ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - ตอนที่ 245
ทที่ 245 เจอกับผู้ชายจนๆคนนั้นหน่อย(1)
เช้าวันนี้ เซียวชูหรันตื่นขึ้นมาแต่เช้า และยังแต่งหน้าอีกด้วย
เธอหลังจากที่แต่งหน้าแล้ว คิ้วเรียวเหมือนใบต้นหลิว งามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ทำให้เย่เฉินมองแล้วรู้สึกหวั่นไหวเป็นพิเศษ
แต่ว่าเขาถามด้วยความแปลกใจอย่างมาก: “ที่รัก ปกติคุณไปทำงานโดยไม่แต่งหน้านี่ ทำไมวันนี้ถึงแต่งหน้าได้? มีเรื่องสำคัญอะไรเหรอ?”
ในวันธรรมดา เซียวชูหรันเผยหน้ากลางอรุณ(นางสนมเข้าเฝ้าฮ่องเต้โดยไม่แต่งหน้า)มาโดยตลอด นั่นเป็นเพราะว่าหน้าของเธอตอนไร้เครื่องสำอาง ก็สวยมากอยู่แล้ว ดังนั้นน้อยมากที่เธอจะแต่งหน้า
เซียวชูหรันตอบอย่างจริงจัง: “วันนี้เป็นวันประชุมสุดยอดของอุตสาหกรรมการตกแต่งเมืองจินหลิง คุณไปพร้อมกับฉันแล้วกัน บริษัทของเราเพิ่งจะเปิดกิจการ หาได้ยากที่ฝ่ายผู้จัดงานจะเชิญเรา นี่คือโอกาสอันดีที่จะปรากฏตัวขึ้นในสายงานวิชาชีพ เราต้องแสดงออกมาให้ดี คว้าโอกาสยืนอยู่ในอุตสาหกรรมนี้ให้มั่นคงให้ได้”
เย่เฉินถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย: “บริษัทไหนเป็นผู้จัดงาน? เราเพิ่งจะเปิดกิจการ ทำไมถึงได้เชิญเรา……”
เซียวชูหรันยิ้มและพูดว่า: “ตี้เหากรุ๊ปเป็นผู้จัดงาน รองประธานหวังหวังตงเสวี่ยนส่งบัตรเชิญให้ฉัน”
“มิน่า……” ปกติเย่เฉินก็ไม่สนใจเรื่องของบริษัท ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าตี้เหากรุ๊ปเป็นผู้จัดงานประชุมสุดยอดในครั้งนี้
ประมาณการว่าเพราะบริษัทของภรรยาเขาเพิ่งเปิดกิจการ หวังตงเสวี่ยนอยากช่วยภรรยาเขาขยายชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จัก ดังนั้นถึงได้จงใจจัดงานประชุมสุดยอดดังกล่าวขึ้นมา
พูดให้แจ่มแจ้ง ก็คือจะจัดเวทีเพื่อให้ภรรยาเขาได้ร้องเพลง
หลังจากที่เซียวชูหรันแต่งหน้าเสร็จแล้ว หาชุดสูทให้เย่เฉินใส่ชุดหนึ่ง ถึงได้พาเขาออกไปด้วย
ตอนที่ถึงสถานที่ประชุม ที่นี่ก็มีคนเนืองแน่นมากแล้ว ชายวัยกลางคนสวมชุดสูทรองเท้าหนัง พาสาวสวยที่แต่งตัวสวยงามตระการตามาร่วมงานเดินอยู่ทุกที่
เย่เฉินก็ไม่เคยติดต่อกับอุตสาหกรรมการตกแต่งมาก่อน ดังนั้นเลยไม่มีคนรู้จักสักคน แต่ว่าเมื่อก่อนตอนที่เซียวชูหรันอยู่บริษัทเซียวซื่อเคยติดต่อกับคนในสายงานนี้มาตลอด ดังนั้นทันทีที่เข้ามา ก็พบกับคนรู้จักและทักทายไปไม่น้อย
ไปกับเซียวชูหรันแจกนามบัตรไปหนึ่งรอบ จู่ๆเย่เฉินก็พบว่า ดูเหมือนจู่ๆฝูงชน ก็ล้อมรอบชายวัยกลางคนคนหนึ่งเอาไว้ คนกลุ่มใหญ่ล้อมรอบอยู่รอบทิศทางเขา ยกยอปอปั้นกันอย่างสุดขีด
เย่เฉินสายตาแหลมคม มองแวบเดียวก็เห็น คนที่อยู่ข้างกายชายวัยกลางคนแปลกหน้าคนนี้ คือเซียวเวยเวย!
เขาอดที่จะถามเซียวชูหรันด้วยความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้: “ที่รัก บริษัทเซียวซื่อล้มละลายแล้วไม่ใช่เหรอ? เซียวเวยเวยมาทำอะไร?”
เซียวชูหรันก็มองไปสองสามครั้ง ส่ายหน้าพูดว่า: “ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน ได้ยินแม่ฉันพูดว่า สองสามวันมานี้ตระกูลเซียวหาเงินลงทุนมาได้อีกก้อนหนึ่ง บางธุรกิจก็เริ่มดำเนินการตามปกติแล้ว”
เย่เฉินขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
ลงทุนตระกูลเซียว? ใครที่มันไม่มีตาขนาดนี้?
ไม่พูดถึงเรื่องความขัดแย้งระหว่างตนกับตระกูลเซียว ซ่งหวั่นถิง หวังเจิ้งกางและฉิงกางพวกเขาต่างก็รู้ดี ถึงแม้จะไม่รู้ ก็น่าจะได้ยินมาว่าบริษัทเซียวซื่อถูกตี้เหากรุ๊ปขึ้นบัญชีดำไปแล้ว ในเวลาแบบนี้ยังลงทุนตระกูลเซียวอีก นี่ไม่ใช่สมองมีปัญหาเหรอ?
เวลานี้ ด้านข้างมีคนสองคนเอาหัวชนกันแล้วกระซิบกันขึ้นมา หนึ่งในนั้นพูดว่า: “อั๊ย คนนั้นก็คือประธานกรรมการของเชียนเฉิงกรุ๊ปเซียวอี้เฉียน!”
“เขาก็คือประธานเซียวเหรอ?” อีกคนหนึ่งอุทานด้วยความประหลาดใจ พูดว่า: “ดูเหมือนว่าประธานของสมาคมการค้าหนานกว่างก็คือเขาใช่ไหม?”
“ถูกต้อง เขานั่นแหละ!”
“คนเย่นจิงคนหนึ่ง ทำไมถึงเป็นประธานของสมาคมการค้าหนานกว่างได้? !”
“ในหนานกว่างเชียนเฉิงกรุ๊ปก็มีธุรกิจอยู่ไม่น้อย และที่สำคัญคือตระกูลซ่งไม่ได้แข่งขันกับพวกเขาเพื่อชิงตำแหน่งประธาน ถ้าไม่อย่างนั้น ตำแหน่งประธานต้องเป็นของตระกูลซ่งอย่างแน่นอน”
เย่เฉินอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้