ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) - บทที่ 28 คืนนี้นายมานอนที่ห้องฉัน (กลาง)
“ฉินเฟย……ฉินเฟย? เกิดอะไรขึ้นกับนาย? นายคิดอะไรอยู่เหรอ? ในขณะที่ฉินเฟยกำลังตกอยู่ในห้วงเวลารำลึกความทรงจำ ก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ของเซียววี่
ฉินเฟยส่ายหัวไปมา และสลัดอารมร์ทั้งหมดทิ้งไป: “อ้อ ไม่มีอะไรครับ ขออภัยด้วย ผมคิดฟุ้งซ่านไปหน่อย”
เซียววี่ชะงักเล็กน้อย: “ที่แท้นายไม่ได้รู้จักฮั่วจงเหยียน เสียใจภายหลังใช่ไหม?”
“ก็รู้สึกเสียใจนิดหน่อย ถ้ารู้ตั้งแต่แรกผมก็ตบมันอีกสักสองสามทีแล้ว” ดูเหมือนฉินเฟยจะแค่ล้อเล่น ซึ่งพูดขึ้นทันทีว่า: “ผมจะระวังมากกว่านี้ แต่เรื่องนี้ผมไม่เสียใจเลย กล้ารังแกภรรยาผม ผมไม่สนหรอกว่ามันเป็นใคร!”
เซียววี่เม้มปากเล็กน้อย: “อย่างไรก็ตามต่อไปก็ระวังตัวหน่อย”
พวกเขาพึ่งรู้จักกันเมื่อวาน อย่างมากสุดก็ถือว่าเป็นเพื่อนธรรมดาทั่วไป เซียววี่ก็พูดไปตามเป็นพิธี แต่ดวงตาคู่งามอดไม่ได้ที่จะมองฉินเฟยอีกหลายครั้ง ก่อนหน้านี้เธอก็รู้สึกว่าฉินเฟยไม่ใช่คนธรรมดา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านของตระกูลเจียง!
แต่มุมมองของเซียววี่ เธอไม่สนใจสิ่งเล็กน้อยนี้อยู่แล้ว และไม่มีทางดูถูกฉินเฟยเพียงเพราะฐานะทางสังคมของเขาอย่างแน่นอน แต่กลับรู้สึกว่าการที่ดาบเสวี่ยอิ่นเลือกเขามาเป็นเจ้านาย ก็มีเหตุผลเช่นกัน!
ต่อให้เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ก็ไม่ใช่คนธรรมดา!
เซียววี่แปลกประหลาดใจอยู่ภายในใจ แต่ที่จริงแล้วเจียงเยว่ถงแปลกประหลาดใจมากกว่า!
แต่งงานมาสามปี เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉินเฟยก็มีพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้เหมือนกัน และแปลกใจที่ฉินเฟยรู้จักคนมากขนาดนี้ได้อย่างไร?
คนหนึ่งคือเสิ่นเจียเหวิน ซึ่งเจียงเยว่ถงไม่คิดว่าเป็นเพราะว่าพวกเธอสองคนเป็นผู้หญิงด้วยกัน มีเรื่องพูดคุยที่เหมือนกัน อีกฝ่ายก็จะช่วยตัวเองแบบนี้ ในนั้นต้องมีฉินเฟยคอยช่วยอยู่แน่นอน ดังนั้นเสิ่นเจียเหวินถึงให้โอกาสการลงทุนในการถ่ายทำ นี้ให้กับเธอ
ตอนนี้ก็คุณหนูใหญ่ตระกูลเซียวอีกคน ไม่เพียงแต่เป็นสาวสวยเท่านั้น แต่เป็นวงการตระกูลสูงศักดิ์ในซงไห่ ที่มีบารมีล้นหลาม แล้วฉินเฟยไปรู้จักเธอได้อย่างไรกัน?
เมื่อมองดูฉินเฟยและเซียววี่คุยกัน เจียงเยว่ถงในฐานะที่เป็นภรรยาของฉินเฟย ดูเหมือนจะไม่รู้จักฉินเฟยมากขึ้นนเรื่อยๆ แล้ว
“เธอมาแล้ว……” เซียววี่สังเกตเห็นเหงาที่เดินเข้ามาของเจียงเยว่ถง จึงกระซิบเตือนด้วยเสียงเบา
“ยินดีที่ได้เจอค่ะ คุณเซียว” เจียงเยว่ถงทักทายขึ้นก่อน ด้วยใบหน้าสวยสดงดงามและเสียงที่อ่อนโยน
เซียววี่เงยหน้าขึ้น สีหน้ายิ้มแย้ม: “ยินดีที่ได้เจอค่ะ”
ฉินเฟยกำลังจะพูดขึ้น แต่สังเกตเห็นเจียงเยว่ถงขยิบตาอย่างแรงมาที่เขา และพูดด้วยรอยยิ้ม: “ฉันคอแห้ง ขอไปดื่มอะไรก่อน”
ดูเหมือนเจียงเยว่ถงจะรู้จักกับเซียววี่ และมันก็ไม่ควรที่เขาจะเข้าจะพูดแซกแซง ระหว่างการคุยกันของผู้หญิง
ฉินเฟยนั่งครองโต๊ะหนึ่งคนเดียว และกินของหวานของตัวเองอย่างใจจดใจจ่อ โดยไม่มีใครพูดอะไร แน่นอนว่าก็ไม่ใครมาเข้าใกล้เช่นกัน
แม้ว่าฉินเฟยจะสามารถกู้หน้าชูตาได้ครั้งหนึ่ง และได้รับความชื่นชมจากคนรุ่นใหม่หลายคนในตระกูลเจียง แต่เขาก็ทำให้ฮั่วจงเหยียนไม่พอใจ ซึ่งผู้หนุนหลังฮั่วจงเหยียนคือตระกูลฮั่ว เดิมทีฉินเฟยก็คือตัวปัญหาใหญ่อยู่แล้ว ซึ่งไม่มีใครที่อยากข้องเกี่ยวกับตัวปัญหาเช่นกัน!
ฉินเฟยไม่สนใจอยู่แล้ว สายตาของเขากวาดมองไปยังเจียงเยว่ถงและเซียววี่โดยไม่ทันตั้งตัว สาวสวยสองคนยืนอยู่ด้วยกัน ดูแล้วทำให้จิตใจเบิกบานยิ่งหนัก
จริงๆ แล้วเจียงเยว่ถงกับเซียววี่เจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง และก็ไม่ได้สนิทสนมกัน ซึ่งเจียงเยว่ถงได้ถามคำถามที่ค้างคาใจที่สุดออกไปว่า เซียววี่กับฉินเฟยรู้จักกันได้อย่างไร?
“พึ่งรู้จักกันเมื่อวาน เขาไปซื้อวัตถุโบราณที่ถนนของโบราณวัตถุ คุณฉินมีความรู้และเชี่ยวชาญเรื่องโบราณวัตถุมาก ดังนั้นก็เลยรู้จักกัน” เซียววี่ยิ้มเล็กน้อย ด้วยน้ำเสียงที่ชื่นชมเป็นอย่างมาก: “เขามีวัตถุโบราณชิ้นหนึ่งต้องการเอาไว้ที่ฉันเพื่อช่วยศึกษาและวิจัย ซึ่งไปรับวันนี้ แต่พึ่งรับโทรศัพท์พอดี ฉันเห็นว่าเขาค่อนข้างจะเร่งรีบ จึงอาสาขับรถมาส่ง”
“ก็คือดาบที่อยู่ในมือสามีของฉันนั้นเหรอ? เจียงเยว่ถงพยักหน้าเล็กน้อย แต่กลับมีความขมขื่นและตื่นตะลึงเล็กน้อย
ฉินเฟยยังมีการศึกษาและวิจัยวัตถุโบราณด้วยเหรอ?
เชี่ยวชาญเป็นอย่างลึกซึ้งด้วย?
ไม่มีใครไม่รู้ว่า ตระกูลเซียวเป็นตระกูลเก่าแก่ด้านวัตถุโบราณ ว่าแต่เซี่ยววี่ชื่นชมฉินเฟยขนาดนี้เลยเหรอ?
และเนื่องจากความชื่นชมของเซียววี่ที่มีต่อฉินเฟย รวมกับภาพเมื่อครู่ที่พวกเขาพ่งคุยกันแล้ว ไม่รู้ว่าทำไม หัวใจของเจียงเยว่ถงกลับรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ดังนั้นจึงพูดคำว่า ‘สามี’ อย่างหนักแน่น
เธออยากให้เซียววี่รู้ว่า เธอคือภรรยาของฉินเฟย!
“อืม” เซียววี่พยักหน้าลงเบาๆ และมองไปที่เจียงเยว่ถงด้วยสายตาที่น่าอิฉา: “เจอหาสีที่ดีแล้ว”
เซียววี่อิจฉามากจริงๆ ซึ่งตอนนี้เธอก็โสดเหมือนกัน เธอก็อยากหาคนที่ตัวเองชอบ และเป็นผู้ชายที่เต็มใจทุ่มเททุกอย่างเพื่อตัวเอง ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนี้จะไม่ร่ำรวย และไม่มีอำนาจใดๆ ก็ตาม!
และผู้ชายคนนี้บังเอิญถูกเจียงเยว่ถงพบเจอไปแล้ว จะไม่ให้เธออิจฉาได้ยังไงกัน?
เจียงเยว่ถงตกตะลึงกับคำพูดของเธอ แล้วสีหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะมองไปทางฉินเฟยที่นั่งอยู่ไม่ไกลที่กำลังมองมาทางนี้พอดี และพยักหน้าด้วยความเขินอาย: “สามีของฉันดีกับฉันมากจริงๆ ล่ะค่ะ”
。
ผู้หญิงเป็นสัตว์โลกที่แปลก ถึงแม้ว่าเจียงเยว่ถงจะขี้อาย แต่ในใจกลับอดที่จะคิดมากไม่ได้ เซียววี่ชมฉินเฟยมากขนาดนี้ ในใจของเธอก็ชอบฉินเฟยเหมือนกันใช่ไหม? แล้วถึงแม้จะพูดเรื่องแบบนี้ออกไป ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่เธอก็ไม่สามารถบังคับตัวเองไม่ให้คิดแบบนี้ไม่ได้
เรื่องจากเรื่องของฮั่วขงเหยียนที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ดังนั้นงานเลี้ยงฉลองของเจียงเยว่ถงไม่จบลงอย่างปริยายเช่นกัน
คุณย่าเจียงจำเซียววี่ได้ตั้งแต่แรกแล้ว จึงกล่าวทักทายเธอ เซี่ยววี่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า: “คุณพ่อร่างกายไม่สบาย พรุ่งนี้ไม่อาจมาร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดได้ด้วยตนเอง แต่ได้เตรียมของขวัญวันเกิดไว้แล้ว ซึ่งพรุ่งนี้หนูจะมาเยี่ยมเยียนถึงที่บ้าน หวังว่าคุณย่าเจียงจะโกรธกันนะคะ”
“โกรธอะไรกัน คุณเซียวต้องมาที่นี่บ่อยๆ ถึงจะถูก ฝากความห่วงใยไปให้ท่านผู้เฒ่าเซียวแทนฉันด้วยนะ” คุณย่าเจียงพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“หนูจะนำคำพูดของคุณย่าเจียงส่งไปจนถึงแน่นอนค่ะ” เซียววี่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าที่อบอุ่นและงดงาม บวกกับบุคลิกที่มีการศึกษาดุจดั่งมีดุจดั่งไม่มีนั้นแล้ว ทำให้ชายหนุ่มพี่น้องท้องเดียวของตระกูลเจียงอดไม่ได้ที่จะมองอีกหลายครั้ง แม้แต่ฉินเฟยก็ไม่มีข้อยกเว้น
หลังจากที่ฉินเฟยกลับไป ทุกคนในตระกูลเจียงก็แยกย้ายกันไป
โดยฉินเฟยไปกับเจียงเยว่ถงและแม่ยายของเขา ซึ่งเจียงเฟ่งหยุ่นไปส่งด้วยตัวเอง สายตาที่เขามองฉินเฟยนั้นก็เปลี่ยนไปแล้วเหมือนกัน
เขาก็เหมือนกับเจียงเยว่ถง ที่เขาไม่ชอบฉินเฟย ไม่ใช่เพราะเขาไม่มีความสารถ แต่เป็นเพราะเขาเอ้อละเหยลอยชาย คนอื่นด่าเขาว่าเป็นคนไร้ค่า เขาไม่มีความทรนงเลยสักนิด และในฐานะที่เจียงเฟิ่งหยุนเป็นทหารมาโดยกำเนิด ย่อมดูถูกคนประเภทนี้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว!
แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว แค่ที่ฉินเฟยยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องลูกสาวของเขาแบบนี้ ก็เพียงพอให้เจียงเฟิ่งหยุนมองฉินเฟยสูงขึ้น และพวกเขาจะเป็นครอบครัวที่แท้จริง!
เจียงเฟิ่งหยุนไปส่งด้วยตัวเอง โดยน้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นมิตรกันมากขึ้น: “เสียวเฟย เธอยากทำงานไหม? เรื่องงานฉันสามารถหาเพื่อนช่วยเธอได้ แต่ต้องตั้งใจทำงาน แม้ครอบครัวเราจะไม่ขาดแคลนเงินทอง และก็ไม่ต้องการให้เธอต้องหาเงินได้จำนวนมากๆ เป็นผู้ชายก็ต้องมีการงานเป็นหลักเป็นแหล่ง”
“คุณพ่อคุณแม่ มีหลายอย่างที่พวกท่านไม่รู้ ตอนนี้ฉินเฟยมีงานแล้ว เขาทำงานเป็นผู้ช่วยรองประธานระดับสูงอยู่ที่ว่านเซียง มูวี” เจียงเยว่ถงเหลือบมองฉินเฟยหนึ่งครั้ง และอธิบายขึ้นเอง
และถ้าเป็นเมื่อก่อน เจียงเยว่ถงไม่เป็นแบบนี้แน่นอน แต่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ในที่สุดเจียงเยว่ถงก็รู้ว่าอะไรคือความเย็นชาและอบอุ่นในความรัก ในเวลาที่เธอถูกรังแก ทุกคนในตระกูงเจียงยืนดูอยู่ข้างๆ เท่านั้น มีเพียงพ่อแม่และฉินเฟยเท่านั้นที่มาห้าม
“แค่พนักงานเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น ในหนึ่งปีจะได้เงินเดือนเท่าไหร่เชียว? เสิ่นหัวบ่นพึมพัมอยู่ข้างๆ
“ผู้หญิงจะไปเข้าใจอะไร?” เจียงเฟิ่งหยุนถลึงตาเข้าใส่เสิ่นหัวหนึ่งครั้ง
เจียงเฟิ่งหยุนผ่านอุปสรรคมากมายนับไม่ถ้วน แม้กระทั่งความเป็นความตาย ดังนั้นถึงตอนนี้สภาพจิตใจของเขาเปลี่ยนเป็นสงบขึ้นเรื่อยๆ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาโกรธไม่เป็น แต่กลับมองบางเรื่องจากข้อเท็จจริงพื้นฐานมากกว่า
และเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ ก็เพียงพอที่จะทำให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของฉินเฟย และเขาก็ยอมรับลูกเขยคนนี้แล้ว
“เสี่ยวถง เธอประคองเขาหน่อย และอย่าให้เสี่ยวเฟยล้ม” เจียงเฟิ่งหยุนกำชับขึ้นมาหนึ่งคำ เมื่อเห็นจังหวะการก้าวเท้าของเขาอ่อนแรงเล็กน้อย
เมื่อครู่ฉินเฟยพึ่งผ่านสงครามครั้งใหญ่มา คนอื่นอาจจะแค่มองดูเพื่อความคึกคักเท่านั้น แต่ในฐานะที่เขาเป็นทหารมาโดยกำเนิดกลับรู้ว่า ระหว่างการต่อสู้ของฉินเฟยและฮั่วจงเหยียนเมื่อครู่ทุ่มเทอะไรไปบ้าง นั่นเป็นการทุ่มเทอย่างเอาเป็นเอาตายเลย
โดยเฉพาะการต่อสู้ด้วยพละกำลัง ซึ่งหลังจากการปะทะกันของกำลังกล้ามเนื้อที่ระเบิดออกมาอย่างสุดขั้ว คนก็จะมากระบวนการกำลังเสื่อมทรุดลง และเปลี่ยนเป็นปวดเมื่อยอ่อนแรงไปทั้งตัว
“อืม” ดูเหมือนเจียงเยว่ถงพึ่งนึกขึ้นได้ เมื่อเห็นภาพที่มารดาประคองมารดาอยู่ จึงรีบเอื้อมมือเข้าประคองฉินเฟย
ในใจของฉินเฟยตื่นเต้นเล็กน้อย ภาพแบบนี้ เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดเลยแม้แต่น้อย!
สูดกลิ่นกายหอมสบายบนกายของภรรยา มออีกข้างหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะกอดเอวเพียวบางของเจียงเยว่ถง
โดยความงดงามของเจียงเยว่ถง ก็เป็นที่ยอมรับของทุกคน และรูปร่างที่ของเธอก็ร้อนแรงอย่างไม่ต้องสงสัยเหมือนกัน สามปีของการอยู่ร่วมกันทั้งเช้าและเย็น ต่อให้เจียงเยว่ถงระวังมากแค่ไหน แต่จะก็ถูกฉินเฟยแอบมองเห็นบางอย่างเหมือนกัน เช่นเอวคอดขาว
ปิดกั้นด้วยเนื้อผ้าบางๆ ชั้นหนึ่ง ฉินเฟยสามารถจินตนาการถึงเนื้อนุ่มเอวคอดขาวของภรรยาตัวเอง แล้วฝ่ามือของเขาจะสั่นขึ้นเบาๆ ……
ร่างกายที่บอบบางของเจียงเยว่ถงเองก็แข็งกระด้างเล็กน้อย ตอนแรกฉินเฟยแค่ประคองหลอกๆ แต่ในไม่ช้าก็ใกล้ชิดแนบสนิทอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ใบหน้าเธอแดงขึ้นเล็กน้อย รู้สึกแปลกใจใน แต่ก็ไม่ได้บอกให้หยุด
เสิ่นหัวก็ประคองเจียงเฟิ่งหยุนอยู่เหมือนกัน เพราะก่อนหน้านั้นฮั่วจงเหยียนผลัดเขาจนเข้าที่เอว: “ที่บ้านมีน้ำมันแดง กลับไปให้ฉันถูให้คุณหน่อย”
ถึงแม้เสิ่นหัวจะม่เป็นที่ชื่นชอบมากนัก แต่ก็ใส่ใจกับเจียงเฟิ่งหยุ่นด้วยความจริงใจ
“ไว้ทีหลังค่อว่ากันเถอะ ฉันจะต้องกลับไปอีกรอบหนึ่ง” เจียงเฟิ่งหยุนส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม เจียงเฟิ่งซวงมาครั้งหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย และเป็นธรรมดาที่พวกเขาสามพี่น้องต้องมาสังสรรค์กันอยู่แล้ว
ระหว่างทางกลับ ในรถเงียบเป็นพิเศษ และสายตาที่เสิ่นหัวมองฉินเฟยก็เปลี่ยนเป็นซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย หัวใจของมนุษย์เต็มไปด้วยเลือดเนื้อ แล้วการชวยเหลือของฉินเฟยในครั้งนี้ เกินความคาดหมายของเธอจริงๆ แต่เธอยังคงเชื่อว่าฉินเฟยเป็นตัวปัญหา ครั้งนี้ที่สามีกลับไป เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการหารือเกี่ยวกับแผนรับมือ เพราะครั้งนี้ฉินเฟยทำให้ฮั่วจงเหยียนไม่พอใจ!
แต่เจียงเฟิ่งหยุ่นตัดสินยอมรับฉินเฟย และลูกสาวของเธอก็ไม่ยอมหย่ากับฉินเฟยด้วย เธอเองก็ยากที่จะพูดอะไรอีก
เนื่องจากงานเลี้ยงฉลองจบแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ระหว่างทางเจียงเยว่จึงลงจากรถและหาร้านอาหารโฮมเมดเพื่อซื้ออาหาร ให้แม่ยายนำกลับไปทานที่บ้าน เพื่อจะได้แยกย้ายกัน
เห็นได้ชัดเจนว่า มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ถ้าทานข้าวด้วยกันมักจะทำให้อึดอัดใจ
“แม่ของฉันก็เป็นคนแบบนี้แหล่ะ เธอให้ความสำคัญกับเงินมากเกินไป แต่จริงๆ แล้วเจตนาเดิมของเธอก็เพื่อฉัน นายก็อย่าโกรธเลยนะ” เจียงเยว่ถงอธิบาย
“ผมรู้ และผมก็ไม่ได้โกรธเลย” ฉินเฟยพยักหน้าเล็กน้อย และรู้สึกแปลกใจ ที่เจียงเยว่ถงอธิบายให้คนก่อน?
เจียงเยว่ถงมีความคิดที่ละเอียดออ่อน อย่างไรเสียเมื่อก่อนก็เป็นพ่อแม่เธอที่ไล่ฉินเฟยออกจนากบ้านไป
“อืม งั้น……เรากลับบ้านกันเถอะ” เจียงเยว่ถงกล่าว การพูดคำเชิญแบบนี้ ทำให้เจียงเยว่ถงหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย
“อืม กลับบ้าน!”