ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) - บทที่ 31 ฉินเฟย คุณมันไอ้คนลามก
“คุณภรรยาครับ หลับหรือยัง?” ฉินเฟิยถามเบาๆ
โอกาสแบบนี้มีไม่มาก ฉินเฟยรู้สึกว่า ถ้าจะนอนหลับไปแบบนี้มันก็น่าเสียดายมาก บรรยากาศดีแบบนี้ ถ้าสองคนได้ดื่มด่ำพูดคุยกันยามค่ำคืน คงจะได้กระชับความสัมพันธ์ได้มากขึ้น
เขาพูดแล้วก็หันหัวมา มองเห็นขนตายาวๆ ของเจียงเยว่ถงในความมืด พอได้ยินเสียงของตนเอง ก็กระดิกตัวเบาๆ ฉินเฟยก็แอบยิ้ม เจียงเยว่ถงกำลังแกล้งหลับ
พูดไป มือขวาของฉินเฟยในผ้าห่มก็ค่อยๆ ยื่นออกไป ไปลูบคลำมือน้อยๆ ของเจียงเยว่ถง…
ฉินเฟยคิดว่า ตนเองแค่ยื่นมือไปคลำมือของเธอเท่านั้นเอง เจียงเยว่ถงคงจะไม่ปฏิเสธอย่ามองว่าเป็นแค่การจับมือ ถ้าสองคนได้จับมือคุยกันล่ะก็ อย่างน้อยความสัมพันธ์ก็เพิ่มขึ้นได้เยอะเลย
อีกอย่าง ดูจากท่าทางของเจียงเยว่ถงในตอนนี้ คงจะตื่นเต้นมาก ต่อให้ไม่ยินยอม ก็คงจะไม่ดุด่าต่อว่าหรือลงมือกับตนเองหรอก
เขาค่อยๆ ยื่นมือเข้าไป ด้วยกลัวว่าจะทำเจียงเยว่ถงรู้สึกตัวก่อน แล้วคิดว่าตนเองคิดจะทำอะไรอย่างอื่น เดี๋ยวจะไล่ตนเองออกไปเสียอีก…
ในที่สุด ฉินเฟยก็มีสายตาดีใจ ปลายนิ้วที่ตอบสนองดีของเขาสัมผัสได้ถึงความอุ่นๆ น่าจะอยู่ไม่ห่างจากมือน้อยๆ ของเจียงเยว่ถงไม่ไกลแล้ว…
“เอ๊ะ?” ฉินเฟยอึ้งไป สิ่งที่สัมผัสกับมือเขามันแปลกๆ มันนิ่มๆ แถมมีความรู้สึกเด้งๆ ด้วย
นี่มันคืออะไร?
ในใจคิดอย่างแปลกใจ แล้วก็ใช้มือเคล้าคลึงไปเบาๆ ความรู้สึกที่นุ่มและเด้งทำให้เขาไม่อยากจะเอามือกลับออกมา…
“ให้ตายเถอะ แย่แล้ว!” ฉินเฟยที่กำลังหลงใหลอยู่ในความสุขก็รู้ตัวขึ้นมาทันทีว่าตนเองกำลังจับอะไร ทั้งตัวก็เหงื่อแตกพลั่ก ในใจก็คิดว่าแย่แล้ว…
ในตอนนี้เอง อยู่ดีๆ เจียงเยว่ถงที่อยู่ข้างเตียงก็พลิกตัวอย่างแรง เท้าเล็กๆ ขาวๆ ข้างหนึ่งเตะออกขึ้นในความมืด ถีบเข้ามาที่ท้องของฉินเฟยอย่างแรง จนเขากระเด็นตกเตียงร่วงลงพื้นไป!
ฉินเฟยที่ถูกโจมตีก็กระแทกลงกับพื้นอย่างหนัก ในขณะเดียวกันก็เจ็บๆ ที่หางตา เหมือนว่าจะไปกระแทกเข้ากับขาโต๊ะเครื่องแป้ง
ในความมืด เจียงเยว่ถงก็คว้าผ้าห่มอย่างแรงมาคลุมตัวเองเอาไว้ หัวไหล่สั่นๆ ที่หางตามีน้ำตาซึมๆ ออกมา ชี้หน้าด่าฉินเฟยที่นอนหายใจเฮือกใหญ่อยู่ที่พื้นว่า “ฉินเฟย คุณมันไอ้คนลามก ไสหัวออกไปเลย!”
……
รุ่งเช้า!
เจียงเยว่ถงก็ล้างหน้าล้างตา แล้วก็ใส่ชุดยูนิฟอร์มนั่งอยู่บนโซฟา พอเงยหน้าก็เห็นฉินเฟยยกโจ๊กข้าวฟ่างมาให้อย่างนอบน้อม เธอก็ส่งเสียงไม่พอใจ แล้วก็ยื่นมือออกไปรับไว้
เธอยังไม่ลืมว่าไอ้คนลามกคนนี้ทำอะไรไว้เมื่อคืน คำพูดของเพื่อนสนิทไม่มีผิดเลยจริงๆ อย่าตามใจผู้ชายมากเกินไป พอเห็นใจดีหน่อยก็ทำเกินเลย
มีคำพูดหนึ่งบอกไว้ว่า ผู้ชายที่อยู่ในบ้านก็เหมือนเดรัจฉาน แต่ถ้าปล่อยออกไป…เป็นเดรัชฉานยังดีกว่าเสียอีก!ก่อนหน้านี้อยู่ในบ้าน ฉินเฟยทำแต่งานบ้าน เธอไม่ชอบผู้ชายแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉินเฟยไปทำงานข้างนอกแล้ว มีงานมีกิจการเป็นของตนเองแล้ว เขาก็เปลี่ยนไปเยอะอยู่ เธอก็ชอบ แต่บางจุดเธอก็ไม่ชอบ อย่างเช่นเมื่อคืน!
ไอ้ฉินเฟยคนบ้ากล้ามาจับตรงนั้นของตนเอง เจียงเยว่ถงโกรธจริงๆ
ต้องรู้ก่อนว่า แม้แต่เวลาอาบน้ำปกติ ตนเองยังไม่ไปจับมันง่ายๆ เลย แต่หมอนี่กล้าไปจับตรงนั้น บังอาจมากจริงๆ!
เจียงเยว่ถงก็ไม่ได้สนใจฉินเฟย กินโจ๊กไปคำเล็กๆ แล้วก็เงยหน้ามองคนตรงข้ามที่กินข้าวอย่างไม่กล้าส่งเสียง ดูฉินเฟยที่แสดงท่าทางว่าตนเองทำผิดไปแล้ว แล้วก็ส่งเสียงไม่พอใจพูดว่า “รินน้ำร้อนให้ฉันแก้วหนึ่ง”
“อ๋อ ได้” ฉินเฟยรีบลุกขึ้น
ฉินเฟยรู้ว่าตนเองผิดไปแล้ว
เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจ แต่เรื่องแบบนี้ต่อให้อธิบายไปก็ไม่ชัดเจนหรอก เจียงเยว่ถงต้องคิดว่าเขาตั้งใจจะล่วงเกิน ต่อให้เขามีร้อยปากพูดอธิบายไปก็ช่วยไม่ได้ อย่างไรเสียตอนนี้ตนเองก็กลายเป็นคนลามกในสายตาของเจียวเยว่ถงไปแล้ว
ฉินเฟยยื่นแก้วน้ำร้อนเข้ามา เห็นมือเขามีผ้าพันแผลพันไว้ พอเงยหน้าก็เห็นตาขวาที่คล้ำเป็นหมีแพนด้าของเขา เจียงเยว่ถงก็ด่าในใจว่าสมน้ำหน้า แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรขึ้นมา…
ผ่านมื้อเช้าไป ฉินเฟยก็เข้าห้องไปเปลี่ยนชุดสูท 9โมงเช้าวันนี้ ว่านเซียง มูวีจะมีประชุมระดับสูง ในฐานะที่เป็นประธานบริษัท เขาก็เลยจะต้องใส่เสื้อผ้าที่ภูมิฐานหน่อย
ขาสวยๆ ของเจียงเยว่ถงใส่รองเท้าส้นสูง สองคนเดินลงตึกมา หันไปเห็นท่าทางหงอยๆ ของฉินเฟย ก็เลยลังเลแล้วพูดว่า “ช่วงนี้คุณก็ไปหาซื้อรถสักคันแล้วกัน ขี่รถมอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าไปพื้นที่เปิดใหม่ของว่าเซียง มันจะไกลเกินไป ถ้าฝนตกก็ลำบาก ซื้อรถมือสองก็พอ”
ฉินเฟยอึ้งๆ ในใจก็ซาบซึ้ง แต่งงานมา3ปี เจียงเยว่ถงไม่เคยเป็นห่วงตนเองแบบนี้มาก่อนเลย แม้แต่เรื่องเล็กน้อยอะไร
“อืม เดี๋ยวผมลองคิดดู”
“อืม” เจียงเยว่ถงตอบรับ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
สองคนเดินกันต่อไปเงียบๆ ฉินเฟยก็แอบมองใบหน้าที่เปล่งปลั่งของเจียงเยว่ถง ใบหน้าที่สวยหยดย้อย ปากเผยอเบาๆ เหมือนมีอะไรจะพูด
“คุณมีอะไรจะพูดอีกหรือเปล่า?” ฉินเฟยถามก่อน
เจียงเยว่ถงก็อึ้ง มองฉินเฟยอย่างตกใจ แต่ก็ส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่มีอะไร”
ฉินเฟยขมวดคิ้ว อยู่กินกันมา3ปี เขารู้จักเจียงเยว่ถงดี
ไม่นาน ฉินเฟยก็ไปขี่มอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าตนเอง แล้วก็เห็นเจียงเยว่ถงขับออดี้ออกมาจากลานจอดรถใต้ดิน
รถออดี้มาจอดที่ข้างตัวเขา กระจกเปิดออก แล้วเผยใบหน้าสวยๆของเจียงเยว่ถงออกมา เธอมองฉินเฟย ในที่สุดก็อดพูดไม่ได้ว่า “คุณไปรู้จักคุณเซียวได้อย่างไร?”
“คุณเวียวงั้นหรือ?” ฉินเฟยอึ้ง แล้วตอบไปตามตรงว่า “หลายวันก่อนที่คุณใช้ให้ผมไปซื้อของขวัญให้คุณย่า ผมก็เลยไปรู้จักที่ตลาดของโบราณ มีอะไรหรือเปล่า?”
“อ๋อ ไม่มีอะไร” เจียงเยว่ถงพยักหน้าเบาๆ เมื่อวานเธอได้คุยกับเซียววี่ ได้คำตอบแบบนี้เหมือนกัน
แต่เธอก็ยังรู้สึกว่ามันมีตรงไหนแปลกๆ สองคนนี้เพิ้งรู้จักกันสองวัน ก็สนิทกันขนาดนี้เลยหรือ?อีกอย่าง นั่นคือเซียววี่เลยนะ!
เจียงเยว่ถงจำได้ชัดเจน เมื่อวานฉินเฟยโมโหผิดปกติ แล้วเซียววี่พูดหยุดฉินเฟยในคำเดียว ความสัมพันธ์ของสองคนนี้จะมีแค่นั้นงั้นหรือ?
“คุณภรรยา คุณคงจะไม่ได้หึงผมใช่ไหม?” ฉินเฟยพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ สีหน้าก็แปลกๆ จ้องมองภรรยาสุดสวยของตนเองในรถ
“ฉันหึงงั้นหรือ?ฉินเฟย คุณไม่ได้ป่วยใช่ไหม?คิดบ้าอะไร?ฉันแค่รู้สึกว่าคุณรู้จักกับเซียววี่ เลยตกใจก็เท่านั้นเอง” เจียงเยว่ถงพูดเสียงสูงขึ้นมา แกล้งทำเป็นขมวดคิ้ว พูดดังใส่ฉินเฟย
ฉินเฟยได้ยินก็แอบยิ้ม ในใจก็ยิ่งชอบ เลยพูดไปอย่างได้ใจว่า “คุณวางใจเถอะ ผมกับเซียววี่ไม่มีอะไรกันหรอก อาจจะเป็นเพราะว่าเซียววี่ชื่นชอบผม แต่ว่าใจที่ผมมีให้คุณมันไม่เปลี่ยนแน่นอน ถงถง ถ้าวันข้างหน้าคุณดีกับผม ผมก็จะยิ่งไม่เปลี่ยนใจแน่นอน ผม…”
“บรื๊น…” ฉินเฟยกำลังซึ้ง แต่ยังไม่ทันพูดจบ รถออดี้ตรงหน้าก็ขับออกไปไม่เห็นฝุ่น ทิ้งควันท่อไอเสียพ่นไว้เต็มหน้าเขา!
เจียงเยว่ถงหน้านิ่งเย็นชา ในใจก็ด่าหมอนั่นไม่หยุด ส่วนคำพูดอ่อนหวานเมื่อครู่ ไม่เข้าหูเจียงเยว่ถงเลยสักคำเดียว
เรียกว่า ถงถง งั้นหรือ?เอาไว้ให้เรียกได้หรือไง!
เจียงเยว่ถงอารมณ์เสียอยู่ในใจ
“ติ๊งๆๆ” ในตอนนี้เอง โทรศัพท์ที่วางไว้บนเบาะข้างคนขับก็ดังขึ้น
เจียงเยว่ถงหยิบมาดู ก็เห็นว่าเป็นเบอร์ของเจียงเฉิงเย่!
เจียงเยว่ถงขมวดคิ้วเบาๆ เจียงเฉิงเย่ไม่ค่อยจะโทรหาตนเองเสียเท่าไร ไม่มีเรื่องอะไรไม่โทรมาหรอก เขาโทรมาแบบนี้ จะต้องเกิดเรื่องอะไรไม่ดีแน่นอนฮั่วจงเหยียนคนเมื่อวาน ก็เพราะเจียงเฉิงเย่นี่แหละที่ให้มา
เจียงเยว่ถงก็พูดอย่างแปลกใจว่า “โทรหาฉันมีเรื่องอะไร?”
“มาที่วิลล่าตระกูลเจียงหน่อย มีเรื่องสำคัญ” เจียงเฉิงเย่พูดประโยคเดียวก็วางสายไป
เจียงเยว่ถงถือโทรศัพท์ที่ตัดสายไปแล้ว ดังตู๊ดๆ พร้อมกับนึกถึงเรื่องฮั่วจงเหยียนเมื่อคืน แล้วก็ขมวดคิ้ว
แต่ว่าเรื่องจะเกิดก็ให้มันเกิด ส่วนถ้าจะให้ตนเองหย่ากับฉินเฟยไปแล้วแต่งงานกับฮั่วจงเหยียนนั้น เธอไม่มีทางรับปากแน่นอน อย่างมากก็ออกจากตระกูลเจียง
อย่างไรเสียเธอก็รู้ดีว่าคนตระกูลเจียงเป็นอย่างไร
……
ณ ห้องรับแขกบนชั้นสองของวิลล่าตระกูลเจียง บนโซฟามีชายวัยกลางคนนั่งอยู่7-8คน ดูเหมือนว่าจะเป็นการประชุมเล็กๆ ของตระกูลเจียง
และ7-8คนนี้นับว่าเป็นคนสำคัญของตระกูลเจียง เจียงเยว่ถงรู้จักทุกคน เพราะพวกเขาก็ได้ควบคุมดูแลกิจการใหญ่น้อยของตระกูลเจียงกันหมด
อีกอย่าง ยังมีจุดที่เหมือนกัน ก็คือกิจการที่พวกเขาดูแลมันล้วนไม่เจริญ
ถ้าธุรกิจมีการแข่งขันสูงอยู่บ่อยๆ ถ้าไม่ใช่เพราะทุกด้านในบริษัทสู้คนอื่นเขาไม่ได้ ก็เป็นเพราะผลิตภัณฑ์ไม่ทันสมัย ถูกสังคมมองข้ามไปแล้ว ยื้อไว้ยากลำบาก
“ทุกคนมาถึงแล้วใช่ไหม?” เสียงของคุณย่าเจียงดังเข้ามา ทุกคนเงยหน้าขึ้น ก็เห็นว่าเจียงเฉิงเย่พยุงคุณย่าเจียงเดินเข้ามา
เจียงเฉิงเย่กวาดมองทุกคน แล้วไปหยุดที่ตัวของเจียงเยว่ถง พร้อมพูดว่า “มาพร้อมแล้วใช่ไหม”
“อย่างนั้นฉันก็จะไม่อ้อมค้อมแล้วนะ” คุณย่าเจียงนั่งที่ตำแหน่งหลัก แล้วพูดกับทุกคน
“กิจการของตระกูลเจียงมีไม่น้อย แต่ที่ทำเงินได้จริงๆ มีไม่มาก แถมยังมีหลายบริษัทที่ขาดทุน ฉันคิดว่าทุกคนคงรู้ดี” คุณย่าเจียงพูดไป กวาดมองทุกคนไป ทุกคนก็แทบจะก้มหน้ากันลงไปหมด
“และตอนนี้ พวกเราโชคดีที่ได้โอกาสร่วมลงทุนกับว่านเซียง มูวี เป็นโอกาสที่จะตระกูลเจียงของเราต้องคว้าไว้ ฉันคิดว่าทุกคนคงจะเห็นด้วยนะ?” คุณย่าเจียงพูดนิ่งๆ แต่ดูมีบารมีมาก แล้วก็พูดย้อนแย้งว่า “แต่ว่าตระกูลเจียงของเรามีทุนไม่พอ!
ทุกคนก็มองหน้ากัน สีหน้าก็ไม่ดี เจียงเยว่ถงขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมือนว่าจะเดาอะไรออก
ทิ้งลูกน้องเพื่อรักษาหัวหน้าไว้ นี่มันก็คือวิธีพื้นฐานของการทำธุรกิจ
เจียงเฉิงเย่หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วก็พูดว่า “เมื่อคืนนี้ผมกับคุณย่าปรึกษากันอยู่พักใหญ่ วิธีเดียวก็คือขายกิจการที่เป็นภาระของตระกูลเจียงไปเสีย เพื่อรวบรวมเงินทุน”
เจียงเฉิงเย่พูดอย่างไม่เกรงใจ แต่ก็พูดความจริง ทุกคนก็อยากจะพูดอะไรออกมา แต่ก็ค้านอะไรไม่ได้
เจียงเยว่ถงก็มีสีหน้าตกใจ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เธอเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน ถึงแม้เธอจะลงแรงไปกับบริษัทฉีแยไปไม่น้อย อย่างไรเสียก็ขาดทุนอยู่แล้ว แต่ว่าตอนนี้……
“คุณย่าคะ บริษัทฉีแยเป็นกิจการของพ่อหนู อีกอย่างตอนนี้บริษัทฉีแยก็ฟื้นตัวมาได้แล้ว และหนูก็ได้รับงานใหญ่ไว้แล้ว หนูเชื่อว่าไม่นานก็จะได้กำไรมากมายเลย” เจียงเยว่ถงอดพูดออกมาไม่ได้
“ฟื้นตัวมาได้แล้วอย่างไร?บริษัทฉีแยอยู่ในมือเธอตั้งหลายปี ก็ไม่เห็นว่าจะสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองมาได้ ไม่ต้องพูดถึงการขาดทุนทุกปีหรอก รายได้ก็ต่ำมาก เธอบอกว่าจะมีรายได้ มันจะมีให้ง่ายๆ งั้นหรือ?” เจียงเฉิงเย่ส่งเสียงไม่พอใจ “แต่จะว่าไปรับงานใหญ่มาแล้วก็ดีเหมือนกัน แบบนี้จะได้ขายได้ราคาหน่อย”
เจียงเยว่ถงกัดปากแน่น ไม่อยากจะยอม “พวกคุณอาจะยังไม่รู้ว่า งานที่ฉันรับไว้มันคือ…”
“เอาเถอะ!” คุณย่าเจียงยื่นมือเข้ามาห้ามเจียว่ถงอธิบาย พร้อมมองเธอแล้วพูดว่า “เสี่ยวถง ย่ารู้ว่าเธอลงแรงกับบริษัทฉีแยไปมาก แต่ที่เฉิงเย่พูดก็ไม่ผิด สถานการณ์ตระกูลเจียงในตอนนี้ เธอก็เห็นแล้ว ว่าต้องขายบริษัทฉีแยทิ้งจริงๆ”
“ข่าวเรื่องการขายกิจการของพวกเรา ได้ประกาศออกไปแล้วเมื่อชั่วโมงก่อน กำลังคุยเรื่องราคากันมีอยู่หลายบริษัท พวกคุณล้วนเป็นคำเก่งของตระกูลเจียง เป็นอนาคตของตระกูลเจียง ดังนั้นเฉิงเย่ได้คิดแล้วว่า จะให้วพวกคุณได้ตำแหน่งสำคัญในบริษัทใหญ่ของเรา” คุณย่าเจียงพูดอีกว่า “แต่ว่า ก่อนจะถึงตอนนั้น พวกคุณก็ยังเป็นคนดูแลกิจการของตัวเองไปก่อน จนกระทั่งตกลงเรื่องราคาขายกำเรียบร้อยแล้ว บริษัทอื่นก็จะมารับช่วงต่อไปเอง พอกลับไปแล้ว พวกคุณก็ไปประกาศให้คนเก่าคนแก่ทุกบริษัทที่อยู่ภายใต้ตระกูลเจียงให้รับรู้ด้วย ว่าถ้าใครไม่อยากลาออก พวกเราก็จะหาตำแหน่งให้ หรือสามารถอยู่ในบริษัทเดิมทำงานกับเจ้านายใหม่ได้”
“ตามนี้แล้วกัน แยกย้ายไปได้”
เจียงเยว่ถงรอทุกคนลุกออกไปกันหมดแล้วถึงจะตั้งสติกลับมา อ้าปากน้อยๆ ของเธอ แต่ไม่ได้พูดอะไร