ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) - บทที่ 50 จับเขาไว้ (3)
“นี่คือสามีของฉัน และเป็นคนขี้แพ้ในสายตาของคุณนายซุนด้วย!” เจียงเยว่ถงพูดอย่างเฉยเมย
น้ำเสียงของเจียงเยว่ถง ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าไม่เอาแต่ใจ!
และทำให้ทุกคนในร้านอาหารต่างพากันมองอย่างประหลาดใจ เจียงเยว่ถงกล้าดียังไงมาพูดกับซุนเย่าเหวินแบบนี้?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อซุนเย่าเหวินพยายามข่มความโกรธอย่างเต็มที่?
ดูเหมือนว่า การปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันที่นี่ของเด็กรุ่นหลังของตระกูลเจียงคู่นี้ ก็เพื่อมาหาเรื่องทะเลาะกับตระกูลซุน!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ทุกคนก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น จนถึงขนาดรู้สึกแปลกๆ ต่อให้อยากตาย ก็ไม่มีใครมารนหาที่ตายแบบนี้หรอกจริงไหม?
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซุนเย่าเหวินก็เบิกตาขึ้นเล็กน้อย มองไปที่ฉินเฟยด้วยความประหลาดใจ เขาคือสามีของเจียงเยว่ถงหรือเปล่า? เป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านตามข่าวลือหรือเปล่า?
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อฟังจากน้ำเสียงของเจียงเยว่ถงแล้ว เธอกำลังจะวาดแนวทางให้กับตัวเองหรือเปล่า?
เขาไม่ค่อยเข้าใจว่า ผู้หญิงคนนี้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน แต่นิสัยใจคอของเธอเหมาะกับรสนิยมของเขามาก เช่นเดียวกับเจียงเฟิ่งหยุนพ่อของเขา
“ฮ่าฮ่า ตระกูลเจียงมีเด็กรุ่นใหม่ที่มีความสามารถปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว” ซุนเย่าเหวินกล่าวอย่างเฉยเมย ไม่มีอารมณ์ใดๆ ในน้ำเสียง
เขาเหลือบมองฉินเฟยเป็นครั้งคราว ขมวดคิ้วเล็กน้อย นอกจากความคุ้นเคยแล้ว ฉินเฟยที่อยู่ตรงหน้าดูเหมือนจะไม่แย่อย่างที่ข่าวลือกล่าว หากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดา พอเห็นตนคงกลัวจนขาสั่นไปหมดแล้ว
เรื่องนี้ทำให้เขาค่อนข้างประหลาดใจ ไม่รู้ว่าทำไมเจียงเยว่ถงกับสามีอย่างเขา มีคุณสมบัติอะไรที่จะมาเผชิญหน้ากับตน!
“ที่แท้ก็คนขี้แพ้นั่นเอง หรือว่าไม่ใช่? ในซงไห่คงมีไม่กี่คนที่ไม่รู้เรื่องคนขี้แพ้คนนี้ล่ะมั้ง? แต่งงานมาสามปี ไม่ทำงานอะไร ทำได้แต่งานบ้านในบ้าน ถ้าไม่ใช่คนขี้แพ้แล้วเรียกอะไรล่ะ? แล้วไอ้ขี้แพ้กล้าดียังไงมาด่าฉันเป็นกะหรี่?” โจวฉ่ายเวยตะโกนโวยวาย
เมื่อได้ยินประโยคนี้อีกครั้ง สีหน้าประหลาดใจของซุนเย่าเหวินก็ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้น
ทุกคนเป็นคนที่มีหน้ามีตา มีบารมี จะโจมตีใครก็อย่าให้เกินเลยไป ถ้าไม่คุยเรื่องนี้ให้กระจ่าง ก็อย่าโทษซุนเย่าเหวินว่ารังแกเด็กรุ่นหลังเลย!
เมื่อสังเกตเห็นการจ้องมองของซุนเย่าเหวิน ฉินเฟยก็โปรยยิ้มและก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ยื่นมือออกไปพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมขอแนะนำตัวเองหน่อย ฉินเฟยครับ”
ยังยิ้มได้อีกเหรอ?
ซุนเย่าเหวินชำเลืองมองมือของฉินเฟยที่ยื่นออกมาพลางยิ้มเยาะ แล้วเอื้อมมือออกมาจับกับฉินเฟยจริงๆ แต่ออกแรงมหาศาล
ฉินเฟยไม่กลัวการเปรียบเทียบความแข็งแกร่ง เขาปล่อยให้ซุนเย่าเหวินออกแรงจับมือตัวเอง แต่จู่ๆ ก็ฉวยโอกาสดึงเข้ามา เอาหน้าเข้าใกล้ใบหูของซุนเย่าเหวิน เอียงศีรษะพูดว่า “ดูที่มือถือสิ”
การเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันของฉินเฟยทำให้ซุนเย่าเหวินต้องการผลักเขาออกไปโดยสัญชาตญาณ และในเวลานี้ฉินเฟยได้ถอยกลับไปแล้ว ปล่อยมือออกตามธรรมชาติ แล้วเอามือล้วงกระเป๋า
ทุกคนล้วนเป็นคนมีหน้ามีตา ไม่ต่อสู้ด้วยความสามารถที่บ้าบิ่นไม่คิดชีวิตแบบตอนนั้นอีกต่อไป ซุนเย่าเหวินไม่ต้องการลงมือต่อหน้าผู้คนอยู่แล้ว ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือร้านอาหาร
แม้ว่าจะเคลื่อนไหว แต่ก็ต้องอยู่ข้างหลังคนอื่น
ในขณะที่ฉินเฟยเอามือล้วงกระเป๋า โทรศัพท์ในกระเป๋าของซุนเย่าเหวินก็ดังขึ้นมา
ซุนเย่าเหวินมองฉินเฟยแปลกๆ บางทีอาจเป็นเพราะเขารู้สึกคุ้นเคยกับความแปลกหน้าของฉินเฟย เขาอยากรู้ว่าตัวตนของฉินเฟยเป็นใครกันแน่!
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและเห็นข้อความที่ส่งมาจากเบอร์แปลก
แต่ซุนเย่าเหวินแค่มองแว่บแรกก็ถึงกับอึ้งไป
ซุนเย่าเหวินไม่เพียงตกตะลึง แต่สีหน้าของเขายังปรวนแปรอย่างมาก
แน่นอนว่ามันถูกส่งมาจากฉินเฟย แถมปริมาณของข้อความยังเยอะมาก
อันที่จริงตอนที่สั่งอาหารกับเจียงเยว่ถง ฉินเฟยกำลังพิมพ์บนโทรศัพท์มือถือ ไม่มีใครมองเห็นว่าคืออะไร ฉินเฟยทำงานบ้านมาสามปีแล้ว เวลาเบื่อๆ ก็เล่นมือถือ พิมพ์สัมผัสได้นานแล้วและพิมพ์เร็วมากด้วย
ฉินเฟยเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี โชคดีที่ซุนเย่าเหวินปรากฏตัวทันเวลา มิฉะนั้นทุกสิ่งที่เขาเตรียมมาจะสูญเปล่า คาดว่าสุดท้ายโจวฉ่ายเวยก็ไม่ยอมปล่อยเขาไป!
แต่ตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว
ซุนเย่าเหวินมองดูเป็นเวลาห้านาทีพอดี ดูไปสองรอบ ระหว่างนั้นยังพิมพ์ตอบกลับด้วย
ดังนั้นจึงเกิดเรื่องประหลาดขึ้น!
เดิมทีทุกคนเคยคิดว่าลูกเขยแต่งเข้าบ้านผู้จองหองคนนี้ต้องตายแน่แล้ว แต่ไม่คาดคิดว่ามันจะไม่เกิดขึ้นเลย ฉินเฟยยังกลับไปนั่งไขว่ห้างถือโทรศัพท์มือถือด้วยมือข้างเดียวอย่างเป็นธรรมชาติ เลื่อนนิ้วไปมา ไม่รู้ว่ากำลังอ่านอะไรอยู่
ผู้คนรอบโต๊ะมองไม่เห็นอะไร แต่รู้สึกสับสนกับภาพที่แปลกประหลาดนี้
แต่เจียงเยว่ถงพบว่า คนฉลาดอย่างเธอไม่นานก็จะเข้าใจ ฉินเฟยยังใช้มือถือส่งข้อความสื่อสารกับซุนเย่าเหวิน
แต่ฉินเฟยพูดเรื่องอะไรกันแน่? ถึงทำให้ซุนเย่าเหวินที่โกรธจัดสงบสติอารมณ์ลงได้ทันที แถมยังใช้มือถือคุยธุระกับฉินเฟยอีก?
เจียงเยว่ถงอยากรู้จริงๆ
ฉินเฟยพูดอะไรกับเขากันแน่!
ไม่ใช่แค่เจียงเยว่ถง แต่โจวฉ่ายเวยที่ถูกซุนเย่าเหวินดึงมาไว้ข้างหลังก่อนหน้านี้ก็อยากรู้เช่นกัน
เมื่อเวลายิ่งผ่านไปนาน ความสงบเงียบรอบตัวก็ทำให้โจวฉ่ายเวยรู้สึกอึดอัด จู่ๆ ในหัวใจของเธอก็เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
“ที่รัก คุณเป็นอะไรหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้น?” โจวฉ่ายเวยพูดพลางก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ชำเลืองมองโทรศัพท์ของซุนเย่าเหวิน
ในเวลานี้ ซุนเย่าเหวินเก็บมือถือแล้วมองไปที่ภรรยาด้วยสีหน้านิ่งเฉย ก่อนจะพูดอย่างเฉยเมยว่า “ไม่มีอะไร บริษัทเกิดเรื่องนิดหน่อย ผมจะจัดการเอง”
ส่วนฉินเฟยเมื่อสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของเจียงเยว่ถง จึงได้เวลาเก็บโทรศัพท์ พลางหรี่ตามองเจียงเยว่ถงทันที
เป็นสามีภรรยากันมาสามปี ฉินเฟยรู้จักเจียงเยว่ถงดี
เจียงเยว่ถงมีนิสัยแปลกๆ ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ด้วยอายุและตัวตนของเธอ ชีวิตประจำวันควรจะเต็มไปด้วยสีสัน แต่เธอนั้นแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง เธอเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว นอกจากการเข้าสังคมที่จำเป็นแล้ว ทุกวันเธอไปๆ มาๆ แค่สองสถานที่ นอกจากสะสางเรื่องราวจากแต่ละแผนกในบริษัทแล้ว เธอก็ขับรถกลับบ้านเพื่อพักผ่อน เธอไม่ค่อยมีเพื่อนรอบตัว นอกจากเพื่อนซี้สองคนคือโจวลู่และซุนเสี่ยวเจี๋ย
เธอแสดงความเฉยเมยต่อหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่เคยถามอะไรที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองเลย
ว่ากันว่าผู้หญิงเป็นสัตว์ที่อยากรู้อยากเห็น แต่เธอไม่เคยเป็นคนที่อยากรู้อยากเห็น
แต่ตอนนี้เจียงเยว่ถงอยากรู้จริงๆ ว่า เธออยากรู้ด้วยซ้ำว่าฉินเฟยพูดอะไรกับซุนเย่าเหวิน
ความจริงฉินเฟยไม่ได้ตั้งใจจะหลบเธอ แต่เรื่องแบบนี้ไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ
อีกอย่างตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
แต่ฉินเฟยก็ชอบซุนเย่าเหวินมาก เขามีความประทับใจที่ดีต่อซุนเย่าเหวิน กล้าได้กล้าเสียพูดจามีสัจจะเหมือนจางฉองหย่วน แม้ว่าเขาจะใช้วิธีการที่ผิดกฎหมายมากมายในการสร้างเนื้อสร้างตัว แต่ฉินเฟยก็ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่
โหดเหี้ยมอำมหิต ผู้ชายควรเป็นแบบนี้ ที่ควรโหดก็ต้องโหด ถ้าไม่โหดแล้วจะหาเงินได้อย่างไร
เพียงแต่ว่าคนที่อยู่รอบตัวซุนเย่าเหวิน มีคนดีอยู่ไม่กี่คน
ภรรยาของเขาโจวฉ่ายเวยไม่ใช่คนดีอะไรนัก ยิ่งกว่านั้นเธอยังมีน้องชายที่ไม่เอาถ่าน ก็คือซุนเย่าอู่ที่พ่อบ้านซุนเรียกว่าท่านสามเมื่อคืนนี้!
ถ้าไม่มีซุนเย่าเหวิน ซุนเย่าอู่ก็ไม่เป็นโล้เป็นพาย
แต่ซุนเย่าเหวินก็ดูแลน้องชายของเขาเป็นอย่างดี มันเกี่ยวข้องกับซุนเย่าฉวนที่ตายไปแล้ว
ตระกูลซุนมีบุตรชายทั้งหมดสามคนคือ ซุนเย่าฉวน ซุนเย่าเหวิน และซุนเย่าอู่ ซุนเย่าเหวินเริ่มต้นได้ดีกับลู่เจี้ยน แต่เส้นทางที่ผ่านมานั้นไม่ง่ายเลย แม้แต่ซุนเย่าฉวนพี่ชายคนโตของเขาก็ตายเพราะมัน หลังจากซุนเย่าฉวนตาย พี่ชายรองอย่างเขาจึงกลายเป็นพี่ชายคนโต อีกอย่างซุนเย่าอู่ก็เป็นน้องชายแท้ๆ จึงย่อมดูแลเขาเป็นอย่างดี
แต่ว่าสิ่งที่ซุนเย่าเหวินไม่รู้ก็คือ ปากท้องของตนขึ้นอยู่กับน้องชายของเขา ยังมีความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่อีกด้วย!
ไม่ใช่ มันคือความทะเยอทะยานอันสูงเสียดฟ้า!
ซุนเย่าเหวินมีปัญหาแล้ว แถมยังเป็นปัญหาใหญ่มากเสียด้วย!
มีปัญหาเกิดขึ้นกับภรรยาและน้องชายของเขา!
นวนิยายที่น่าอ่านที่สุดล้วนอยู่ในเว็บไซต์นวนิยายใหญ่ๆ:
อันที่จริงครอบครัวของซุนเย่าเหวินเป็นคนตงไห่ เกิดมาเป็นพวกเด็กแว๊น ใช้ชีวิตด้วยการดักตีปล้นเงินคนอื่น ต่อมาได้ไปล่วงเกินพวกคนใหญ่คนโต จึงได้หนีมาหลบซ่อนในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในซงไห่ หลบซ่อนตัวเป็นเวลาสามปีเต็มๆ หลังจากที่รู้ว่าคนใหญ่คนโตคนนั้นพ่ายแพ้อย่างราบคาบแล้ว จึงเดินออกมาด้วยความสบายใจ
ซุนเย่าเหวินเป็นคนยึดมั่นในสัจจะ รู้จักวิธีพูดและทำสิ่งต่างๆ เขามาถึงซงไห่ตัวเปล่า เขายังทำอาชีพเก่าของเขา แต่การพัฒนาเมืองในช่วงสามปีที่ผ่านมา มันไม่ใช่ยุคที่เขาจะดักตีปล้นคนอื่นเหมือนเดิมแล้ว
ถ้าจะบอกว่าคนแรกที่มาถึงซงไห่ก็คือซุนเย่าฉวนพี่ชายคนโตของเขา ซุนเย่าเหวินที่กำลังไม่มีทางไปได้ตามหาพี่ชายคนโตของเขาจนพบ ทั้งสองคนชักชวนพี่น้องอีกจำนวนหนึ่งมาเริ่มต้นธุรกิจรื้อถอน เริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวจากตรงนี้
ต่อมาสองพี่น้องได้ก่อตั้งลู่เจี้ยน กรุ๊ปขึ้นมา ประธานคือซุนเย่าฉวนที่ทำงานอย่างสุขุม แต่ต่อมาในขณะที่กำลังแข่งขันเสนอราคาในโครงการใหญ่โครงการหนึ่ง ซุนเย่าฉวนได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
หลังจากการเสียชีวิตของซุนเย่าฉวน ซุนเย่าเหวินก็แบกรับความรับผิดชอบอันหนักหน่วงในการพัฒนาลู่เจี้ยน กรุ๊ป และพัฒนาทีละก้าวจนถึงปัจจุบัน
แน่นอน การตายของซุนเย่าฉวนไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการจงใจฆ่าโดยคู่แข่งของเขา ซุนเย่าเหวินหาตัวฆาตกรจนพบเมื่อแปดปีก่อน และได้ทำให้เขาหายสาบสูญไปจากโลกนี้อย่างสมบูรณ์
และทั้งหมดนี้ไม่มีปัญหาตามมา!
ปัญหานั้นเกิดขึ้นเมื่อพี่น้องสองคนของซุนเย่าเหวินรื้อบ้าน แล้วเกิดอุบัติเหตุ!
การรื้อถอนไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในสายอาชีพเดียวกันที่มีการแข่งขันรุนแรงมาก ใครมีอำนาจมาก มีลูกสมุนเยอะ โหดเหี้ยมมากพอ ก็จะสามารถครอบครองเครือข่ายการรื้อถอนใหญ่ๆ เหล่านั้น
ตอนอายุยี่สิบหก ซุนเย่าเหวินเกือบถูกฟันตายข้างถนน จนกระทั่งมีตำรวจลาดตระเวนอยู่รอบๆ คนที่ฟันเขาจึงตกใจกลัววิ่งหนีไป
ในตอนนั้นซุนเย่าเหวินถูกแทงมากกว่า 30 แผล โชคดีที่เห็นได้ชัดว่าฆาตกรไม่ได้ต้องการฆ่าเขา เพียงแค่ตักเตือนเขาเท่านั้น แต่เขาเกือบเสียชีวิตเพราะเสียเลือดมากเกินไปและถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล
เขานอนอยู่โรงพยาบาลมาครึ่งปีเต็มๆ ตอนที่ออกจากโรงพยาบาลหมอเคยบอกกับเขาว่า ชีวิตนี้เขาน่าจะมีลูกได้ยากแล้ว
หมอไม่ได้พูดโกหก
ความจริงแล้วซุนเย่าเหวินมีบุตรยากตั้งแต่นั้นมา เขาวิ่งไปโรงพยาบาลใหญ่ทุกแห่งทั้งในและต่างประเทศ ทั้งแพทย์แผนจีนและแพทย์แผนตะวันตกก็ไม่มีทางใดที่จะรักษาได้ ลองมาหลายวิธีแล้วแต่ก็ไม่สำเร็จ
แต่เมื่อเขาประสบความสำเร็จและไม่มีทายาท เรื่องนี้กลายเป็นความกังวลที่สุดของเขา