ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) - บทที่ 36 เจียงเยว่ถงเขินอาย
วิลล่าตระกูลเจียง!
พวกคนสำคัญของตระกูลเจียง สีหน้าไม่สู้ดี เจียงเฉิงเย่เอาแต่ก่นด่าออกมา บอกว่าเจียงเยว่ถงจิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงหมาป่า อุตส่าห์ไว้หน้าแต่ก็ไม่เอา คุณย่าเจียงก็สีหน้าอึมครึมจนน่ากลัว
ใครก็ไม่คาดคิด เจียงเยว่ถงที่เชื่อฟังมาตลอดจะกล้าปฏิเสธคุณย่า!
ไม่นาน คุณย่าส่งเจียงลั่วฝานไปเจรจาต่อที่ว่านเซียง มูวี
เจียงลั่วฝานก็เป็นคนที่โดดเด่นในบรรดาคนอายุน้อยของตระกูลเจียง พรสวรรค์ด้านธุรกิจไม่เลวเลย
ผลปรากฏว่าไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เจียงลั่วฝานโทรมา เขายังไม่ทันเขาประตูบริษัท เมื่ออีกฝ่ายได้ยินว่าเป็นคนตระกูลเจียง ก็โดนรปภ.ตะเพิดออกมาทันที!
ครั้งนี้คุณย่าเจียงตื่นตระหนกไปหมดแล้ว!
“คุณย่า ผมรู้ความคิดของเจียงเยว่ถง เธอโทษเรื่องที่เราขายบริษัทฉีแยของเธอ หรือเราจะไปซื้อกลับมา……” เจียงเฉิงเย่ฉลาดมาก แป๊บเดียวก็เดาความคิดของเจียงเยว่ถงได้ แต่อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่านั้น
คุณย่าเจียงมองเจียงเฉิงเย่แวบหนึ่ง เธอไม่ได้พูดอะไร ถือเป็นการตกลงไปโดยปริยาย
“ผมจะขอร้องเธอ แค่เธอยอมไปเจรจาความร่วมมือที่ว่านเซียง มูวี ผมจะซื้อบริษัทฉีแยกลับมาให้เธอ” เจียงเฉิงเย่กัดฟันอย่างโกรธแค้น แต่กลับแสยะยิ้มในใจไม่หยุด ผู้หญิงความคิดตื้นเขิน แค่บริษัทเสื้อผ้าเล็กๆ แห่งหนึ่งเท่านั้น
“ได้ ลูกผู้ชายยืดได้หดได้ เฉิงเย่ ทำได้ดี!” แววตาคุณย่าเจียงเป็นประกาย ชื่นชมการกระทำของเจียงเฉิงเย่มาก
พวกคนสำคัญของตระกูลเจียงที่อยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าไม่หยุด คิดว่าเจียงเฉิงเย่ตั้งใจคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวมของตระกูลเจียง เรื่องนี้เจียงเฉิงเย่ทำได้ดีมาก ส่วนเรื่องที่จะฉวยโอกาสบีบบังคับเจียงเยว่ถง เพราะความคิดตื้นเขิน คงไม่สามารถเป็นอัจฉริยะได้
“ฮัลโหล” ริมแม่น้ำซงไห่ เสียงประหลาดของเจียงเยว่ถงดังขึ้น
“เจียงเยว่ถง ฉันรู้ว่าเธอคิดยังไง เรื่องนี้คุณย่าตกลงแล้ว แค่เธอไปเจรจาที่ว่านเซียง มูวี ฉันจะไปซื้อบริษัทฉีแยคืนให้เธอ” เจียงเฉิงเย่พูดในโทรศัพท์
“คราวนี้เธอคงไปเจรจาความร่วมมือที่ว่านเซียง มูวี ได้แล้วใช่ไหม”
เจียงเยว่ถงอดมองฉินเฟยที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้ เธอรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่ก็พูดว่า “ตอนนี้สายแล้ว พรุ่งนี้ฉันขอไปเตรียมของที่บริษัทฉีแยก่อน แล้วค่อยไปว่านเซียง มูวี”
เมื่อวางสาย เจียงเยว่ถงเงยหน้าขึ้น ฉินเฟยที่อยู่ตรงข้ามยกนิ้วโป้งให้เธอ
แม้คำพูดของเจียงเยว่ถงฟังดูอ่อนโยน แต่แฝงไปด้วยอำนาจแข็งแกร่ง ถ้าไม่ใช่คนโง่ก็จะฟังเข้าใจว่า ถ้าอยากให้เธอไปเจรจาความร่วมมือที่ว่านเซียง มูวีก็ได้นะ แต่เธอต้องเห็นบริษัทฉีแยก่อนวันพรุ่งนี้!
ฉินเฟยแอบขำในใจ เดาว่าตอนนี้เจียงเฉิงเย่คงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้วมั้ง
เจียงเยว่ถงเม้มปากขำ เธอไม่คิดว่าความต้องการของตัวเองเกินไป เธอแค่อยากเอาสิ่งที่เป็นของตัวเองคืนเท่านั้น!
“เฉิงเย่ ต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จนะ ตระกูลซุนเป็นตระกูลใหญ่ เราทำลายสัญญาก่อน ต้องถ่อมตัวหน่อย ไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่เราใช้เงินมากหน่อย” คุณย่าเจียงพูดปลอบใจ
“ผมรู้ คุณย่าวางใจเถอะ” เจียงเฉิงเย่พยักหน้าจริงจัง ความมั่นใจเต็มเปี่ยม ในใจยิ่งรู้สึกได้ใจ
เขาไม่เชื่อว่าให้ราคาสองเท่า อีกฝ่ายจะไม่ขาย เพราะเดิมทีบริษัทฉีแยก็ไม่ได้มีกำไรเท่าไร แค่เจียงเยว่ถงไปเจรจาความร่วมมือครั้งนี้ ที่ว่านเซียง มูวี อย่างตรงไปตรงมา ตระกูลเจียงมีโอกาสกลายเป็นตระกูลอันดับต้นๆ ของซงไห่ทันที
ส่วนตัวเองได้รับหน้าที่สำคัญจากคุณย่า ถ้าครั้งนี้สร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ ต่อไปตระกูลเจียง ก็เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว!
ส่วนบริษัทฉีแยน่ะเหรอ เหอะๆ……
เห็นเจียงเฉิงเย่ออกไปด้วยความมั่นใจเป็นร้อยเท่า คุณย่าเจียงพยักหน้าชื่นชม พูดอย่างทอดถอนใจว่า “ถ้าคนตระกูลเจียงเป็นเหมือนเฉิงเย่ทุกคน ถึงฉันตายก็ไม่มีอะไรต้องกังวลใจแล้ว”
“คุณย่า วันนี้เป็นวันเกิดของคุณ พูดอะไรไร้สาระ อีกอย่างตระกูลเจียงของเรา มีเฉิงเย่คนเดียวก็พอแล้ว!” มีคนพูดขึ้นมาข้างๆ
“ใช่ๆ เวลาปกติพวกนายก็เรียนรู้จากเฉิงเย่เยอะๆ ตอนนี้เขารู้เดียงสาขึ้นเรื่อยๆ แล้ว มีความเป็นเจ้าบ้าน” คุณย่าเจียงเต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม
……
หลังผ่านไปชั่วโมงครึ่ง ฟ้าค่อยๆ มืดลง วิลล่าตระกูลเจียงสว่างไสว เต็มไปด้วยความยินดีปรีดา!
แต่ในห้องหนังสือชั้นสองของวิลล่า บรรยากาศกลับเต็มไปด้วยความกดดัน
คุณย่าเจียงนั่งหน้าอึมครึมอยู่ตรงกลาง เจียงเฉิงเย่ไม่ใช่แค่ใบหน้าเศร้าโศก หน้าตายังบวมฟกช้ำดำเขียว บนตัวมีรอยเท้าสิบกว่าร้อย เห็นได้ชัดว่าโดนคนซัดมาอย่างหนัก!
ซงไห่มีสี่ตระกูลใหญ่ ได้แก่ ตระกูลฮั่ว ตระกูลหลิ่ว ตระกูลซู และตระกูลซุน แม้ตระกูลซุนอยู่อันดับสุดท้าย แต่ยังไงก็เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ แข็งแกร่งกว่าตระกูลที่มีอำนาจอันดับต้นๆ มาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลเล็กๆ อย่างตระกูลเจียง
แต่ยังไงคนต้องพูดกันด้วยเหตุผล ใครก็คงคิดไม่ถึง เจียงเฉิงเย่จะไปเอาบริษัทฉีแยคืน ไม่เพียงแต่โดนปฏิเสธ กลับโดนซัดจนอ่วมด้วย!
“เฉิงเย่……นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมตระกูลซุนถึงทำร้ายนาย” คุณย่าเจียงพูดอย่างร้อนใจ
“คุณย่า ผม……ผมคิดไม่ถึงเลยว่าตระกูลซุนจะไร้เหตุผลขนาดนี้” เจียงเฉิงเย่ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล เต็มไปด้วยความน้อยใจ
“ถึงพวกเขาไม่ขายกลับ ก็ค่อยหาวิธีอีก ทำไมถึงทำร้ายนายล่ะ”
“คุณย่า ผม ผม……ผมผิดเอง ผมไร้ความสามารถ ผมไร้ประโยชน์ ผม……” เจียงเฉิงเย่คุกเข่าดัง ‘ตุ้บ’ ร้องไห้อย่างคับข้องใจ เขายกมือขึ้นตบหน้าตัวเองสองครั้ง
“เฉิงเย่ นายทำอะไร รีบลุกขึ้นมา มีอะไรค่อยๆ พูดกัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่” คุณย่าเจียงพูดอย่างร้อนใจ
“ผม ผม เซ็นเอกสารซื้อขายเขาหลีเสวี่ย……”
“อะไรนะ” คุณย่าเจียงอึ้งไป ตัวสั่นอย่างแรง
“คนตระกูลซุนบีบบังคับผม พวกเขาบอกว่าถ้าผมไม่เซ็น จะทำให้แขนผมพิการข้างหนึ่ง แถมยังพูดว่าผมเป็นฝ่ายมายั่วโมโห ถ้าไปสถานีตำรวจพวกเขาก็บอกได้ พวกเขากล้าทำให้ผมพิการจริงๆ ผม ผมขอโทษครับคุณย่า เป็นความผิดผมเอง ฮือๆ……” เจียงเฉิงเย่คุกเข่าลงบนพื้น พูดน้ำตานองหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดผวา
“เท่า……เท่าไร ตระกูลซุนเก็บเงินเท่าไร” คุณย่าเจียงถามด้วยความตกใจ
“สอง……สองแสนห้า” เสียงเจียงเย่เฉิงเบาเหมือนยุง
“อะไรนะ” คุณย่าเจียงเบิกตาโตทั้งสองข้าง แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
เขาหลีเสวี่ยเป็นสิ่งที่ตระกูลเจียงซื้อไว้เมื่อ 20 ปีก่อน มูลค่าซื้อขายคือสองแสนห้า แต่ตอนนี้ผ่านไป 20 กว่าปี แม้เขาหลีเสวี่ยยังไม่ได้บุกเบิกพัฒนา แต่อยู่ใกล้ซงไห่ มูลค่าของมันไม่สามารถประเมินได้ อย่างน้อยก็ต้องประมาณพันล้าน
นี่ถือเป็นสินทรัพย์ถาวรที่ใหญ่ที่สุดของตระกูลเจียง
เมื่อ 20 ปีก่อน เขาหลีเสวี่ยยังเป็นที่แห้งแล้ง ส่วนการที่ซื้อไว้ เพราะหลุมฝังศพของบรรพบุรุษตระกูลเจียงอยู่ที่เขาหลีเสวี่ย แต่คิดไม่ถึงว่าประเทศพัฒนาเร็วมาก เมืองซงไห่พัฒนาไปรอบๆ เขาหลีเสวี่ยก็กลายเป็นพื้นที่ล้ำค่ามาก!
เดิมเมื่อหลายปีก่อนตระกูลเจียงจะย้ายหลุมฝังศพ จึงเชิญผู้อาวุโสที่ดูฮวงจุ้ยมา แต่ผู้อาวุโสแนะนำว่าอย่าย้ายหลุมศพจะดีที่สุด บอกว่าที่นี่หลังพิงภูเขาใหญ่ ด้านหน้าใกล้ทะเลใหญ่ เป็นทำเลดีที่หาได้ยาก ฝังบรรพบุรุษตระกูลเจียงไว้ที่นี่ จะสร้างโลกแสนสุขส่งต่อลูกหลาน!
ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลเจียงจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่เพื่อลงทุนพัฒนา คุณย่าเจียงก็ไม่เอาออกมาขายหรอก
แต่เธอไม่คิดไม่ฝันเลยว่าตระกูลซุน จะซื้อเขาหลีเสวี่ยด้วยเงินสองแสนห้า อีกทั้งยังบีบบังคับให้เจียงเฉิงเย่เซ็นเอกสารซื้อขายอีกด้วย!
“คุณย่า พวกเขารังแกคนอื่นเกินไปแล้ว ทำไงดี ทำไงดีครับ” เจียงเฉิงเย่ร้องห่มร้องไห้
“ไม่เป็นไร โฉนดเขาหลีเสวี่ยอยู่ในมือฉัน เอกสารซื้อขายที่นายเซ็นถือว่าไม่เป็นผล” คุณย่าเจียงพูดอย่างราบเรียบ
แม้เอกสารซื้อขายไม่เป็นผล แต่มีเรื่องหนึ่งอยู่ตรงหน้า นั่นก็คือตระกูลซุนจะแตกหักกับตระกูลเจียง เพราะที่ผืนนี้ เหมือนตระกูลซุนก็รู้ว่าเอกสารซื้อขายที่เจียงเฉิงเย่เซ็นไม่เป็นผล แต่พวกเขาก็ยังทำแบบนี้
เหตุผลคืออยากใช้สิ่งนี้บอกคุณย่าเจียงว่าพวกเขาชอบเขาหลีเสวี่ย อีกทั้งไม่เสียดายที่ต้องแตกหักกับตระกูลเจียง
“รังแกคนอื่นเกินไปแล้ว รังแกคนอื่นเกินไปจริงๆ!” คุณย่าเจียงตบโต๊ะอย่างแรง โมโหจนตัวสั่นไปหมด
“ตระกูลซุนเป็นสุนัขรับใช้ของตระกูลฮั่ว! พวกเขายังพูดว่า จะโทษก็โทษที่ตระกูลเจียงของเราไปล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกิน” เจียงเฉิงเย่เช็ดน้ำมูกแล้วเอ่ยขึ้น “ผมว่าแล้วฮั่วจงเหยียนไม่จบไม่สิ้นหรอก เจียงเยว่ถงคนต่ำตม แล้วก็ไอ้สวะฉินเฟยนั่นด้วย เป็นเพราะพวกมันทั้งหมด!”
คุณย่าเจียงหลับตาอย่างเหนื่อยล้า ก่อนหน้านี้ตอนฮั่วจงเหยียนบังคับเจียงเยว่ถงแต่งงาน การที่เธอตกลงและประนีประนอม เพราะคิดถึงจุดนี้
เธอรู้ว่าฮั่วจงเหยียนต้องแก้แค้นแน่นอน แต่คิดไม่ถึงว่าจะเร็วและไม่เหลือทางหนีทีไล่ขนาดนี้!
ส่วนตระกูลฮั่ว ตระกูลเจียงธรรมดาๆ ไม่มีคุณสมบัติให้พวกเขาลงมือ แบบนี้จะทำให้พวกเขาดูต่ำลง
แค่ตระกูลซุน ก็ทำให้พวกเขาเหนื่อยจนหายใจไม่ทันแล้ว!
“ก๊อก ก๊อก……”
ขณะนั้นประตูห้องหนังสือโดนเคาะ ทันใดนั้นมีเสียงเด็กผู้หญิงดังขึ้น “คุณย่าอยู่ข้างในไหมคะ”
“มีอะไร”
คุณย่าเจียงทำท่าบอกให้เจียงเฉิงเย่เงียบ แล้วถามขึ้น
เจียงเฉิงเย่โดนตระกูลซุนซัดจนฟกช้ำดำเขียว น่าเวทนามาก เขากลัวคนอื่นเห็น จึงเข้ามาทางประตูหลังวิลล่า จึงมีคนรู้น้อยมาก
“คุณย่า เวลาพอประมาณแล้ว มีแขกมาอวยพรวันเกิดคุณย่าที่ตระกูลเจียงแล้ว คุณเฟิ่งซวงกำลังต้อนรับอยู่ด้านนอก เธอให้ฉันมาเรียกคุณลงไปค่ะ” เด็กผู้หญิงเอ่ยขึ้น
“อืม ฉันรู้แล้ว” คุณย่าเจียงส่งเสียงตอบ มองเจียงเฉิงเย่แวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “นายไปจัดการตัวเอง หลังงานเลี้ยงค่อยปรึกษากัน”
พูดพลาง คุณย่าเจียงลุกขึ้นยืนหลังค่อม ทำให้ยิ่งดูแก่เข้าไปอีก
……
หมู่บ้านเทียนหลัน
เพราะวันนี้เป็นวันเกิดครบรอบ 70 ปีของคุณย่า เจียงเยว่ถงกับฉินเฟยกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ฉินเฟยสวมสูทอยู่แล้ว จึงรอที่ห้องรับแขกด้านนอก ผ่านไปไม่นาน เจียงเยว่ถงที่แต่งตัวเล็กน้อย เดินออกมาจากห้องนอน ฉินเฟยเงยหน้ามอง ดวงตาเป็นประกายทันที
ตอนเจียงเยว่ถงอยู่ในห้องนอนประมาณครึ่งชั่วโมง ใบหน้างดงามถูกแต่งแต้มอย่างประณีต สวมเดรสเข้ารูป ส่วนเว้าส่วนโค้งที่น่าประทับใจ ทำให้คนหลงใหลเป็นพิเศษ
ฉินเฟยมองแล้วอดเคลิ้มไม่ได้ จินตนาการในใจ ไม่รู้ตอนไหนถึงจะดึงผ้าปิดหน้าของเธอออกได้
สัมผัสถึงแววตาเคลิ้มของฉินเฟยที่มองมาทางตัวเอง เจียงเยว่ถงเม้มปาก แต่แปลกที่เธอไม่โกรธ
“การกระทำของเราในวันนี้ ต้องทำให้คุณย่าไม่พอใจ เมื่อถึงตอนนั้นเจียงเฉิงเย่อาจพูดไม่ดี รวมถึงแม่ฉันด้วย นายไม่ต้องถือสานะ” เจียงเยว่ถงลังเลครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้น
“ผมชินแล้ว” ฉินเฟยยิ้มอย่างไม่สนใจ
เจียงเยว่ถงในตอนนี้ ทำให้เขาประทับใจ
ดวงตาคู่สวยของเจียงเยว่ถง อดมองมาที่ฉินเฟยไม่ได้ พูดตามตรง เธอเรียนรู้อะไรจากฉินเฟยเยอะมาก แต่แค่ไม่เคยพูดถึงเท่านั้น
สามปีมานี้ ฉินเฟยเจอการดูหมิ่นและทำให้อับอายมาตั้งเท่าไร เธอจำไว้ในใจทั้งหมด แต่ถึงเป็นแบบนั้น ฉินเฟยก็ยังอดทนต่อความยากลำบากและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ สามปีเต็มๆ ไม่มีบ่นสักคำ
เธอยากจะจินตนาการว่าฉินเฟยทนมาได้ยังไง ถ้าเป็นคนอื่น คงทรุดไปนานแล้ว!
เจียงเยว่ถงรู้สึกนับถือหรือไม่ก็ศรัทธา ในความมองโลกในแง่ดีของฉินเฟย ถึงขนาดที่เวลาเธอเจอความยากลำบาก บางครั้งเธออดคิดถึงฉินเฟยขึ้นมาไม่ได้ สามีที่ตัวเองยังเข้าใจว่าเป็นคนไม่เอาไหน เขายังทนได้ ทำไมตัวเองจะทนไม่ได้ล่ะ
เขาเจอการดูหมิ่นและทำให้อับอาย แต่ก็ยังดูแลบ้านอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทำให้ตัวเองไม่ต้องกังวลใจเรื่องในบ้าน มุ่งมั่นกับการทำงาน ตอนนี้ไม่มีบริษัทฉีแยแล้ว แต่ฉินเฟยก็เป็นคนช่วยเรียกร้องมันคืนให้เธอ!
“เอ่อ สามปีมานี้ ลำบากนายแย่เลย” เจียงเยว่ถงพูดเสียงเบาเหมือนยุง พูดจบก็อดหน้าแดงไม่ได้
เธอหน้าบาง เธอพูดคำพูดแบบนี้ยากมาก
ฉินเฟยอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเงยหน้ามอง เจียงเยว่ถงหลบสายตา
“อันที่จริงคนที่ลำบากที่สุดคือคุณ คุณดีเลิศขนาดนี้ แต่กลับแต่งกับคนไม่เอาไหนแบบผม คุณเจอการดูถูกและเยาะเย้ยมากกว่าผมเสียอีก”
“นายรู้ก็ดี นี่ก็สายแล้ว เราควรไปกันได้แล้ว” บรรยากาศแบบนี้ทำให้เจียงเยว่ถงรู้สึกไม่ชิน
ฉินเฟยมองแผ่นหลังนิ่มนวลงดงามของเจียงเยว่ถง ลำคอขาวดุจหิมะ สีแดงระเรื่อขึ้นมาที่ใบหู ทำให้คนหวั่นไหวเป็นพิเศษ
ฉินเฟยรู้สึกถึงความอบอุ่นทะลักขึ้นในใจ แทบอยากจะพุ่งเข้าไปกอดเจียงเยว่ถง……