ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) - บทที่ 42 ทุบมัน (3)
ใต้โคมระย้าคริสทัลสว่างไสว พ่อบ้านซุนยืนอย่างทะนงองอาจ
เมื่อเหลือบมองท่าทางโกรธจัดของเจียงเฟิ่งหยุน เขาก็ยิ้มเยาะกล่าวว่า “ตระกูลซุนของผมถูกใจเขาหลีเสวี่ยของพวกคุณ เรื่องนี้ท่านสามของเราเคยพูดกับคุณนายเจียงเอาไว้เมื่อหนึ่งปีก่อนว่าต้องการซื้อเขาหลีเสวี่ย เพื่อเอามาบุกเบิกโครงการท่องเที่ยว โรงแรม และห้างสรรพสินค้า แต่พวกคุณไม่ตอบตกลง แต่ตระกูลเจียงของพวกคุณมีความสามารถแค่ไหน คุณคิดไม่ได้เหรอ? เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ท่านสามของเราได้ยื่นคำขาดแก่คุณย่าเจียงอีกครั้ง แต่ยายแก่บ้านี่ไม่สนใจ นี่ก็แสดงว่าไม่เห็นตระกูลซุนอยู่ในสายตาใช่ไหม?”
“ฮ่า ผมก็อยากดูว่าตระกูลเจียงของพวกคุณจะเก่งสักแค่ไหน!”
“พล่ามอะไร!” คุณย่าเจียงที่ใจเย็นลงแล้วอดด่าไม่ได้ “ทุกคนรู้ว่าเขาหลีเสวี่ยเป็นดินแดนขุมทรัพย์ แต่พวกคุณเสนอราคา 2 แสนเพื่อซื้อมัน คิดว่าฉันโง่เหรอ? ไม่เพียงแค่นั้น ยังมาทำร้ายเฉิงเย่หลานชายของฉันด้วย นี่คือท่าทีของพวกคุณเหรอ?”
พอคุณย่าเจียงพูดเช่นนั้น ฉินเฟยที่อยู่ข้างๆ ก็เข้าใจในทันที
ไม่น่าแปลกใจที่เจียงเฉิงเย่จะไม่ปรากฏตัวในคืนนี้ ที่แท้เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการทำร้ายของตระกูลซุน
เป็นไปตามที่คาดไว้ บริษัทฉีแยก็ไม่ต้องการกลับมาเช่นกัน!
แน่นอน บริษัทฉีแยเป็นเพียงตัวเปิดเรื่องเท่านั้น!
สิ่งที่ตระกูลซุนถูกใจก็คือเขาหลีเสวี่ยของตระกูลเจียง เดิมทีเขาหลีเสวี่ยอยู่ไกลจากตัวเมืองของซงไห่มาก แต่ด้วยการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเมืองซงไห่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้มีอาคารปกคลุมมากขึ้นเรื่อยๆ การจราจรก็ได้รับการพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ อาคารที่สร้างขึ้นใหม่อยู่ใกล้กับเขาหลีเสวี่ย
จากนั้นในกลางปีนี้โครงการรถไฟใต้ดินซงไห่ได้เริ่มต้นขึ้น มีการสร้างทางเข้ารถไฟใต้ดินที่เชิงเขาหลีเสวี่ย เพียงชั่วขณะเดียว ราคาที่อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงได้เพิ่มสูงขึ้น และเขาหลีเสวี่ยก็ไปเตะตากิจการขนาดใหญ่หลายแห่งเช่นกัน ที่ดินผืนนี้จะมีราคาอย่างน้อยหนึ่งพันล้าน หากมีกลุ่มก่อสร้างในซงไห่แข่งขันกันมากขึ้น ก็อาจจะสามารถประมูลได้ในราคาสูงเสียดฟ้าสองสามพันล้านเลยทีเดียว
ตระกูลซุนเสนอราคาสองแสนก็จะซื้อให้ได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการบังคับซื้อขาย!
แขกที่อยู่รอบๆ ก็เข้าใจเช่นกัน สีหน้าค่อนข้างโมโห พวกเขารังเกียจการข่มเหงรังแกของตระกูลซุนเป็นอย่างมาก
แต่พวกเขามีอำนาจมาก!
“คุณย่าเจียง ผมจะถามคุณเป็นครั้งสุดท้าย คุณจะขายหรือไม่ขาย?”
พ่อบ้านซุนไม่สนใจเจียงเฟิ่งหยุน ถามคุณย่าเจียงอย่างจริงจัง “ถ้าขาย ตระกูลเจียงของพวกคุณก็ยังเป็นตระกูลเจียง! ถ้าไม่ขาย งานเลี้ยงวันเกิดก็จะกลายเป็นงานศพ!”
“ยังคิดจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อแสดงพลังให้ตระกูลซุนเห็นอีกเหรอ? ตลกสิ้นดี ผมจะให้เวลาคุณคิดทบทวนสิบนาที ไม่งั้นก็เตรียมรับผลที่ตามมาให้ดี!”
พ่อบ้านซุนเหลือบมองไปที่โต๊ะจีนที่ระเนระนาด อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปช่วยยกเก้าอี้นั่งลงอย่างช้าๆ เหมือนอยู่ที่บ้านตัวเอง ผ่อนคลายสบายใจ
“คุณ คุณข่มเหงรังแกกันเกินไปแล้ว คุณ…แค่กๆ…” คุณย่าเจียงหน้าเขียวปั๊ดด้วยความโกรธ ในใจโกรธจนถึงขีดสุด ยังพูดไม่ทันจบก็ไอออกมาอีกครั้ง เลือดไหลออกมาจากมุมปาก
“แม่ แม่อย่าโกรธเลย ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว…” เจียงเฟิ่งซวงประคองเธอด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
เธอเป็นลูกสาวของตระกูลเจียง แต่แต่งงานออกไปแล้ว เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของตระกูลเจียง ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าพูดอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า
“แม่ ดูแลตัวเองให้ดีๆ นะ!” เจียงเฟิ่งหยุนจับมือคุณย่าเจียงด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว
“นี่เราจะทำยังไงกันดี…?”
เธอชำเลืองมองไปที่พ่อบ้านซุนที่กำลังรอคำตอบอยู่ที่ประตู เสิ่นหัวหน้ามุ่ย ไม่มีความคิดใดๆ เลย
เจียงเยว่ถงกัดริมฝีปากแน่นและไม่พูดอะไร ความจริงเธอเคยพูดเรื่องขายเขาหลีเสวี่ยเมื่อหนึ่งปีก่อนไปแล้ว เอาเงินสดมาพัฒนากิจการมากมายของตระกูลเจียง แต่ก็ถูกเจียงเฉิงเย่ดับฝันในไม่ช้า
อันที่จริงเจียงเฉิงเย่พูดถูก หนึ่งปีผ่านไป มูลค่าของเขาหลีเสวี่ยได้เพิ่มขึ้นอีกครั้ง แต่เมื่อมีสมบัติอยู่ในมือก็ย่อมนำพาความเดือดร้อนมาสู่ตัวได้ง่าย ชื่อเสียงโด่งดังย่อมดึงดูดความสนใจของผู้คน ตระกูลเจียงไม่มีความสามารถในการปกป้องเขาหลีเสวี่ย อีกทั้งไม่มีความสามารถและเงินทุนที่จะพัฒนา
เขาหลีเสวี่ยเมื่ออยู่ในมือของตระกูลเจียง ก็เป็นแค่เผือกร้อนลวกมือเท่านั้น!
สีหน้าของเสิ่นหัวเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เธอไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ แต่เธอรู้ว่าหากตระกูลเจียงชนกับตระกูลซุนจนถึงที่สุด พวกเขาจะต้องพินาศในไม่ช้า
ดวงตาของเสิ่นหัวเป็นประกายเมื่อเห็นเจียงเยว่เสี่ยที่อยู่ข้างกายลูกสาว
“เสี่ยวเสี่ย ไม่ลองไปขอความช่วยเหลือจากเสี่ยวจั่นดูล่ะ?”
เสิ่นหัวกำลังพูดถึงหลี่จั่น ตระกูลเจียงและตระกูลหลี่มีความสัมพันธ์ที่ดีมาก อีกอย่างหลี่จั่นเพิ่งจ่ายสินสอดก้อนโตให้กับคุณย่าเจียงเพื่อสู่ขอเจ้าสาว
เจียงเยว่เสี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ ตกตะลึง “อาสาม คุณไม่เข้าใจ ตระกูลซุนแข็งแกร่งกว่าตระกูลหลี่มาก คำพูดของหลี่จั่นอาจไม่ได้ผล”
เจียงเยว่เสี่ยดูท่าทางเย็นชา เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เธอใจเย็นลงแล้ว
เสิ่นหัวยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “แน่นอนฉันต้องรู้สิ แต่ตอนนี้มันไม่มีทางเลือก ถึงอย่างไรเสี่ยวจั่นก็เป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหลี่ เขาสามารถเป็นตัวแทนครึ่งหนึ่งของตระกูลหลี่ได้ บางทีพ่อบ้านซุนอาจไว้หน้าเขาก็ได้?”
“แต่ว่า…” เจียงเยว่เสี่ยลังเลอีกครั้ง เพราะเธอนั้นไม่ชอบหลี่จั่น “เสี่ยวเสี่ย ให้เสี่ยวจั่นช่วยพูดสักหน่อยสิ ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ไม่ลองแล้วจะรู้เหรอ? คุณจะมองดูคุณย่าโกรธจนอกแตกตายอยู่เฉยๆ ได้เหรอ? คุณย่าของคุณดีกับคุณมาตลอด เป็นห่วงคุณมาก”
เจียงเยว่เสี่ยอ้าปากกำลังจะปฏิเสธ แต่พอได้ยินคำพูดนี้ก็ไม่อาจโต้แย้งได้เลย เธอกัดฟันอย่างไม่มีทางเลือก ลุกขึ้นยืนขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาหลี่จั่น
“คุณชายจั่น ฉันมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากคุณ”
หลี่จั่นถึงกับอึ้งไป มองดูเจียงเยว่เสี่ยที่มีใบหน้าพริ้มเพราด้วยความประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าเขาคิดไม่ถึงว่าเทพธิดาผู้เย็นชาคนนี้จะเข้ามาพูดคุยกับเขาก่อน
แต่ในไม่ช้าเขาก็เข้าใจอะไรบางอย่าง ร่างกายสั่นสะท้านทันที
“เยว่เสี่ย คุณ คุณคงไม่คิดจะ…”
เจียงเยว่เสี่ยกำมือเล็กๆ ของเธอแน่น แม้ว่าจะเป็นเพียงคำพูดประโยคเดียว แต่ด้วยนิสัยของเธอก็เป็นเรื่องยากที่จะพูดออกมา
เจียงเยว่เสี่ยแอบทอดถอนใจ เงยหน้าขึ้นมองหลี่จั่น “คุณชายจั่น ฉันรู้ว่ามันทำให้ลำบากใจ แต่ตอนนี้คุณเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยคุณย่าเจียงของฉันได้ ได้โปรดช่วยพูดแทนตระกูลเจียงของเราด้วยเถอะนะ”
หลี่จั่นกลืนน้ำลายแล้วหันหน้าไปมองพ่อบ้านซุนที่นั่งไขว่ห้างรออยู่ด้านหน้ารถออฟโรดที่จอดตระหง่านอยู่ แต่ขากลับอ่อนแรง
ไปคุยกับพ่อบ้านซุน? นี่ไม่เท่ากับว่าเป็นการรนหาที่ตายหรอกเหรอ?
อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้หลี่จิ้งถังซึ่งเป็นพ่อของเขาอยู่ที่นี่ ก็ไม่แน่ว่าจะกล้าเข้าไปคุย
“เยว่เสี่ย เรื่องนี้ผม…”
เจียงเยว่เสี่ยหันหน้าไปมองคุณย่าที่มีลมหายใจรวยริน กัดฟันพูดว่า “คุณชายจั่น ขอเพียงคุณช่วยฉันผ่านเรื่องนี้ไปได้ ฉันจะตอบตกลงคุณทุกอย่าง!”
เจียงเยว่เสี่ยก้มหน้าลงกำมือแน่น ในใจรู้สึกขมขื่นมาก
แต่คุณย่าก็ดีกับเธอมาก เธอทนดูคุณย่าโมโหจนตายไปเฉยๆ ไม่ได้
แม้ว่าเธอจะไม่ได้เติบโตในตระกูลเจียง พ่อของเธอก็จากไปตั้งแต่เธอยังเด็กมาก แต่เธอก็ไม่ได้ตำหนิบิดา แม้ว่าแม่จะแต่งงานใหม่ แต่ก็พูดอยู่เสมอว่าพ่อของเธอเป็นสามีที่ดีและเป็นพ่อที่ดีด้วย
ในช่วงหลายปีที่เธอตามมารดาไปอเมริกา ตระกูลเจียงเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายมากมาย ดังนั้นหลังจากเรียนจบ เธอจึงเลือกที่จะกลับบ้านเพื่ออุทิศตัวให้กับตระกูลเจียง ในช่วงไม่กี่ปีที่เธอกลับมา คุณย่าก็ดีกับเธอมาก
ถึงอย่างไรเธอก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลเจียง
เพื่อบิดา เพื่อตระกูลเจียง เธอจึงต้องทำแบบนี้!
“แบบนี้นี่เอง…”
มีเงื่อนไขอะไรต้องตกลง? หลี่จั่นเกิดความลังเล
เขาเงยหน้าขึ้นและมองพิจารณาเจียงเยว่เสี่ย เมื่อคิดว่าจะต้องยอมรับเงื่อนไขใดๆ ไฟโทสะก็ลุกโชนขึ้นในใจของเขา
“ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่คุณต้องรักษาคำพูด!”
ร่างอ่อนช้อยเจียงเยว่เสี่ยสั่นระริก กัดฟัน เหมือนพยักหน้าอย่างสุดกำลังกาย
“ตกลง!”
หลี่จั่นดีใจมาก เพื่อสาวงามที่เขาใฝ่ฝันหาทั้งวันทั้งคืน เขาตัดสินใจที่จะทำใจแข็งลองดู!
ไม่ว่าจางจงหานจะเก่งกาจเพียงใด เขาก็เป็นแค่พ่อบ้านของตระกูลซุนเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ใช่พ่อบ้านคนเก่าแก่ที่แท้จริงของตระกูลซุน เป็นแค่ลูกน้องของท่านสามเท่านั้น บางทีเขาอาจจะเห็นแก่หน้าบิดาไว้หน้าเขาสักครั้งก็ได้?
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้หลี่จั่นก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาบ้าง เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปหาพ่อบ้านซุน
เมื่อเห็นดังนั้น เสิ่นหัวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แม้ว่าจะมีลูกหลานมากมายจากตระกูลที่มีชื่อเสียง อย่างเช่นเซียววี่ แต่พวกเขาก็มีความสัมพันธ์กันตามปกติ เมื่อมาถึงเรื่องสำคัญจริงๆ จะไม่มีใครเข้ามายุ่งอย่างไม่มีเหตุผล นอกจากนี้เซียววี่เป็นเพียงเด็กรุ่นหลังของตระกูลเซียว แถมยังเป็นลูกสาว ดังนั้นจึงไม่สามารถเป็นตัวแทนของตระกูลเซียวทั้งหมดได้
ตอนนี้คนเดียวที่คาดหวังได้ มีเพียงหลี่จั่นแล้ว
สำหรับฉินเฟย? ก็เป็นเพียงขยะที่ไร้ประโยชน์แล้ว!
“ฮ่าๆ เอ่อ…ซุน พ่อบ้านซุน ผม…” หลี่จั่นเดินเชิดหน้าเข้าไปหาพ่อบ้านซุน พูดจาไม่ครบถ้วน ไม่มีความมั่นใจเลย
“คุณคือใคร?” พ่อบ้านซุนมองเขาอย่างดูถูก พูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
แม้ว่าพ่อบ้านซุนจะแค่เหลือบมองเขา แค่นี้หลี่จั่นก็กลัวจนขาสั่นแล้ว เขายิ้มออกมาทันที “ฮ่าฮ่า คุณจำผมไม่ได้แล้วเหรอ? ผมชื่อหลี่จั่น อ้อเสี่ยวจั่น เคยกินข้าวกับคุณเมื่อเดือนที่แล้ว”
“หลี่จั่น?” พ่อบ้านซุนเลิกคิ้วขึ้น “ที่แท้คุณชายจั่นนี่เอง”
หลี่จั่นรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง รู้สึกว่าเรื่องนี้เริ่มมีความหวัง เขารีบพยักหน้าและพูดว่า “ใช่แล้ว หลี่จิ้งถัง เป็นพ่อของผม ท่านคิดว่าเรื่องในวันนี้ พอจะเห็นแก่หน้าพ่อของผมได้ไหม…”
“พ่อของคุณไม่ได้มีหน้าตา!” พ่อบ้านซุนมองเขาอย่างเย็นชาและพูดว่า “คุณคิดว่าคุณเป็นใคร? มีสิทธิ์อะไรมาพูดตรงนี้?”
สองขาของหลี่จั่นอ่อนแรง ทรุดลงคุกเข่ากับพื้น!