ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) - บทที่ 79 ความรู้สึกขอบคุณของเสิ่นเจียเหวิน
ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) บทที่ 79 ความรู้สึกขอบคุณของเสิ่นเจียเหวิน
“อ๊ะ คุณเป็นใคร ?”
“ผมคือหลิวโป๋ฮุ่ย เหล่าซานของตระกูลหลิว”
เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงขมวดคิ้วขึ้นทันที สีหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจชายที่ยืนข้างเธอก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้เธอและเตือนเธอด้วยเสียงแผ่วเบา “พี่สาวของคนผู้นี้คือภรรยาของโจวจุ้ย”
โจวเยว่จุน รองผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะเองก็เป็นพี่เขยของหลิวโป๋ฮุ่ยด้วย !
เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงขมวดคิ้วและลังเล หลิวโป๋ฮุ่ยก็รู้สึกภูมิใจอยู่พักหนึ่ง
“ที่แท้ก็เป็นบุคคลมีฐานะ” เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงพยักหน้าเบา ๆ
“ฮ่าฮ่า มันก็ไม่เชิง สาวน้อย คุณวางใจเถอะ ผมรู้กระบวนการสอบสวนของพวกคุณดี คุณปล่อยคนของผม อีกเดี๋ยวผมจะให้ทนายไปที่สถานีตำรวจเพื่อดำเนินคดีภายหลัง ฮ่าฮ่า รบกวนด้วย” หลิวโป๋ฮุ่ยยิ้มเบา ๆ เขาสยบตำรวจห้าสิบกว่าคนด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ นี่ทำให้ความเย่อหยิ่งก่อนหน้านี้ของเขากลับคืนมา
เสิ่นเจียเหวินเหมือนกับต้องการออกคำสั่งอะไรบางอย่าง แต่ในตอนที่กำลังจะพูดออกมากลับถูกฉินเฟยซึ่งอยู่ด้านข้างห้ามเอาไว้
หลิวโป๋ฮุ่ยกล้าอวดดีถึงขนาดนี้ เขาจะต้องมีความมั่นใจโดยธรรมชาติ แม้ว่าสิ่งนี้จะทำให้ผู้คนโกรธ แต่เมื่อได้เห็นมันหลายครั้ง เดี๋ยวก็คุ้นชินกับมันไปเอง
เสิ่นเจียเหวินเองก็ไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่อ่อนต่อโลก แน่นอนว่าเธอก็รู้ความจริงบางอย่างในเรื่องนี้เช่นกัน แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะโกรธอยู่ในใจ
“พวกคุณได้ยินกันหรือเปล่า ? รบกวนพวกคุณด้วย……” เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงเงยหน้าขึ้นมองตำรวจรอบ ๆ พร้อมกับรอยยิ้มอันเจือจาง และทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และเสียงของดังขึ้นอีกหลายเท่า “คุมตัวทุกคนกลับไป ห้ามปล่อยไปแม้แต่คนเดียว !”
หลังจากพูดจบ ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ แม้แต่ผู้ช่วยของเธอที่อยู่ด้านข้างก็อดหันมามองเธอด้วยสีหน้าอันตกใจไม่ได้ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้านายใหม่คนนี้จะไม่ไว้หน้าตระกูลหลิวเลยแม้แต่น้อย !
สีหน้าของหลิวโป๋ฮุ่ยเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน พูดออกมาพร้อมกับใบหน้าอันเคร่งขรึม “น้องสาว เข้าสังคมใหม่ ๆ อย่าทำอะไรผลีผลาม สังคมนี้มันซับซ้อนเป็นอย่างมาก มีคนชั่วอยู่มากมาย หากวันไหนเธอออกไปพบเจอกับคนเลวเหล่านั้นเข้ามันจะเป็นเรื่องไม่ดีเอาว่าไหม ?”
น้ำเสียงของหลิวโป๋ฮุ่ยดูนิ่งสงบ ดวงตาเล็ก ๆ ของเขาหรี่ลงเป็นรอยกรีด เขามองไปที่รูปร่างและใบหน้าที่สวยงามของเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่กำลังบูดบึ้ง
แม้ว่าคำพูดและน้ำเสียงของเขาจะดูประนีประนอม ไม่เหมือนกับคำพูดที่โหดร้าย แต่เด็กโง่ยังเข้าใจว่านี่คือการข่มขู่ !
เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงมองหลิวโป๋ฮุ่ย ไม่ได้โกรธแต่อย่างใด ดวงตาอันงดงามของเธอจับจ้องไปยังบอดี้การ์ดหลายคนที่นอนคร่ำครวญอยู่บนพื้น เม้มปากอย่างเหยียดหยาม “ด้วยคนงี่เง่าอย่างเจ้าพวกนี้งั้นเหรอ ?”
“เธอ……” หลิวโป๋ฮุ่ยแทบจะสำลักออกมา ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินด้วยความโกรธ
บ้าเอ๊ย ทำไมวันนี้ถึงได้ซวยถึงขนาดนี้ คนที่พบเจอต่างเป็นหนุ่มสาวผู้มุทะลุ !
ได้ยินคำพูดของเจ้านาย ผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะแอบยกนิ้วให้ หลิวโป๋ฮุ่ยผู้นี้อาศัยอยู่ในตระกูลที่มีภูมิหลังอันโดดเด่น ประกอบกับมีโจวจุ้ยซึ่งเป็นพี่เขย เขาทำทุกอย่างที่ตนเองต้องการ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งที่สองที่เขารังแกผู้อื่นเช่นนี้ แต่ครั้งนี้เขาได้เจอกับตำรวจอาชญากรรม มันก็ถือว่าเป็นโชคร้ายสำหรับพวกเขา
“ทำไม ? ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือยังไง ? พาตัวคนพวกนี้ไปให้หมด !” เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงตะคอกออกมาอีกครั้ง
มองไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังลากตัวเหล่าบอดี้การ์ดซึ่งแกล้งตายอยู่บนพื้นไป เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงผู้งดงามอดไม่ได้ที่จะหันมามองฉินเฟยและเสิ่นเจียเหวินที่อยู่ข้างเขา
ในตอนนี้ฉินเฟยเองก็หันไปมองเธอเช่นกัน สำหรับคำพูดที่กล้าหาญเมื่อสักครู่ของเธอ ฉินเฟยรู้สึกชื่นชมเป็นอย่างมาก ตรงไปตรงมา ตำรวจผู้ไม่เกรงกลัวในอำนาจแบบนี้ยังมีอยู่อีกไม่น้อย
ถอนหายใจด้วยความโล่งอกอยู่ในใจ หากอีกฝ่ายยอมอ่อนข้อให้หลิวโป๋ฮุ่ยจริง เขาจะถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจอย่างแน่นอน และเกรงว่าจะถูกใส่ความเป็นแน่
แน่นอน ในเวลานี้ฉินเฟยมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่อยู่ด้านหน้าของเขา ซึ่งเกือบจะเหมือนเซียววี่ทุกอย่างนั้น ไม่ใช่เซียววี่
เห็นฉินเฟยมองมาที่ตนเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงขมวดคิ้วเล็กน้อย หากคนเพียงคนเดียวสามารถเอาชนะอันธพาลฝีมือดีถึงสามสิบคนได้ แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของเขาจะต้องไม่ธรรมดา
นี่ทำให้เธอรู้สึกคันมือ ไม่รู้ว่าหากตนเองสู้กับชายผู้นี้ จะสามารถเอาชนะเขาได้หรือไม่ !
“มากับพวกเราเถอะ”
“อ่า” ฉินเฟยพยักหน้าและยิ้มอย่างขมขื่น จากนั้นยื่นมือทั้งสองข้างออกไปแต่โดยดี
ผู้ช่วยหยิบกุญแจมือออกมาแล้วก้าวไปหาฉินเฟย เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงหันมองมาเสิ่นเจียเหวินซึ่งอยู่ด้านข้าง
เมื่อเห็นเช่นนั้น หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยชุมชนที่อยู่ด้านข้างก็รีบก้าวไปข้างหน้าและอธิบายว่า “ผู้หญิงคนนี้เป็นหัวหน้าฝ่ายชุมชนของพวกเรา เธอไม่เกี่ยวข้องกับการทะเลาะกันในครั้งนี้ เธอเพิ่งจะมาหลังจากเกิดเรื่อง”
เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงส่ายหน้า หันไปมองเสิ่นเจียเหวินและพูดว่า “เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณเลยอย่างนั้นเหรอ ?”
“มี ที่พวกเขาทะเลาะกันก็มีเหตุผลมาจากฉัน หลิวโป๋ฮุ่ยเป็น…..” เสิ่นเจียเหวินอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับการนัดดูตัวระหว่างพวกเขาสองคน “ฉันเป็นรองประธานของว่านเซียงมูวี เขามีทนาย ฉันเองก็มี ฉันต้องหาทนายมาจัดการกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน และขอบคุณในการตัดสินใจอันยุติธรรมของคุณเมื่อสักครู่นี้ด้วย”
น้ำเสียงของเสิ่นเจียเหวินไม่ได้ดูร้อนรนแต่อย่างใด ไม่อ่อนน้อมถ่อมตนหรือเอาแต่ใจ
“ไม่ต้องขอบคุณ” เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงส่ายหน้า นี่เป็นสิ่งที่เธอควรทำอยู่แล้ว เธอยกมือขึ้นในทันใด เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงในเครื่องแบบคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “เสี่ยวเม่ย ให้เขาไปขึ้นรถของเธอ”
“รับทราบ”
“ฉันขอขึ้นรถไปคันเดียวกับเพื่อนร่วมงานของฉันได้หรือเปล่า ?” เสิ่นเจียเหวินพูดออกมาด้วยความร้อนรน
“ไม่ได้ ลักษณะของพวกคุณนั้นต่างกัน จะให้นั่งรถคันเดียวกันไม่ได้ นักผู้ต้องหาคนนี้ ฉันจะควบคุมตัวไปด้วยตัวเอง” เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงปฏิเสธ สายตาของเธอจ้องมองไปที่ฉินเฟยด้วยความรังเกียจและเยือกเย็น
การรับรู้ของผู้หญิงนั้นเฉียบแหลมมาก วินาทีแรกที่เธอปรากฏตัวที่นี่ก็สัมผัสได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองเธออยู่ แถมจ้องมองอย่างไม่ละสายตา
เธอรู้ตัวดีว่ารูปร่างหน้าตาของเธองดงามแค่ไหน สายตาแบบนี้เธอผ่านมันมาเยอะ แต่อย่างไรก็ตาม ชายผู้นี้เป็นผู้มีความสามารถในการต่อสู้สูง แต่คิดไม่ถึงว่าเขาเองก็จะมีนิสัยเสียเช่นนี้ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกขยะแขยงมากยิ่งขึ้น
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที ฉินเฟยเข้าไปในรถหุ้มเกราะที่คุมขังนักโทษ และตรงไปยังสถานีตำรวจซงไห่
ฉินเฟยจ้องมองเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้งดงามที่อยู่ด้านหน้า สุดท้ายก็อดไม่ไหวจนพูดออกมาว่า “คุณชื่ออะไร ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงผงะ เหลือบตามองฉินเฟย พูดออกมาอย่างเยือกเย็น “เมื่อเทียบกับคนอื่นที่มีเจตนาชั่วร้าย นายเป็นคนตรงไปตรงมามากกว่า”
“แต่ ฉันชอบคนตรงไปตรงมา เพราะมันดีกว่าคนที่ลังเล ไม่ได้เรื่องอะไรสักอย่าง” เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงเบะปาก “แต่ฉันไม่จำเป็นต้องบอก !”
“แฮ่ม แฮ่ม……” ฉินเฟยรู้สึกเขินอายอยู่ชั่วขณะ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมองว่าเขาเป็นพวกชอบพูดจาแทะโลม และต้องการตามจีบเธอ
ในห้องขังบนรถ นอกจากฉินเฟยและเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงคนนั้นแล้ว ยังมีผู้คุ้มกันติดอาวุธอีกสองคน เมื่อได้ยินคำพูดของทั้งสองคน ใบหน้าของพวกเขาก็ดูแปลกไป พยายามกลั้นยิ้มเอาไว้
“เธอกับเซียววี่มีความสัมพันธ์กันอย่างไร ?” ฉินเฟยพูดออกมาอีกครั้ง ในเมื่ออีกฝ่ายชอบคนตรงไปตรงมา งั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องพูดจาอ้อมค้อม
ได้ยินชื่อของเซียววี่ เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่เยือกเย็นมาโดยตลอดก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปในที่สุด มองมายังฉินเฟยและพูดว่า “นายรู้จักเธองั้นเหรอ ?”
“แน่นอนว่ารู้จัก ไม่ใช่แค่รู้จัก พวกเรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันด้วย แถมเธอยังเอาแหวนหยกที่มีมูลค่าเป็นอย่างมากของฉันไปอีกด้วย และตอนนี้ก็ยังไม่เอามันมาคืนฉันเลย” ฉินเฟยยิ้มออกมาเล็กน้อย
สิ่งที่เขาพูดถึงก็คือของขวัญวันเกิดของคุณย่าเจียง แต่หลังจากที่ตระกูลซุนมาโค่นล้ม ก็ทำให้เกิดการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างฉินเฟยกับคนของตระกูลซุน เรื่องนี้จึงถูกปล่อยไป แต่เขาเชื่อในตัวของเซียววี่ เธอไม่มีทางนำแหวนหยกของเขาไปโดยไม่นำมาคืน ดังนั้นเขาจึงไม่รีบร้อนที่จะไปทวงคืน
“แหวนหยกที่มีค่ามหาศาล ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงจ้องมองฉินเฟยพร้อมกับท่าทางของความสงสัย
พี่สาวไม่ใช่คนที่จะเอาของคนอื่นไปโดยไม่นำมาคืน โดยเฉพาะสิ่งของล้ำค่าอย่างที่อีกฝ่ายพูดถึง
“อ่า แหวนหยกของอู๋กั๋วไท่” ฉินเฟยพยักหน้า ในใจของเขาพอจะคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเซียววี่ออกแล้ว
“อู๋……นี่มันเป็นไปไม่ได้ นายรู้ได้อย่างไรว่าพี่สาวของฉันมีแหวนหยกวงนั้นอยู่ ?” คิ้วของเซียวเจียขมวดอย่างรุนแรง
“เพราะว่าพี่สาวของเธอนำแหวนหยกวงนั้นมาแลกกับของโบราณที่มีค่าพอ ๆ กันจากฉันคนนี้ไป” ฉินเฟยอธิบายออกไป เป็นอย่างที่คิด เธอเป็นน้องสาวของเซียววี่ และหากไม่มีอะไรผิดพลาด พวกเธอจะต้องเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางหน้าตาเหมือนกันได้ถึงขนาดนี้
แต่เมื่อเทียบกับเซียววี่ผู้รอบรู้และสง่างาม บุคลิกของน้องสาวคนนี้ค่อนข้างเจ้ากี้เจ้าการและดุดันกว่ามาก นิสัยของพวกเธอแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง !
แต่นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร บุตรแห่งมังกรทั้งเก้ายังมีนิสัยที่แตกต่างกัน และนี่มันก็เหมือนกับคำพูดที่สืบต่อกันมาตามชนบทว่า ลูกคนโตมักจะสุขุมและเยือกเย็น และลูกคนที่สองมักจะสดใสและมีชีวิตชีวา
“นายรู้จักพี่สาวของฉันจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ ?” เห็นว่าสิ่งที่ฉินเฟยพูดออกมาเหมือนจะเป็นเรื่องจริง น้ำเสียงของเซียวเจียดูเคร่งขรึมขึ้น
“แน่นอน ดังนั้นในตอนแรกที่ได้เจอเธอ ฉันเลยนึกว่าเซียววี่เปลี่ยนอาชีพไปแล้ว ในเมื่อทุกคนก็เป็นเพื่อนกัน น้องสาว เธอปลดกุญแจขอมือของฉันออกได้ไหม ฉันไม่หนีไปไหนหรอก” ฉินเฟยพูดออกมา
“อ้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับตำรวจ โทษของมันนั้นมากกว่า !” เซียวเจียจ้องเขม็งฉินเฟย และพูดกำชับออกมาว่า “จับตาดูเขาไว้ให้ดี คนผู้นี้เป็นบุคคลอันตราย”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินเฟยแข็งทื่อในทันที
บ้าที่สุด !
เซียวเจียหันหน้าหนี ไม่พูดอะไรมากกว่านั้น แต่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างเงียบ ๆ และส่งข้อความออกไปหาพี่สาวของเธอ
……
สถานีตำรวจจัดการทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย สิ่งสำคัญคือการมีหัวหน้าสาวสายและซื่อตรงผู้นี้อยู่ หลิวโป๋ฮุ่ยและเสิ่นเจียเหวินได้รับการปล่อยตัวหลังจากผ่านการสอบปากคำและทำบันทึกประจำวัน
ฉินเฟยผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลและดินโคลน ส่วนเสิ่นเจียเหวินออกมาโดยสวมชุดนอน ทั้งสองคนจึงนั่งรถไปบ้านของเสิ่นเจียเหวินทันที
ตลอดระยะทาง เสิ่นเจียเหวินไม่พูดอะไร หลังจากลงจากรถ เสิ่นเจียเหวินรีบเข้าไปพยุงฉินเฟยอย่างรวดเร็ว
อยากจะจินตนาการ ฉินเฟยสามารถจัดการกับลูกน้องสามสิบกว่าคนของหลิวโป๋ฮุ่ยจนนอนลงไปกองกับพื้น ก่อนหน้านี้เธอแค่คิดว่าฉินเฟยออกกำลังกายทุกวันเพราะเพิ่มสมรรถภาพและความแข็งแกร่งของร่างกายในส่วนที่ขาดหายไป
“ฉันไม่เป็นไร เธอนั่นแหละ อย่าทำให้ข้อเท้าได้รับบาดเจ็บอีก” ฉินเฟยส่ายหน้าและพูดออกมา
“รีบพิงฉันมาเร็วเข้า !” เสิ่นเจียเหวินมันจะแสดงออกอย่างอ่อนโยนกับคนภายนอก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่แสดงออกอย่างแข็งกร้าว โดยเฉพาะเมื่อคนที่อยู่หน้าเธอนั้นเป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูง
ทั้งสองพิงกันและเดินโซซัดโซเซเข้าไปในบ้าน ระหว่างทาง ผู้คนบนถนนชี้มาทางพวกเขาพร้อมกับซุบซิบนินทา
เกิดเรื่องยิ่งใหญ่ขนาดนี้ในชุมชน แม้พวกเขาไม่อยากให้แพร่งพรายออกไปก็คงยาก
เสิ่นเจียเหวินทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนฉินเฟยนั้นไม่มีผลอะไร เนื่องจากตัวเขาก็ไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงอะไรอยู่แล้ว
เสิ่นเจียเหวินมีอารมณ์ขี้เล่นอยู่ในใจ เม้มปากและพูดออกมาว่า “นายทำแบบนี้ มันทำให้ฉันลำบาก ฉันจะตอบแทนกับสิ่งที่นายทำอย่างไงดี ?”
“ฉันเองก็ไม่อยากทำให้เธอต้องลำบาก พวกเขาเข้ามาทุบตีฉัน จะให้ฉันอยู่เฉย ๆ และไม่ตอบโต้ มันก็ไม่ได้ไม่ใช่หรือไง ?” ฉินเฟยอธิบายออกอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อคำพูดนั้นจบลง เสิ่นเจียเหวินกลอกตาขาวในทันที
ผู้ชายคนนี้พูดจากวนประสาทแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ให้ตนเองรู้สึกขอบคุณสักเล็กน้อยมันจะตายหรือไง ?
ฉินเฟยเองก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน ตามคำพูดที่เสิ่นเจียเหวินต้องการสื่อออกมา คำตอบที่ดีที่สุดของเขาคือการบอกให้เธอยอมอุทิศเรือนร่างให้ตนเอง ยอมยกร่างกายอันงดงามของเธอมาเป็นของเขา
แต่ตนเองไม่ใช่คนแบบนั้น !
เว้นแต่เสิ่นเจียเหวินจะยอมอุทิศตนให้เขาเอง !