ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) - บทที่ 40 จัดการให้เละ (1)
เจียงเยว่ถงที่นั่งข้างฉินเฟย หันมองฉินเฟยแวบหนึ่ง แล้วมองเซียววี่ที่นั่งอยู่ไม่ไกล จากนั้นขมวดคิ้วเบาๆ หลังจากที่เซียววี่นั่งลง เงยหน้ามองมาทางตัวเองสองครั้ง เธอรู้ว่าฉินเฟยรู้จักเซียววี่
อีกทั้งยังมั่นใจว่าคนที่เซียววี่มองคือฉินเฟย
และฉินเฟยที่อยู่ข้างๆ ก็มองเซียววี่บ่อยๆ!
แม้เจียงเยว่ถงยอมรับตัวตนของสามีอย่างฉินเฟยแล้ว แต่เป็นสามีภรรยากันมาสามปี ทั้งสองกลับไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกันมากเท่าไร แต่ฉินเฟยเป็นสามีในนามของตัวเอง แต่ตอนนี้กลับเล่นหูเล่นตากับผู้หญิงอีกคนงั้นเหรอ
โดยเฉพาะคนคนนี้คือเซียววี่ คนที่ฐานะทางตระกูลแข็งแกร่งกว่าเธอหลายเท่า สาวงามที่งดงามไม่แพ้ตัวเองเลย ยังไงภาพนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
“ฉินเฟย นายกำลังคุยกับเซียววี่เหรอ” เจียงเยว่ถงอดพูดออกมาไม่ได้
“อืม ผมต้องเอาหยกนิ้วหัวแม่มือวงนั้นกลับมา!” ฉินเฟยเงยหน้าขึ้น พูดอย่างเหนื่อยใจ
เจียงเยว่ถงอึ้งเล็กน้อย จู่ๆ นึกถึงคำพูดของเซียววี่ก่อนหน้านี้ “หยกนิ้วหัวแม่มือวงนั้นเป็นวัตถุโบราณจริงเหรอ”
“ไม่ใช่แค่วัตถุโบราณ แต่มูลค่าสูงมากด้วย!” ฉินเฟยพูดด้วยความโมโหฟึดฟัด
คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงอย่างเซียววี่จะใช้โอกาสนี้พูดเงื่อนไขกับเขา ให้ตายเถอะ นี่ทำให้เขาพลิกความคิดที่มีต่อสาวงามคนนี้ไปหมดเลย!
เจียงเยว่ถงเบาใจลงทันที และไม่ได้โมโหขนาดนั้น ขณะกำลังจะคุยกับฉินเฟยต่อ ขณะนั้นคุณย่าเจียงหัวเราะออกมา เดินถือแก้วเหล้าเข้ามา
เมื่อเห็นคุณย่าเดินลงจากเวที ทุกคนวางตะเกียบลงทันที
เจียงเยว่ถงรู้สึกถึงสายตาที่คุณย่ามองมา จิตใจวูบไหว เธอเข้าใจทันที มือเล็กสะกิดฉินเฟยหนึ่งที
เป็นไปตามคาด คุณย่าเจียงหยุดลงข้างเจียงเยว่ถง มองเจียงเยว่ถงแล้วพูดว่า “เสี่ยวถง ย่าอยากพูดอะไรกับแกเรื่องหนึ่ง”
“คุณย่า มีเรื่องอะไรก็พูดมาได้เลยค่ะ” เจียงเยว่ถงพูดออกมา
เจียงเยว่ถงพอเดาได้ในใจว่าคือเรื่องอะไร แต่ก็ยังสงสัยอยู่ดี ความร่วมมือการลงทุนของตระกูลเจียงกับว่านเซียง มูวี มีความหมายกับการพัฒนาของตระกูลเจียงมาก บริษัทฉีแยของตัวเองไม่สามารถเทียบได้เลย
นี่เป็นความคิดที่ฉินเฟยเสนอให้เธอ ตระกูลเจียงต้องซื้อบริษัทฉีแยคืนให้เธอ ใช้มันแลกกับการที่เธอไปเจรจาความร่วมมือกับว่านเซียง มูวี
อีกทั้งสิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจคือ วันนี้มีเรื่องสำคัญขนาดนี้ ทำไมเจียงเฉิงเย่ยังไม่ปรากฏตัวออกมาเลย
คุณย่าเจียงพยักหน้าแล้วพูดว่า “เสี่ยวถง วันนี้เป็นวันเกิดของย่า และเป็นวันเกิดครบรอบ 70 ปีของย่า แกรับปากย่าได้ไหม ไปเจรจากับว่านเซียง มูวีได้ไหม ถ้าได้ร่วมมือกับว่านเซียง มูวี ตระกูลเจียงของเราต้องยิ่งใหญ่ขึ้นในซงไห่แน่นอน แกรับปากย่าได้ไหม”
“เอ่อ……”
คราวนี้เจียงเยว่ถงตกใจจริงๆ ก่อนหน้านี้เจียงเฉิงเย่โทรมาบอกว่า คืนนี้จะซื้อบริษัทฉีแยคืนให้เธอไม่ใช่เหรอ
แต่จนถึงตอนนี้เจียงเฉิงเย่ก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา เจียงเยว่ถงคิดไม่ออกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
แต่ตัวเองจะประนีประนอมแบบนี้เหรอ
ตอนนี้เจียงเยว่ถงอดหันไปแอบมองฉินเฟยไม่ได้ แววตาสอบถามความเห็น
เป็นไปตามคาด ฉินเฟยส่ายหน้าเบาๆ เจียงเยว่ถงเข้าใจความหมายของฉินเฟย แต่ตอนนี้อยู่ต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้ ถ้าปฏิเสธคุณย่า……
แต่ถ้าไม่ปฏิเสธ เธอคงไม่ได้บริษัทฉีแยของตัวเองกลับมา ว่านเซียง มูวี คือเงื่อนไขแห่งชัยชนะที่ใหญ่ที่สุดของเธอ และเป็นเงื่อนไขแห่งชัยชนะที่มีอยู่เพียงอย่างเดียว!
จู่ๆ เจียงเยว่ถงกัดริมฝีปากแน่น ลังเลอยู่อย่างนั้น
“แม่ คนครอบครัวเดียวกัน ไม่เห็นต้องพูดเกรงใจกันเลย” เสิ่นหัวรีบลุกขึ้น “คุณวางใจเถอะ เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของถงถงก็พอแล้ว ถงถงต้องทำเรื่องนี้สำเร็จแน่นอน”
เสิ่นหัวไม่รู้เรื่องบริษัทฉีแย คำนึงแค่ว่าถ้าเจียงเยว่ถงทำเรื่องนี้สำเร็จ ครอบครัวเธอจะมีหน้ามีตาในตระกูลเจียง
“งั้นก็ดีๆ เหอะๆ” คุณย่าเจียงเผยยิ้มออกมาทันที
ผลปรากฏว่าขณะนั้น ไม่มีใครคาดคิด อยู่ดีๆ ฉินเฟยที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ ตลอดเวลาลุกขึ้นมา
“ผมไม่รับปาก!”
เพียงแค่สี่คำธรรมดาๆ ตอนนี้มันแสบแก้วหูเป็นพิเศษ!
“ก่อนหน้านี้เจียงเยว่ถงไปเจรจาความร่วมมือกับว่านเซียง มูวี สำเร็จแล้ว แต่ถูกเจียงเฉิงเย่แย่งความดีความชอบไป” ฉินเฟยพูดอย่างเย็นชา “ตอนนี้ว่านเซียง มูวี ไม่สนใจเจียงเฉิงเย่ ก็คิดถึงภรรยาผมขึ้นมาเหรอ”
“นาย! นายพูดอะไร” จู่ๆ ใบหน้าที่มีรอยยิ้มบางๆ ของคุณย่าเจียง เย็นชาลงทันที เธอชี้ไปที่ฉินเฟย เห็นได้ชัดว่าโมโหกับการที่ฉินเฟยถามด้วยเสียงดัง
สายตาที่คนตระกูลเจียงแต่ละคนมองฉินเฟย เหมือนมองคนประสาทอย่างไรอย่างนั้น
ไอ้หมอนี่โง่หรือไง ตัวเองมีฐานะยังไงในตระกูลเจียง ในใจไม่รู้ตัวเองเลยเหรอ เป็นแค่ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านผู้หญิง แม้ไม่กี่วันก่อนเขาซัดฮั่วจงเหยียนแล้วยังไงกัน ก็เป็นสวะที่ไร้ความสามารถเหมือนเดิม!
สังคมนี้ ไม่ได้เทียบกันว่าพละกำลังของใครดีกว่ากันหรอกนะ!
เจอการดูหมิ่น รวมถึงเสียงซุบซิบเบาๆ ของทุกคน ฉินเฟยไม่ได้สนใจ เขามองคุณย่าแล้วพูดว่า “คุณย่าไม่รู้สึกเหรอว่าไม่ยุติธรรมกับเจียงเยว่ถง เจียงเยว่ถงเป็นคนเจรจาความร่วมมือกับว่านเซียง มูวี จนสำเร็จ แต่สุดท้ายความดีความชอบกลับตกเป็นของเจียงเฉิงเย่ทั้งหมด ตอนนี้ไม่รู้ว่าเจียงเฉิงเย่ไปล่วงเกินว่านเซียง มูวีตรงไหน เขารู้จักแค่ถงถง คุณจึงนึกถึงเธอขึ้นมา งั้นหลังจากผลการเจรจาออกมา ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเจียงเยว่ถงอีกงั้นเหรอ หน้าที่นี้เจียงเยว่ถงไม่มีทางไป คุณย่าหาคนอื่นไปเจรจาที่ว่านเซียง มูวีเถอะ!”
“นาย นายพูดอีกรอบสิ!” คุณย่าเจียงชี้ฉินเฟย “นายเป็นใครกัน นี่เป็นเรื่องของตระกูลเจียง นายกล้าตัดสินใจแทนเสี่ยวถงเหรอ นายมีสิทธิ์อะไร”
“สิทธิ์ที่ผมเป็นสามีเธอ!”
ฉินเฟยตอบทันที ไม่อ่อนข้อสักนิด ดูทรงพลังมาก!
ทันใดนั้น รูปร่างงดงามของเจียงเยว่ถงสั่นอย่างเห็นได้ชัด แววตาที่มองฉินเฟย แฝงไปด้วยอารมณ์สับสนที่บอกไม่ถูก
เหมือนตกตะลึง เหมือนซาบซึ้ง
เธอรู้ว่าในสายตาของฉินเฟย สนใจแค่ผลประโยชน์ของตัวเอง ถึงขั้นที่ไม่สนใจว่าจะขัดแย้งกับคุณย่า
ตอนนี้ทุกคนพากันอึ้งไปหมด พวกเขายิ่งตกใจไปใหญ่ สวะที่อยู่ไปเพื่อรอวันตายในตระกูลเจียง กล้าพูดแบบนี้กับคุณย่าเจียง
เจียงเฟิ่งหยุนก็ตกใจเหมือนกัน อันที่จริงเขารู้ข่าวที่บริษัทฉีแยของลูกสาวโดนขาย เมื่อช่วงเที่ยงวันนี้
แน่นอนว่าในใจเขารู้สึกไม่มีความสุขเลย แต่เขาเป็นลูกชาย อีกฝั่งคือแม่ ส่วนอีกฝั่งเป็นพ่อของเสี่ยวถง เขาตัดสินใจยากมาก อีกทั้งในตัวเขามีเลือดของตระกูลเจียงไหลเวียนอยู่ แม่บอกว่าคิดคำนึงถึงภาพรวมของตระกูลเจียง เขาก็ไม่มีอะไรจะพูด
ส่วนฉินเฟยเป็นลูกเขยที่ตัวเองยอมรับ แม้คำพูดของเขามีความขัดแย้งกับแม่มาก แต่มันคือความจริงทั้งนั้น เขาไม่ได้ตาบอด เขาเห็นความไม่ยุติธรรมที่ลูกสาวได้รับ โดยเฉพาะเรื่องฮั่วจงเหยียนครั้งที่แล้ว ยิ่งทำให้เขาผิดหวังจนปวดใจ
ไม่ว่าอย่างไร เห็นลูกเขยให้ท้ายและปกป้องลูกสาวตัวเองขนาดนี้ เจียงเฟิ่งหยุนรู้สึกดีใจมาก ลูกสาวเจอผู้ชายแบบนี้ เขาชอบมาก
“เหอะๆ นายเป็นสามีเธอใช่ไหม” คุณย่าเจียงแสยะยิ้มเย็นชา “ได้ ดีจริงๆ! เสี่ยวถง แกยอมรับว่าเขาเป็นสามีแกหรือเปล่า ถ้ายอมรับ ต่อไปฉันไม่ใช่ย่าแกอีก ถ้าไม่ยอมรับ!”
คุณย่าเจียงเงยหน้าขึ้นมองฉินเฟยแล้วพูดว่า “งั้นนายก็รีบไสหัวไปซะ!”
พรึ่บ!
เมื่อสิ้นเสียง สายตาทุกคนมองมาที่เจียงเยว่ถง
ไม่ต้องสงสัยเลย นี่เป็นคำถามที่มีเพียงสองตัวเลือกเท่านั้น! ด้านหนึ่งคือคุณย่า หรือเรียกได้ว่าตระกูลเจียง ส่วนอีกด้านคือสามีสวะไม่มีความสามารถสมตามคำเล่าลือ!
มือเล็กของเจียงเยว่ถงกำแน่น จนข้อนิ้วดูซัดเล็กน้อย เหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่คอเธอ พูดอะไรไม่ออกสักคำ
ยอมรับว่าแม้การกระทำมากมายของตระกูลเจียง ทำให้เธอผิดหวังจนปวดใจ แต่ยังไงเธอก็เป็นคนตระกูลเจียง ไม่ว่าตระกูลเจียงจะปฏิบัติกับเธอยังไง แนวคิดดั้งเดิม ทำให้เธอมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ตัดไม่ขาดกับตระกูลเจียง
แต่ฉินเฟย……
“พลั่ก!”
“ตู้ม ตู้ม!!”
ขณะที่เจียงเยว่ถงตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จู่ๆ มีเสียงดังสนั่นนอกวิลล่าตระกูลเจียง
เหมือนกับว่า……ประตูวิลล่าโดนรถชนกระเด็น
ใครขับรถไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้
ทุกคนหันไปมองทางประตูวิลล่าอย่างประหลาดใจ ทันใดนั้นก็เบิกตาโตทันที
รถออฟโรดคันหนึ่ง ชนประตูวิลล่าจนกระเด็นจริงๆ!
นี่จบเห่แล้ว แต่รถออฟโรดสีขาวไม่ลดความเร็วลงสักนิด พุ่งตรงมาทางห้องโถงของวิลล่า
“อ๊าก!!” เสียงตื่นตระหนกดังไปทั่วห้องโถง โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวตระกูลเจียง ที่นั่งตรงโต๊ะจีนหน้าประตูห้องโถง พากันหน้าเปลี่ยนสี ลุกขึ้นยืนหลบอย่างตระหนก
ทันใดนั้น เสียงแก้วบนโต๊ะโดนกระแทกจนแตก เสียงเก้าอี้ล้มดังขึ้น วุ่นวายและเละเป็นแถบ……
ขณะเดียวกัน เพราะเสียงที่ดังเกินไป กระตุ้นสัญญาณกันขโมยของรถหรูด้านนอก นอกวิลล่าเต็มไปด้วยแสงสว่าง เสียงสัญญาณกันขโมยของรถยนต์ดัง “ติ๊ด ติ๊ด” เข้ามาในหูไม่หยุด……
รถออฟโรดพุ่งเข้ามา! ตัวรถออฟโรดยกสูง พุ่งขึ้นมาบนบันไดนอกห้องโถงวิลล่า ถึงกับชนประตูกระจกบานพับของห้องโถงจนแตก จึงหยุดลง
รถออฟโรดสีขาว หัวรถครึ่งหนึ่งทะลุขึ้นมาบนห้องโถงวิลล่า เหมือนหัวที่เชิดขึ้น ก้มมองทุกอย่างในห้องโถงอย่างโหดเหี้ยม
คุณย่าเจียงก็ตกใจกับภาพนี้จนสะดุ้งโหยง ยังดีที่เจียงเฟิ่งซวงรีบประคองเธอไว้
ให้ตายเถอะ เมาแล้วขับเหรอ
ไอ้คนขับรถออฟโรดเป็นบ้าหรืออยากตายกันแน่
โดยเฉพาะวันนี้เป็นวันสำคัญของตระกูลเจียงด้วย
“พลั่ก!” ประตูรถออฟโรดเปิดออก ชายหนุ่มสวมเสื้อกล้ามสีดำกระโดดลงมา มีลายสักมังกรบนแขน เหมือนเป็นนักเลงอย่างไรอย่างนั้น!
นี่รนหาที่ตายชัดๆ!
หนุ่มสาวตระกูลเจียงก็ตกใจกับภาพเมื่อกี้จนสะดุ้ง ตอนนี้เห็นวัยรุ่นกระโดดลงมา อดโมโหขึ้นมาไม่ได้
นักเลงเหรอ นักเลงที่มีชีวิตดี นักเลงที่มีเงินนิดหน่อยงั้นเหรอ
“เฮ้ย นายเป็นใคร อยากตายใช่ไหม รู้ไหมที่นี่คือที่ไหน นายจะจัดการเรื่องนี้ยังไง นาย……”
“เพียะ!”
ชายหนุ่มปรายตามองคนอายุน้อยตระกูลเจียงที่กำลังพูด จู่ๆ เขายกมือขึ้นมาตบใส่!
เสียงก่นด่าอย่างโมโหของคนอายุน้อยตระกูลเจียงหยุดลงทันที เขาหมุนอยู่ที่เดิมสองรอบ แล้วล้มลงอย่างแรง โดนชายหนุ่มที่บุกเข้ามากะทันหันตบจนสลบเลยเหรอ
ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีทันที อารมณ์โมโห ถึงเป็นแขกที่มาร่วมอวยพรวันเกิดก็เป็นเหมือนกัน แต่ที่นี่คือตระกูลเจียง เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ตระกูลเจียงต้องออกหน้าจัดการอยู่แล้ว
“ตู้ม ตู้ม!”
เสียงรถออฟโรดดังขึ้นข้างนอกอีกครั้ง มีรถพุ่งสะเปะสะปะเข้ามาในลานวิลล่าอีกสองคัน ผสมกับเสียงสัญญาณกันขโมยของรถหรูด้านนอก ทำให้ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง
เสียงเปิด-ปิดรถดังขึ้น ไม่นาน มีวัยรุ่นอีกสี่คนมายืนข้างวัยรุ่นคนที่ทำร้ายคน พวกเขาสวมแว่นดำ ใส่สูทเหมือนกันทั้งหมด ดูก็รู้ว่าเป็นบอดี้การ์ดระดับสูง
ทุกคนมองหน้ากันไปมา สีหน้าแปลกใจและตกตะลึง
นี่……เหมือนไม่ใช่การพุ่งเข้ามาผิดที่ เพราะเมาแล้วขับ แต่เป็นการจงใจมาหาเรื่องงั้นเหรอ
ใครที่กล้าขนาดนี้
ขณะที่ทุกคนกำลังตกใจ หนึ่งในบอดี้การ์ดเปิดประตูรถออฟโรดสีขาวด้วยท่าทางนอบน้อม ซึ่งเป็นคันแรกที่พุ่งเข้ามา
รองเท้าหนังที่ขัดจนแววข้างหนึ่งยื่นออกมา ชายวัยกลางคนที่ใส่ชุดสูทสีดำเหมือนกัน เดินลงมาช้าๆ
ชายวัยกลางคนยืนหน้าประตูห้องโถง สายตามองไปรอบๆ สุดท้ายจ้องไปที่คุณย่าเจียงที่เจียงเฟิ่งซวงกำลังประคองอยู่
ผู้ชายยกมือขึ้นถอดแว่นดำช้าๆ ยิ้มบางๆ “ยัยแก่เจียง ได้ยินว่าวันนี้เป็นวันเกิดเธอ เธอว่าของขวัญที่ฉันนำออกมาเป็นไง”
“พ่อบ้านซุน”
ไม่รู้ใครพูดออกมาด้วยความตกใจ
คนคนนี้คือจางจงหาน พ่อบ้านตระกูลซุน แต่เขารับใช้ตระกูลซุนมาหลายปีแล้ว คนจำนวนมากลืมชื่อเขาไปแล้ว และเขาชอบให้คนอื่นเรียกเขาว่าพ่อบ้านซุน!
เมื่อเห็นคนที่มา คุณย่าเจียงถึงกับตัวสั่น!
คนตระกูลซุนมางั้นเหรอ