดินบนถนนอย่างไร้จุดหมาย ในสมองเต็มไปด้วยคำพูดเหล่านั้นของเสิ่นหัว ‘นี่ก็คือความคิดของเจียงเยว่ถง เพียงแค่เธอใจอ่อน ไม่สะดวกที่จะพูดออกมาตรงๆ’ …..
หยิบมือถือออกมาหลายครั้งอยากโทรศัพท์หาเจียงเยว่ถง สอบถามว่าเป็นความคิดของเธอหรือเปล่า แต่ฉินเฟยล้วนแล้วไม่ทำ
เขาตกต่ำมาสามปีแล้ว การโทรศัพท์เป็นความอัปยศของตัวเองด้วยซ้ำ
“คุณผู้ชาย คุณไปไหนเหรอ?” ฉินเฟยนั่งรถแท็กซี่ คนขับรถหันกลับมาถาม
“ไปไหนก็ได้” ฉินเฟยพูด
“ไปไหนก็ได้?” คนขับรถแท็กซี่ตะลึง เดาว่าเป็นครั้งแรกที่เจอคนแบบนี้ เพียงแต่ยังคงสตาร์ทรถ
ไปไหนก็ได้!
คนขับรถแท็กซี่ก็เดินทางอย่างไร้จุดหมายเช่นกัน จนกระทั่งมาถึงหน้าว่านเซียง มูวี จู่ๆฉินเฟยก็พูด : “ที่นี่แล้วกัน”
ในเวลานี้สองทุ่มกว่าแล้ว พนักงานบริษัทล้วนแล้วเลิกงานแล้ว มีเพียง รปภ. ที่ปฏิบัติหน้าที่และทำงานล่วงเวลาซึ่งงานยังทำไม่เสร็จเท่านั้น
“ประธานฉิน? คุณเลิกงานกลับบ้านแล้วไม่ใช่เหรอ?” เพิ่งขึ้นมาบนชั้นสอง ก็มองเห็นเสิ่นเจียเหวินเดินมาพร้อมกับกองเอกสารในอ้อมแขน ถามด้วยความสงสัย
เสิ่นเจียเหวินยังคงสวมชุดกระโปรงทำงานก่อนหน้านี้ ขายาวในถุงน่อง ใบหน้าสวย เป็นผู้ใหญ่และเซ็กซี่ ภายใต้กองเอกสาร คู่กับความอ่อนโยนและหรูหราเป็นพิเศษ