ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - ตอนที่ 1434
“โอเค!” กู้เหว่ยเลี่ยงพยักหน้าโดยไม่ลังเล
วันนี้เขารู้สึกหดหู่ใจหลังจากถูกเย่เฉินเหยียดหยาม คิดไม่ถึงว่ากู้เหว่ยกวงจะจัดหาโอกาสให้ได้เขาระบายความโกรธทันที ดังนั้นจึงตอบตกลงเลย
…
พลบค่ำ
สองพี่น้องกู้เหว่ยเลี่ยงและกู้เหว่ยกวงออกมาจากโรงพยาบาล ทั้งสองขับรถคันหนึ่งไปที่คลับเฮาส์ระดับไฮเอนด์ในเย่นจิง
คลับเฮ้าส์แห่งนี้มีชื่อเสียงมาก มีชื่อว่าอีห้าวกงก่าน
ในอีห้าวกงก่าน หากต้องการจัดห้องวีไอพี ต้องจ่ายอย่างน้อยสิบล้าน
เพราะที่นี่ วีไอพีจะมีห้องชุดหรูหราของตัวเอง ภายในห้องไม่เพียงแต่รวมร้านอาหาร KTV ออนเซ็น และบริการสปาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงห้องนอน ห้องประชุม และห้องหมากรุกด้วย
นอกจากนี้ วีไอพียังมีแม่บ้านส่วนตัวและพนักงานเสิร์ฟส่วนตัวอีกด้วย เมื่อมาที่นี่จะได้เพลิดเพลินกับบริการพิเศษระดับราชา สง่าผ่าเผยยิ่งกว่าราชาในสมัยโบราณอีกด้วย
พูดอีกอย่างก็คือ เมื่อสมัครเป็นสมาชิกของที่นี่ ไม่เพียงแต่กินดื่มสนุกสนานเท่านั้น แต่ยังสามารถจัดการประชุมทางธุรกิจและงานเลี้ยงได้อีกด้วย สารพัดประโยชน์จริงๆ
นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีความเป็นส่วนตัวมาก ไม่ต้องกังวลเรื่องการเปิดเผยความเป็นส่วนตัวเลย
เพราะอีห้าวกงก่านนั้นอเนกประสงค์ จึงเป็นที่โปรดปรานของเศรษฐีใหญ่ในเย่นจิง
กู้เหว่ยเลี่ยงและกู้เหว่ยกวงก็เป็นสมาชิกของคลับเฮ้าส์แห่งนี้ แต่ทั้งสองไม่ค่อยได้มาเที่ยวด้วยกัน ต่างคนต่างมา
วันนี้เพื่อเป็นการเอาใจกู้เหว่ยเลี่ยง กู้เหว่ยกวงจึงขอให้เพื่อนของเขาที่เปิดบริษัทเอเจนซี่ พานางแบบสาวชาวยุโรปสี่คนมาที่นี่ เขาต้องการทำให้กู้เหว่ยเลี่ยงเพลิดเพลินอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นการวางรากฐานอนาคตที่มั่นคงของเขาด้วย
กู้เหว่ยเลี่ยงข่มความโกรธเอาไว้ไม่ให้ระบายออกมา วางแผนที่จะมีความสุขในค่ำคืนนี้ที่นี่
ในไม่ช้า นางแบบสาวผมบลอนด์ดวงตาสีฟ้าสี่คนก็ถูกพามาที่นี่ แต่ละคนสวยงามและเสน่ห์อันน่าดึงดูด ซึ่งทำให้กู้เหว่ยเลี่ยงตื่นเต้นมาก
เขาเลือกสองคนที่สวยและหุ่นดีที่สุดโดยไม่ลังเลเลย แล้วพาไปยังห้องนอนหรูหราในห้องสวีท
ส่วนกู้เหว่ยกวงก็พาที่เหลืออีกสองคนไปยังอีกห้องหนึ่ง
ห้านาทีต่อมา สองพี่น้องวิ่งออกจากห้องด้วยความตื่นตระหนกพร้อมๆ กัน
ทั้งสองสบสายตากันที่หน้าประตู กู้เหว่ยเลี่ยงพูดขึ้นก่อน “เหว่ยกวง ของนายโอเคไหม?”
กู้เหว่ยกวงส่ายหน้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ สะอึกสะอื้น “พี่ชาย ฉันทำไม่ได้แล้ว… ไม่มีความรู้สึก ไม่ปฏิกิริยาใดๆ เลย ฉันคงจะเป็นหมันแล้วจริงๆ…”
พูดจบก็มองไปที่กู้เหว่ยเลี่ยง แล้วถามว่า “แล้วพี่ล่ะ ยังมีไหม?”
กู้เหว่ยเลี่ยงทรุดนั่งลงกับพื้น แล้วบ่นพึมพำ “ให้ตายสิ ฉันก็ไม่มีแล้ว…นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น…ฉันเพิ่งจะอายุยี่สิบกว่าเอง อยู่ดีๆ ทำไมถึงใช้การไม่ได้แล้ว?”
กู้เหว่ยกวงถามต่อ “พี่ชาย พี่รู้สึกไหมว่า เหมือนส่วนนั้นของร่างกาย ถูกตัดขาดจากร่างกายไปแล้วอย่างสมบูรณ์?”
กู้เหว่ยเลี่ยงพยักหน้า พูดด้วยดวงตาแดงก่ำ “บัดซบ ความรู้สึกนี่แหละ…”
กู้เหว่ยกวงแทบทรุด เขายืนพิงกำแพง แล้วค่อยๆ ไถลลงมาที่พื้น เอ่ยด้วยความสิ้นหวัง “พี่ชาย พี่คิดว่าเราควรทำยังไงดี…?”
กู้เหว่ยเลี่ยงพูดด้วยความตื่นตระหนก “คงไม่ได้เป็นไปตามคำพูดของเจ้าเด็กนั่นในวันนี้หรอกนะ? ไม่ได้การ! ต้องรีบไปโรงพยาบาลตรวจดูว่าเกิดอะไรขึ้น!”