ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) - บทที่ 54 พล็อตเรื่องผกผัน (3)
ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) บทที่ 54 พล็อตเรื่องผกผัน (3)
เห็นทั้งสองคนเดินเข้าห้องวีไอพีไปแล้ว เจียงเยว่ถงก้มหน้ามองอาหารที่ตัวเองชอบสามสี่อย่างบนโต๊ะอาหารแวบหนึ่งแล้ว แต่เพราะว่าใจลอย ไม่มีอารมณ์ทานอาหารจริงๆ
เรื่องฉาวในบ้านอย่าเล่าให้คนอื่นฟัง หากว่าเรื่องนี้ถูกกระจายออกไป งั้นเขาซุนเย่าเหวินกลายเป็นที่น่าหัวเราะเยาะในซงไห่แล้วจริงๆ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่นแอบฟัง การเหมาห้องวีไอพีเป็นสถานที่ที่ดีที่สุด
หลังจากที่ทั้งสองคนเข้าห้องวีไอพีไป ไม่นานก็มีบอดี้การ์ดสี่คนคุ้มกันไว้หน้าห้องวีไอพีอย่างแน่นหนา เห็นได้ชัดว่าเป็นคำสั่งพิเศษของซุนเย่าเหวิน
เจียงเยว่ถงมองไปยังประตูห้องวีไอพีที่ปิดสนิท สายตาก็เปลี่ยนเป็นประหลาดใจอีกแล้ว
คิดไม่ถึงว่าจะพูดคุยเป็นการส่วนตัว?แถมยังเป็นความลับขนาดนี้?
ถ้าหากพูดว่าความอยากรู้ในเมื่อก่อนของเจียงเยว่ถงถึงจุดสูงสุดแล้ว ในเวลานี้ ความอยากรู้ของเธอยิ่งจะถึงขอบเขตที่จะระเบิดแล้วโดยสิ้นเชิง!
เธอตัดสินใจ รอฉินเฟยออกมา จะต้องซักถามให้สารภาพออกมา!
……
……
นี่เป็นห้องวีไอพีขนาดเล็ก ตกแต่งอย่างงดงามประณีต
หลังจากซุนเย่าเหวินเดินเข้าไป เดินไปข้างหน้าต่างเพื่อปิดหน้าต่างให้สนิทก่อนแล้ว
หันกลับมานั่งบนโซฟา ลูบกล่องบุหรี่ด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก จุดบุหรี่หนึ่งมวน โยนบุหรี่ให้ฉินเฟยทั้งกล่องทันที
เพราะว่าเมื่อก่อนอยากมีลูกและไม่มีลูกมาตลอด ซุนเย่าเหวินเลิกบุหรี่ไปตั้งนานแล้ว และหลังจากมีลูกแล้ว กลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของลูก ปกติก็สูบน้อยอย่างมาก จะบังคับตัวเองให้สูบมากที่สุดวันละ2-3มวน
แต่ว่าเขาจะพกบุหรี่สติดตัวไว้หนึ่งกล่องเป็นปกติ ประเด็นหลักคือเตรียมไว้ให้ลูกค้าในการพบปะสังสรรค์ที่ไปมาหาสู่กัน
และเขาโยนบุหรี่ให้ฉินเฟยทั้งกล่อง ดูเหมือนว่าเป็นการกระทำตามอารมณ์ แต่กลับว่ามองฉินเฟยว่ามีฐานะเท่ากันกับตัวเองแล้ว
ซุนเย่าเหวินพ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นวงแหวนอย่างเงียบๆ สายตามองไปยังฉินเฟยอีกครั้ง……
“ผมไม่สูบุหรี่”ฉินเฟยยื่นมือออกไปค่อยๆผลักกล่องบุหรี่ไปตรงหน้าของซุนเย่าเหวินอีก พูดออกเสียงว่า : “เถ้าแก่ซุนนี่คือเชื่อในคำพูดของผมแล้วเหรอ”
“ไม่ได้เชื่อทั้งหมด แต่ว่าอย่างน้อยก็มีอย่างหนึ่งที่นายพูดถูกแล้ว เธอพูดโกหกกับฉันแล้ว อีกอย่างฉันเพิ่งถามคนเขามา โจวต้าเฉียงไม่ใช่น้องชายแท้ๆของเธอจริงๆด้วย”ซุนเย่าเหวินพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ฟังน้ำเสียงไม่ออกว่าอารมณ์ไหน
เรื่องที่ทั้งสองคนไม่ใช่พี่น้องแท้ๆจริงๆแล้วก็ไม่ได้เป็นความลับอะไร คนในหมู่บ้านของพวกเขาส่วนใหญ่ก็รู้กันหมด แค่ถามก็รู้แล้ว เพียงแค่ซุนเย่าเหวินไม่ได้ตรวจสอบเรื่องนี้เป็นพิเศษ รู้เพียงแค่ว่าโจวฉ่ายเวยเกิดในครอบครัวชนบทธรรมดาๆ แต่ว่าตอนนั้นโจวฉ่ายเวยคลอดลูกชายให้เขา อีกอย่างตรวจDNAแล้วเป็นลูกชายของตัวเอง ก็ยิ่งไม่สนใจอย่างอื่นแล้ว
นี่ก็เป็นเรื่องปกติ
อีกอย่าง ตอนนี้ซุนเย่าเหวินยังคงไม่เต็มใจที่จะเชื่อ ถึงยังไงจะมีใครยอมรับว่าตัวเองถูกสวมเขามานานถึงเจ็ดปี ถึงขั้นเลี้ยงลูกของคนอื่นมาเจ็ด ปีแล้วบ้างล่ะ?
ยิ่งไปกว่านั้น เป้าหมายสุดท้ายที่ทำเรื่องทั้งหมด คือการวางแผนเพื่อให้ได้ทรัพย์สิน!
ส่วนเรื่องอื่นๆ ซุนเย่าเหวินยังคงตรวจสอบ
จริงๆตอนนี้เขากำลังรอผล อีกอย่างอยากจะรู้ว่าฉินเฟยยังรู้เรื่องอะไรอีกบ้าง
ตัวฉินเฟยเองเดิมทีก็ทำให้เขารู้สึกลึกลับอยู่แล้ว ส่วนเศษสวะชนบทในข่าวลือ เขาไม่เชื่อเลยสักนิด
คุณภาพทางจิตและวิธีการจัดการเรื่องเช่นนี้ ถิ่นเกิดไม่ธรรมดาแน่นอน!
“ฉันยังมีบางอย่างที่อยากรู้ นายรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไงกัน?”ซุนเย่าเหวินมองฉินเฟยพร้อมพูดถาม สายตาเฉียบคม เหมือนว่ามองเขาออกหมดทุกอย่าง : “นายเป็นใคร ทำไมต้องบอกเรื่องพวกนี้กับฉันด้วย?”
“เถ้าแก่ซุน จริงๆแล้วสิ่งที่ผมรู้ไม่ใช่แค่เรื่องเหล่านี้ แต่ผมเชื่อว่าคุณเองก็รู้สึกได้ เรื่องในวันนี้แม้ว่าจะมีส่วนที่บังเอิญอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้บังเอิญทั้งหมด ผมแค่อยากจะยืมใช้โอกาสนี้แสดงความเป็นมิตรกับเถ้าแก่ซุน พวกเราไม่ใช่ศัตรูกัน ”
“แน่นอน พวกเราไม่ใช่อยู่แล้ว”ซุนเย่าเหวินพยักหน้า
เขาก็ไม่ใช่คนโง่ เข้าใจได้ว่าวิธีการทำของฉินเฟยนั่นคือกำลังช่วยเหลือตัวเองอยู่ ไม่เช่นนั้นรอเขาอายุหนึ่งร้อยปี ตระกูลซุนที่เขาพยายามอย่างหนักมาทั้งชีวิต บางทีอาจจะเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลแล้วจริงๆ
“ส่วนผม เป็นเพียงแค่เศษสวะตระกูลเจียงที่แต่งงานเข้าบ้านฝ่ายหญิงเท่านั้น เถ้าแก่ซุนไม่จำเป็นต้องสนใจ อีกอย่าง ตอนนี้คุณควรที่จะเป็นกังวลเรื่องของตัวเองมากกว่า”
ซุนเย่าเหวินมองไปยังฉินเฟย เห็นเขามักจะมีท่าทางที่ยิ้มกริ่มและเงียบสงบอยู่เสมอ
เขามองวัยรุ่นผู้นี้ไม่ออก!
ฉินเฟยทำให้เขาค่อนข้างรู้สึกแปลกประหลาด กี่ปีแล้ว น้อยมากที่จะมีคนกล้าใช้น้ำเสียงเช่นนี้กับเขา
โทนเสียงและความสุขุมนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปมีได้
และเจียงเฟิ่งหยุนเกิดเป็นทหาร ลูกสาวของเขาโดดเด่นมากแค่ไหน สวยแค่ไหนล้วนแต่เห็นประจักษ์ชัดแจ้งกันทั่วทุกคน จะแต่งงานกับเศษสวะได้ยังไงกัน?
ซุนเย่าเหวินคาดเดาเบื้องหลังของฉินเฟยอยู่ในใจ แม้ว่าวันนี้ชายหญิงเท่าเทียมกัน มีความรักอย่างอิสระ แต่นั่นเป็นเพียงแค่สำหรับคนธรรมดาทั่วไปเท่านั้น และในตระกูล แทบจะน้อยมากที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ยังจะต้องให้ความสนใจกับครอบครัว ฐานะทางสังคมของชายและหญิงที่จะสมรสกัน
ไม่ว่ายังไงตระกูลเจียงก็เป็นตระกูลที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง เจียงเยว่ถงเป็นสาวสวยอันดับหนึ่งในรุ่นนี้ของตระกูลเจียงอีก ไม่เพียงแค่หน้าตาสละสลวย แถมยังมีความสามารถโดดเด่น จะแต่งงานกับคนธรรมดาได้ยังไงกัน?
และฉินเฟย มาจากตระกูลใหญ่ หรือไม่ก็มีสถานะที่พิเศษ
แต่ว่า สิ่งเหล่านี้ซุนเย่าเหวินไม่ได้สนใจเลย
เขาคบหาเพื่อนไม่เคยดูพื้นฐานทางครอบครัวของอีกฝ่ายเลย เพราะงั้นฉินเฟยมีตัวตนอะไรกันแน่ เขาแค่อยากรู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อีกอย่าง ตอนนี้เขาสนใจเรื่องของตัวเองมากกว่า
“เรื่องนี้……นายเคยพูดกับคนอื่นบ้างไหม?”ซุนเย่าเหวินพูดถามอีกครั้ง
“ไม่เคยนะ”ฉินเฟยส่ายหน้าพร้อมพูด: “แต่ว่า เมื่อกี้เยว่ถงมาขึ้นมาแล้ว”
ฉินเฟยพูดด้วยความสัตย์จริง พูดคุยกับคนอย่างซุนเย่าเหวินแบบนี้ ถ้าหากไม่มีความมั่นใจที่แท้จริง งั้นทางที่ดีที่สุดคือซื่อสัตย์หน่อย
ซุนเย่าเหวินสูดลมหายใจเข้าลึก โบกไม้โบกมือพร้อมถอนหายใจเบาๆ : “ได้ทั้งนั้น บนโลกใบนี้ไม่มีความลับ ถ้าหากเหมือนอย่างที่นายพูดมาจริงๆ เรื่องนี้จะต้องมีวิธีจัดการ สักวันหนึ่งก็ต้องมีคนรู้เรื่องเข้า”
ฉินเฟยพยักหน้า
และซุนเย่าเหวินพูดจบ ก็ไม่พูดอีก
เห็นได้ชัดว่า ตอนนี้ความคิดของเขาสับสนวุ่นวายไปหมด
“งั้นคุณคิดที่จะวางแผนจัดการยังไง?โดยเฉพาะ……เด็กคนนั้น?”ฉินเฟยพูดถาม
ซุนเย่าเหวินเงียบครู่หนึ่งแล้ว ยังคงเงียบขรึมเช่นเคย เจ็ดปีที่ผ่านมานี้ เขารักลูกชายดั่งของล้ำค่ามาตลอด คนภายนอกต่างก็ทราบกันดี
ยิ่งไปกว่านั้น คนเราล้วนแต่มีความรู้สึกกันทั้งนั้น เขาถึงขั้นจินตนาการภาพฉากทุกครั้งที่ตัวเองกลับบ้าน ลูกชายก็จะวิ่งมากอดเขาอย่างมีความสุขพร้อมเรียกว่าพ่อได้
แต่ รักมากแค่ไหน ก็เกลียดมากแค่นั้น!
เขาที่ความคิดสับสนวุ่นวาย ก็ยากที่จะพูดในทันที อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง : “เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของฉันจริงๆเหรอ?”
ซุนเย่าเหวินถึงขั้นไม่รู้ว่า ทำไมจู่ๆตัวเองได้ถึงเชื่อคำพูดของฉินเฟยขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าคำพูดของฉินเฟย ปลดล็อกปัญหาที่เขาคิดไม่ออก และจุดที่แปลกประหลาดชวนให้คนสงสัยต่างๆตลอดหลายปีที่ผ่านมาแล้ว……
ตอนที่ฉินเฟยพูดว่าโจวฉ่ายเวยไม่ได้เป็นพี่น้องแท้ๆกับโจวต้าเฉียง และหลังจากที่ตัวเองได้ตรวจสอบเพื่อยืนยันแล้ว ในเวลานี้ก็สามารถอธิบายออกมาได้ทั้งหมดแล้ว
แต่เขาก็ยังไม่เต็มใจที่จะเชื่อ ว่าไม่ใช่ลูกของตัวเอง เพราะว่าเป็นแบบนี้เขาก็มีทายาทแล้ว สามารถสืบทอดกิจการพื้นฐานที่ตัวเองทำงานอย่างหนักมาทั้งชีวิตได้แล้ว
“ไม่ใช่ลูกของคุณ” ฉินเฟยพูดยืนยันอย่างมาก เขารู้ว่าความลับที่ตัวเองพูดออกมาได้เปิดบาดแผลของซุนเย่าเหวินโดยสิ้นเชิงแล้ว และก็โรยเกลือบนบาดแผลอย่างไม่สนใจอีก: “จริงๆที่โจวฉ่ายเวยพึ่ง
พาคนที่มีอำนาจอย่างคุณก็เป็นเพียงแค่อุบัติเหตุ ลูกเป็นลูกของโจวต้าเฉียง เริ่มแรกเธอไม่อยากคลอดออกมาด้วยซ้ำ แค่อยากจะหาเถ้าแก่อ้างเรื่องตั้งครรภ์อย่างไม่คาดคิดเพื่อหลอกเอาเงินสักก้อน กลับมาพบเจอคุณเข้าพอดี……จริงๆคุณเองก็รู้ว่าตัวคุณนั้นมีปัญหาเรื่องสุขภาพมากแค่ไหน คุณมีลูกไม่ได้ด้วยซ้ำ นอกจากจะเกิดเรื่องปาฏิหาริย์”
และส่วนใหญ่ที่เรียกว่าปาฏิหาริย์
เป็นสิ่งที่คนทำขึ้นมาทั้งนั้น!
ซุนเย่าเหวินสูบบุหรี่อย่างหนักหน่วงแล้ว ควันบุหรี่อบอวลในดวงตา ปรากฏเส้นเลือดออกมา สีหน้าของเขาไม่สู้ดีมาก นั่งพิงบนเก้าอี้สายตาเหม่อลอยไร้จุดโฟกัส
“ติ๊ง…..”เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแล้ว
เหมือนว่าซุนเย่าเหวินแทบจะอดใจรอไม่ไหว รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาดู บนมือถือมีเพียงหนึ่งประโยค : “รูปภาพได้รับการยืนยันแล้ว ภรรยาของคุณเคยทำแท้งเมื่อสามปีก่อนจริงๆ”
หนึ่งประโยคสั้นๆ ซุนเย่าเหวินกลับว่าใช้เวลาอ่านห้านาทีเต็มๆแล้ว ไม่ขยับ เหมือนกับรูปประติมากรรมที่ไร้ซึ่งลมหายใจใดๆเลย
ทั้งหมดนี้ล้วนแต่ได้รับการยืนยันแล้ว ก็ขาดแค่ตรวจDNAใหม่อีกครั้ง แต่ในใจของเขารู้ว่า ตรวจDNAใหม่อีกครั้ง เพียงแค่จะทำให้เขาทุกข์ทรมานใจมากยิ่งขึ้น
เขากดนิ้วมือทั้งห้านิ้วลงไปในเส้นผมอย่างลึกๆ
สิ่งที่เรียกว่าความสุข ทุกอย่างในวันนี้มันกลายเป็นความว่างเปล่าทั้งหมด
“ขอบคุณนะน้องรัก” ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้ว ซุนเย่าเหวินเงยหน้าขึ้น ยื่นมือตบที่ไหล่ของฉินเฟย เบ้าตาแดงก่ำ
แม้ว่าฉินเฟยเปิดรอยแผลของเขาแล้ว แต่ก็ถือว่าช่วยเขาไว้แล้ว ช่วยตระกูลซุนแล้ว!
แม้ว่าตอนนี้เขาทุกข์ทรมานมาก แต่ยังรู้เหตุรู้ผล
เดิมทีเขากับโจวแยเวนก็เป็นสามีแก่กับภรรยาสาว อายุห่างกันเกือบ 30 ปี ถ้าหากไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น คนที่จากโลกนี้ไปก่อนก็เป็นเขาแน่นอน
และในช่วงเวลาที่เขายังมีชีวิตอยู่ ภรรยาของตัวเองถูกโจวต้าเฉียงแทะโลมอยู่ตลอด หลังจากที่ตัวเองตายไป งั้นทั้งสองคนก็ยิ่งจะกำเริบเสิบสาน กิจการพื้นฐานของตระกูลซุนก็ถูกลูกชายของคนอื่นสืบทอดต่อ……
แม้ว่าตายเขาก็ยากที่จะนอนตายตาหลับ!
แต่ว่า เรื่องจริงเช่นนี้ เขาก็ยากที่จะยอมรับได้เช่นเคย!
ซุนเย่าเหวินคนทั้งคนเหมือนแก่หง่อมลงสิบกว่าปีแล้ว หยิบกล่องบุหรี่คาบบุหรี่ไว้หนึ่งมวน ในมือค่อนข้างสั่นเทาแล้ว
ฉินเฟยรู้ ซุนเย่าเหวินเคยติดบุหรี่หนักมาก
จุดบุหรี่ ซุนเย่าเหวินสูบเข้าไปอย่างลึกๆ ตอนนี้ความคิดของเขาสับสนวุ่นวายมาก ถึงขั้นไม่รู้ว่าต่อไปตัวเองควรจะทำยังไง
เหมือนว่าเขาจะไม่มีเรี่ยวแรงเลยทันที ไม่มีการค้ำยันแล้ว
เขาต้องการยาสูบมาช่วยผ่อนคลายความกดดันที่มีมากมหาศาลในใจของตัวเอง
“คุณช่างโชคดีมากจริงๆ”ฉินเฟยยิ้มเล็กน้อย
ซุนเย่าเหวินเงยหน้าขึ้นเบาๆ สายตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือกหรี่ลงเล็กน้อยแล้ว นี่ฉินเฟยกำลังขอความดีความชอบจากตัวเองเหรอ?
“คำพังเพยพูดไว้ดีมาก ขอเพียงให้มุมานะพยายาม สวรรค์ก็จักช่วยให้ประสบความสำเร็จ” ฉินเฟยยังคงเผยรอยยิ้ม บนใบหน้า เอียงศีรษะมอง ซุนเย่าเหวินที่ใบหน้าเสื่อมโทรมพร้อมพูดว่า : “คุณยังจำเสิ่นเสวี่ยเหมยได้ใช่ไหม?”
ซุนเย่าเหวินตกตะลึง มองไปยังฉินเฟย
มองเขาอยู่ตลอด สามนาทีเต็มๆ
สายตาผิดปกติ
“เหลือเชื่อมาก นายรู้ความลับมากมายขนาดนี้ได้ยังไงกัน แต่ดูนายแล้วอายุก็ไม่น่าเกินยี่สิบต้นๆ นายรู้จักเธอได้ยังไง?”ซุนเย่าเหวินพูดถาม สายตาค่อนข้างซับซ้อน
เสิ่นเสวี่ยเหมย หนึ่งในผู้หญิงจำนวนมากของซุนเย่าเหวิน แต่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ซุนเย่าเหวินจำได้แม่นเป็นพิเศษ
“ผมไม่เพียงแค่รู้จักเธอนะ ผมยังรู้ว่าผู้หญิงที่ในใจของคุณรู้สึกติดค้างที่สุดในชีวิตนี้ ก็คือเธอ”
ฉินเฟยยิ้มเล็กน้อย เหมือนว่าไม่เห็นอันตรายจากนัยน์ตาของซุนเย่าเหวิน : “ตอนนั้นคุณแอบใช้อุบายสกปรกและได้ไปล่วงเกินคนเขาเข้าแล้ว หลบซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ที่มีชื่อว่าหมู่บ้านตระกูลหวัง มณฑลโจวหยางทางทิศใต้ของซงไห่ เมื่อหลบซ่อนก็หลบซ่อนตัวเป็นเวลาสามปี คุณรักผู้หญิงคนหนึ่งจากที่นั่นแล้ว มีชื่อว่าเสิ่นเสวี่ยเหมย ” ฉินเฟยพูดกล่าว