ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) - บทที่ 68 เสิ่นเจียเหวินยอมพลีกายเองเลย (4)
เมื่อเสิ่นเจียเหวินพูดจบก็ตกใจกับคำพูดนั้นของตัวเอง
พระเจ้า ตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่เนี่ยะ ชายหนุ่มเบื้องหน้าผู้นี้เป็นประธานกรรมการบริหารของตัวเองนะ ถึงแม้ทั้งสองคนจะถือว่าคุ้นเคยกัน แต่ก็ยังไม่คุ้นเคยถึงขั้นนั้น ฉินเฟยจะคิดไหมว่าตัวเองนั้นเป็นผู้หญิงที่เอ้อระเหยลอยชาย ตั้งใจที่จะดึงดูดล่อลวงเขา?
ฉินเฟยเองก็ตกใจกับคำพูดของเสิ่นเจียเหวินเหมือนกัน พร้อมกับหันหน้ามองไปที่เสิ่นเจียเหวินอย่างเหลือเชื่อ “ฉันไม่ได้มีความหมายอะไรอื่น ฉันก็ถือว่าเพิ่งจะมาซงไห่ได้ไม่นาน ไม่รู้ว่าที่ไหนมีโรงพยาบาลกระดูกและข้อที่ดีบ้าง ถ้าหากนายไม่สะดวกก็ช่างเถอะ ฉันคิดว่าจะต้องสามารถหาโรงพยาบาลนวดที่ดีได้อยู่แล้ว” เสิ่นเจียเหวินถูกฉินเฟยมองจนหัวใจเต้นแรงขึ้นชั่วขณะ พร้อมกับหลบสายตาของฉินเฟยแล้วมองออกไปที่ด้านนอกหน้าต่าง
“ฉันเองก็ไม่ได้ว่าจะไม่สะดวก อีกทั้งก่อนหน้านี้คุณได้เคยสอนอะไรฉันหลายอย่าง นอกจากนี้ การที่สามารถให้บริการกับผู้หญิงที่สวยงามอย่างคุณนี้ก็ถือเป็นเกียรติของฉันด้วย เหอะเหอะ”
ฉินเฟยเองก็รู้สึกว่าบรรยากาศเก้อเขินเล็กน้อย จึงได้ส่ายมือไปมาอย่างไม่สนใจและพูดขึ้นว่า: “คุณอยู่ตรงนี้ก่อนห้ามขยับไปไหน ฉันจะออกไปด้านนอก สักครู่ก็จะกลับมา”
เมื่อฉินเฟยพูดจบ ก็หยิบกุญแจบ้านบนโต๊ะนั่งเล่นแล้วก็หันหลังเดินจากไป
เสิ่นเจียเหวินเงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ แต่ฉินเฟยกลับวิ่งออกไปแล้ว เหมือนจะเก้อเขินอับอาย
จนกระทั่งได้ยินเสียงของลิฟท์ดังขึ้น เสิ่นเจียเหวินก็รู้ว่าฉินเฟยลงไปชั้นล่างแล้ว อดไม่ได้จึงหัวเราะก๊ากออกมา และพูดบ่นในใจ ทำไมถึงทำว่าตัวเองเหมือนกับเป็นหญิงดุร้ายอย่างไรอย่างนั้น มันน่าตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ?
แต่ว่า ฉินเฟยคงจะไม่วิ่งออกไปแล้วไม่กลับมาหรอกนะ?
ร้านค้าด้านนอกของแต่ละหมู่บ้านหรู รอบข้างจะมีร้านยาหรือคลินิกทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่อยู่
ฉินเฟยลงมาจากตึกแล้วก็วิ่งเข้าไปในร้านยา ซื้อพวกยาน้ำและยาครีมที่จำเป็น จากนั้นก็รีบวิ่งออกมา ขณะที่จะวิ่งกลับไปที่หมู่บ้านนั้นก็พลันนึกอะไรขึ้นได้ ก็เลยรีบวิ่งค้นหาไปตามร้านค้าอย่างรวดเร็ว
เสิ่นเจียเหวินนั่งอยู่บนโซฟาโดยที่ไม่กล้าขยับเขยื้อน สิบกว่านาทีผ่านไป ในขณะที่เธอนึกว่าฉินเฟยได้หลบหนีไปแล้วนั้น ก็ได้ยินเสียงลิฟท์รวมถึงเสียงกุญแจเปิดประตู “กร็อกแกร็ก” ขึ้น
เมื่อประตูบ้านออก ฉินเฟยก็ถือถุงใหญ่สองถุงเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก็เพราะความที่รีบร้อน จึงมีเหงื่อไหลออกมาบนหน้าผาก แล้วก็นำสองถุงใหญ่นั้นวางลงไปบนโต๊ะนั่งเล่นด้านหน้าของเสิ่นเจียเหวิน
“นายออกไปซื้ออะไรมาเหรอ? ” เสิ่นเจียเหวินมองไปที่โต๊ะนั่งเล่นอย่างอยากรู้อยากเห็น และถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“ไปซื้อน้ำแข็งมา หลังจากที่นวดแล้วก็ใช้ประคบเย็นตรงที่บาดเจ็บสักครู่ จะช่วยฟื้นฟูหายได้เร็วขึ้น และยังจะช่วยลดความเจ็บปวดได้ด้วย” ขณะที่ฉินเฟยพูด ก็ได้ค้นหาสิ่งของที่ต้องใช้ออกมา
“นายคงเหนื่อยเลยสิ? ตอนนี้เท้าของฉันไม่ได้เจ็บปวดอะไรมาก ที่จริงไม่ต้องรีบร้อนขนาดนี้ก็ได้ นายพักผ่อนสักครู่ก่อนก็ได้นะ” เสิ่นเจียเหวินมองไปยังฉินเฟยที่กำลังยุ่งวุ่นวาย จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น
“ไม่เป็นไร แม้ว่ากระดูกข้อเท้าของคุณจะกลับเข้าที่แล้ว แต่ก็ยังบาดเจ็บหนักอยู่ดี เส้นเอ็นฉีกขาดอย่างรุนแรง จำต้องรีบรักษาโดยเร็วที่สุด พวกเราเสียเวลามานานมากพอแล้ว รีบทำเวลากันเถอะ” ฉินเฟยนำสิ่งของที่จำเป็นวางเรียงกันบนโต๊ะนั่งเล่น
ฉินเฟยสูดหายใจลึก แล้วยื่นมือออกมาจับเท้าที่ขาวนวลของเสิ่นเจียเหวิน พร้อมกับนำยาน้ำที่ได้ทำการผสมตามสัดส่วนเรียบร้อยแล้วเทราดลงไปบนบริเวณที่บาดเจ็บของเธอ มือซ้ายค้ำยันที่ฝ่าเท้า ส่วนมือขวาก็ทำการนวดด้วยเทคนิคพิเศษอย่างชำนาญ
เสิ่นเจียเหวินมองไปยังฉินเฟยที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ด้านหน้าของตัวเอง และทำการนวดให้กับตัวเองอย่างตั้งใจนั้น ก็รู้สึกว่ามีความชาออกมาจากบริเวณที่บาดเจ็บนั้น แล้วก็ยังมีความรู้สึกเย็นสบายจากยาน้ำด้วยเล็กน้อย ซึ่งไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอะไรเลย กลับยังรู้สึกสบายอย่างมากด้วย
“ฮึ……” จากเทคนิคการนวดที่รวดเร็วและชำนาญของฉินเฟยนั้น เสิ่นเจียเหวินที่รู้สึกถึงความสบายเป็นระยะ ก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องขึ้นอย่างกะทันหัน
“ทำไมเหรอ หรือว่าทำให้คุณเจ็บแล้ว? ” ฉินเฟยเงยหน้าถามขึ้น
“เปล่า ไม่มีอะไร นายนวดต่อเถอะ” เสิ่นเจียเหวินสีหน้าแดงก่ำ และรีบเคลื่อนหนีสายตา โดยนึกถึงเมื่อครู่ที่ทั้งสองสนทนากันแล้ว ใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นชั่วขณะ
แต่เสิ่นเจียเหวินเองก็รู้ว่าคำพูดของฉินเฟยนั้นไม่ได้เป็นการจงใจยั่วยุ จึงไม่ได้เกิดความโกรธอะไร
ผ่านไปครู่หนึ่ง สายตาของเสิ่นเจียเหวินก็มองไปที่ร่างของฉินเฟยอีกครั้ง เด็กหนุ่มเบื้องหน้าคนนี้ก็ไม่ถึงกับว่าหน้าตาดีอะไรนัก ก็แค่มีความใสซื่อบริสุทธิ์ บางทีหนุ่มหน้าใสแบบนี้อาจจะเป็นที่ดึงดูดของหญิงสาวจำนวนมาก แต่เสิ่นเจียเหวินไม่ค่อยชื่นชอบ
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เสิ่นเจียเหวินจะชอบผู้ชายในแบบที่เต็มไปด้วยความเป็นผู้ชาย เผด็จการและแข็งแกร่ง เนื่องจากนิสัยบุคคลิกของเสิ่นเจียเหวิน ที่ปกติมักจะชอบหยอกล้อประธานกรรมการบริหารหนุ่มหน้าใสผู้นี้อยู่บ้าง ซึ่งการพูดคุยทั่วไปนั้นก็เพียงแค่ต้องการกระชับความสัมพันธ์ของตัวเองกับประธานกรรมการบริหาร
แต่การแสดงออกในวันนี้ของฉินเฟย กลับทำให้เธอต้องทำความรู้จักกับฉินเฟยเสียใหม่แล้ว
เมื่อเห็นเขานวดให้กับตัวเองอยู่อย่างตั้งใจ และนึกถึงภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉินเฟยโอบอุ้มตัวเองเดินขึ้นมาชั้นสิบเอ็ดแล้ว รวมถึงเงาร่างที่เขาวิ่งออกไปซื้อยาอย่างเร่งรีบและวิ่งกลับมานั้น ในจิตใจบางจุดของเสิ่นเจียเหวิน ก็พลันหวั่นไหวขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
นี่คือเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว
เทคนิคการนวดของฉินเฟยไม่ได้เรียนรู้มาจากหมอนวด แต่เรียนรู้มาจากครูฝึกทหารของเขา โดยได้ฟังครูฝึกสอนทหารพูดว่า นี่เป็นเทคนิคการนวดพิเศษที่เกิดจากการค้นคว้าทดสอบด้วยตนเอง มานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งมีประสิทธิภาพที่ดีมาก โดยนวดเบา ๆ ก่อนแล้วค่อยลงแรงหนัก จากนั้นก็เปลี่ยนจากแรงนวดที่หนักเป็นเบา สลับไปสลับมา ผ่านไปนานเกือบครึ่งชั่วโมง ฉินเฟยจึงได้หยุดการนวดลง แล้วก็ถอนหายใจยาว
เทคนิคการนวดนี้มองดูแล้วเหมือนจะง่าย แต่ต้องตั้งใจอย่างที่สุด โดยเฉพาะข้อเท้าของเสิ่นเจียเหวินที่บาดเจ็บอย่างหนัก จะต้องควบคุมแรงนวดให้เหมาะสม เวลานี้ฉินเฟยเหน็ดเหนื่อยจนเหงื่อไหลท่วมตัวไปหมด
เขาเตรียมที่จะยื่นมือออกไปเช็ดหงื่อบนใบหน้า แต่ก็มีมือขนาดเล็กที่รวดเร็วกว่าเขาพุ่งแตะไปยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อก่อนแล้ว……
เสิ่นเจียเหวินเองก็ตกใจขึ้นกับการกระทำภายใต้จิตสำนึกของตัวเอง จึงรีบดึงมือกลับเข้ามา และพูดขึ้นอย่างกระสับกระส่ายว่า: “เหนื่อยแย่แล้วล่ะสิ ฉันเห็นนายเหงื่อออกแล้ว”
เสิ่นเจียเหวินเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เปลี่ยนไปอย่างไม่เป็นธรรมชาติแล้ว บางทีอาจเป็นเพราะเรื่องราวของเธอกับหลิวโป๋ฮุ่ยนั้นถูกฉินเฟยพบเห็นเข้า จึงเกิดความอับอายและเก้อเขิน หรืออาจเป็นเพราะจิตใจที่หวั่นไหวเล็กน้อยก่อนหน้านี้ ทำให้ตอนนี้ที่เธอกำลังเผชิญหน้ากับฉินเฟยนั้น ไม่อาจที่จะแสดงท่าทางที่ไม่สนใจอะไร หรือพูดคุยหยอกล้อกันแบบทั่วไปเหมือนก่อนแล้ว
เธอต้องการที่จะแสดงออกถึงความเป็นผู้หญิงมากขึ้นสักหน่อย
“เหอะเหอะ ไม่เป็นไร” ฉินเฟยยิ้มขึ้นแบบไม่ได้ใส่ใจ แล้วก็หยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดเหงื่อบนใบหน้า จากนั้นก็นำเอาน้ำแข็งวางลงไปบนผ้าขนหนู และใช้แรงบีบอยู่สองสามครั้ง แล้วก็นำไปประคบยังข้อเท้าที่บาดเจ็บของเสิ่นเจียเหวิน: “ใช้น้ำแข็งประคบช่วยลดการปูดบวมได้ และยังช่วยลดความเจ็บปวดด้วย รอให้น้ำแข็งก้อนนี้ละลายแล้ว ก็ค่อยประคบน้ำแข็งอีกครั้งหนึ่ง”
เมื่อเสิ่นเจียเหวินรู้สึกได้ถึงความเย็นที่มาจากบริเวณข้อเท้า กระทั่งอาการชาก่อนหน้านี้ก็แทบจะหมดสิ้นไปแล้ว จึงถอนหายใจยาว และมองไปที่ฉินเฟยด้วยความประหลาดใจ: “ทำไมนายถึงรู้และเข้าใจอะไรมากขนาดนี้? ”
“เคยเรียนรู้มาในตอนเด็ก โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่ลืม” ฉินเฟยหัวเราะขึ้น แล้วก็หยิบน้ำแข็งที่เหลืออีกกี่ก้อนนั้นใส่เข้าไปตู้เย็น
“กลิ่นอะไร? นายยังได้ซื้ออะไรมาอีกเหรอ? ”
ฉินเฟยกลับไปที่โซฟา ก็ได้ยินเสียงที่ประหลาดของเสิ่นเจียเหวินที่นั่งอยู่บนโซฟา และเห็นว่าเธอกำลังสอดส่องมองดูไปที่ถุงบนโต๊ะนั่งเล่น และใช้จมูกสูดดม ซึ่งเป็นท่าทางที่น่ารักอย่างที่สุด
ฉินเฟยอดหัวเราะไม่ได้: “จมูกอย่างคุณนี้สามารถไปเป็นสุนัขตำรวจได้เลย”
“ไปตายซะ มีอย่างที่ไหนที่มาพูดล้อเล่นกับพี่สาวแบบนี้? ” เสิ่นเจียเหวินพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
“พี่สาว? ” ฉินเฟยตกใจขึ้น
“ทำไมเหรอ? ฉันมีอายุมากกว่านายหลายปี ไม่สมควรเรียกว่าพี่สาวเหรอ” เสิ่นเจียเหวินส่งเสียงฮึและพูดขึ้น
“สมควร” ฉินเฟยยิ้มและพยักหน้า บรรยากาศของทั้งสองคนก็ผ่อนคลายลงไปเล็กน้อย ถึงขนาดที่มีความสนิทสนมกันเพิ่มขึ้นด้วย
ฉินเฟยรีบไปหยิบถุง แล้วก็นำถุงเล็กสี่ห้าใบออกมาจากด้านใน พร้อมกับพูดว่า: “ฉันเห็นว่าข้างทางมีร้านแมคโดนัลด์ ก็เลยซื้อมาให้คุณทาน ไม่ต้องไปทำอาหารอีกแล้ว”
ฉินเฟยซื้อแฮมเบอร์เกอร์ผักมาสองชิ้น รวมทั้งแฮมเบอร์เกอร์หมูและแฮมเบอร์เกอร์ไก่รสนิวออร์ลีนส์และมีน่องไก่อีกสองชิ้นและน้ำส้มคั้นสองแก้วด้วย
เสิ่นเจียเหวินมองไปที่ฉินเฟย คิดไม่ถึงว่าเขาจะละเอียดรอบคอบขนาดนี้ เพราะก่อนหน้านี้เธอได้พูดว่าเธอเองยังไม่ได้ทานข้าว
เธอยื่นมือออกมารับแฮมเบอร์เกอร์ผัก ส่วนฉินเฟยก็นั่งกินแฮมเบอร์เกอร์หมูอยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วเสิ่นเจียเหวินก็มองไปยังสิ่งของด้านในถุงและพูดถามขึ้นว่า: “นั่นคืออะไร? ”
“โอ้ว น่องไก่สองชิ้น หลังจากที่ซื้อเสร็จฉันก็เสียใจแล้ว เพราะรู้ว่าผู้หญิงอย่างพวกคุณจะต้องรักษารูปร่าง ตอนกลางคืนจะไม่กินเนื้อ” ฉินเฟยหยิบน่องไก่ออกมาชิ้นหนึ่งแล้วก็กัดกินไปหนึ่งคำ
เสิ่นเจียเหวินสีหน้าเย็นชา เบะปากและพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า: “นายกำลังบอกว่าฉันอ้วน? ”
“อ่า? ไม่ใช่ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนี้” ฉินเฟยตกใจ และรีบส่ายมือพร้อมกับอธิบาย
เสิ่นเจียเหวินทำปากจู๋เล็กน้อย พร้อมกับยื่นมือออกมาอย่างผยองและพูดว่า: “เอามาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ใครบอกล่ะว่าฉันไม่กิน”
ฉินเฟยรีบยื่นมือนำส่งไปให้เธอ แล้วเงยหน้าขึ้นมองท่าทางการกินของเสิ่นเจียเหวินที่มือข้างหนึ่งถือแฮมเบอร์เกอร์ผัก และมืออีกข้างหนึ่งถือน่องไก่ พร้อมกับแกว่งขาที่สวมใส่ถุงน่องบนโซฟาไปมาด้วย นี่คือท่วงท่าของคนที่มีอายุสามสิบปีอย่างนั้นเหรอ นี่คือผู้หญิงแกร่งที่มีหน้าที่การงานระดับสูงอย่างนั้นเหรอ
เสิ่นเจียเหวินมีหน้าตาสวยงดงาม และโดยปกติยังจะควบคู่ไปกับท่วงท่าของผู้บริหารมืออาชีพ มักจะทำให้คนรู้สึกว่ายากที่จะเข้าใกล้สนิมสนมด้วย แต่เสิ่นเจียเหวินในตอนนี้ เหมือนกับเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ลักษณะท่าทางของหญิงสาวน้อยที่แสดงออกมานั้น ฉินเฟยมองเห็นแล้วก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
เสิ่นเจียเหวินเห็นฉินเฟยที่พยายามควบคุมท่าทางหัวเราะของเขาอยู่นั้น ก็รู้สึกว่าเวลานี้ฉินเฟยต่างหากที่ดูโง่เขลา ตนเองเหมือนจะกำลังหัวเราะอย่างน่าขัน
แต่ท่าทางการหัวเราะนี้ช่างสดใสนัก ทำให้กระตุ้นไปยังจุดที่อ่อนไหวของหัวใจเธออีกครั้งแล้ว
เธอย้ายเข้ามาพักอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ได้เดือนกว่าแล้ว เธอรู้ดีว่า ร้านค้าในหมู่บ้านมีร้านแมคโดนัลด์ แต่มันตั้งอยู่ทางฝั่งเหนือสุดของหมู่บ้าน ซึ่งฉินเฟยไม่ได้เดินผ่านแล้วถือโอกาสซื้อมา แต่จะต้องวิ่งค้นหาไปทั่วบริเวณเป็นแน่
แฮมเบอร์เกอร์ผักในมือนั้นไม่ร้อนเท่าไรแล้ว และเธอก็ยังไม่ค่อยจะชอบกินผักดิบที่อยู่ในแฮมเบอร์เกอร์ด้วย แต่เธอกลับรู้สึกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารรสเลิศเต็มโต๊ะที่หลิวโป๋ฮุ่ยเชิญตัวเองมาทานแล้วนั้น แฮมเบอร์เกอร์ที่อยู่ในมือนี้กลับมีความอร่อยมากกว่าหลายเท่าเลย
เมื่อนึกถึงหลิวโป๋ฮุ่ย เสิ่นเจียเหวินก็ไม่รู้ว่าไปคิดถึงเรื่องอะไรขึ้น สีหน้าจึงหม่นหมองลง
“เป็นอะไรไปเหรอ? ไม่ชอบทานอย่างนั้นเหรอ? ” ฉินเฟยพูดขึ้นด้วยความแปลกใจ
“เปล่า” เสิ่นเจียเหวินส่ายศีรษะเบา ๆ เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่ฉินเฟยอย่างจริงจัง: “ในใจของนายนั้น นายคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงลักษณะอย่างไร? ”
ฉินเฟยตกใจ และพูดขึ้นอย่างสัตย์จริงว่า: “นิสัยร่าเริงเป็นกันเอง มีจิตใจดี เข้าใจคนอื่นได้ง่าย”
ฉินเฟยพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาถูกเสิ่นหัวแม่ภรรยาขับไล่ออกจากบ้านนั้น เขาผู้ที่ไร้ที่ไปก็เลยกลับมายังว่านเซียง มูวี พอดีได้พบเจอกับเสิ่นเจียเหวินเข้า ครั้นแล้วพวกเขากับเสิ่นหลิงเอ๋อร์ก็นัดหมายออกไปทานข้าวด้วยกัน
หลังจากนั้นแล้ว เสิ่นเจียเหวินยังได้ส่งข้อความบอกเขาว่า เธอเต็มใจที่จะเป็นผู้รับฟังให้กับตน และที่บ้านก็มีเหล้าด้วย
แม้ว่าจะเป็นคำพูดที่ง่ายดาย ฉินเฟยเองก็จดจำไว้ในใจมาโดยตลอด
“แน่นอนว่า คุณยังสวยงามด้วย รูปร่างก็ดี เรื่องนี้ฉันไม่จำเป็นต้องพูดหรอก คุณเองก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้ว” ฉินเฟยฉีกยิ้มขึ้น
“ไม่ได้ จะต้องพูดออกมา ฉันชอบคนอื่นชมว่าฉันสวยงามและมีรูปร่างดี” เสิ่นเจียเหวินพูดขึ้นอย่างหยิ่งทะนงในขณะที่มือยังถือน่องไก่อยู่